บันทึกหน้าสุดท้ายในฐานะสื่อ

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องเก็บของออกจากบริษัทสื่อมวลชน ขอบอกตามตรงว่า ปรับตัวสู่ยุคออนไลน์ไม่ได้ จากเพื่อนๆที่นั่งกันในทีมกว่า 50 ชีวิต ตอนนี้เหลือกันอยู่ 10 กว่าคน ซึ่งมีแต่รุ่นหลานๆที่เหลืออยู่ เพราะเค้าเป็นเด็กยุคออนไลน์กันหมดแล้ว

พรุ่งนี้จะเริ่มงานใหม่ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองก็เลยอยากไถ่โทษที่ได้ทำผิด ติดในใจตั้งแต่สมัยเป็นนักข่าวในช่วง 5 ปีหลังที่ผมถามตัวเองทุกวันว่า ผมเป็นนักข่าวรึป่าว? เราเหลือคุณค่าความเป็นนักข่าวมั้ย...
ช่วงหลังๆ พอปรับมาเป็นสื่ออนไลน์ เราต้องมาเป็นเครื่องมือของคนหลายฝ่าย เราถูกจ้างให้เขียนโดยที่เราไม่ต้องขยับปากกา เพราะมีคนร่างมาให้ มีทั้งแบบที่เราถูกจ้างให้ใส่ร้าย และมีแบบที่เราจำใจต้องใส่ร้าย เพราะธุรกิจสื่อ มันเริ่มไปไม่ได้ บอกตามตรงว่าลำบากใจ เพราะสื่อออนไลน์มันไม่มีบก. ตีไปด้วยเรียกเงินสนับสนุนเค้าไปด้วย บอกตามตรงผมเหนื่อยครับ

เอาเป็นว่า ยุคนี้ข่าวดีขายยาก คนเรามันตกหลุมความอิจฉา ไม่อยากเห็นใครดีกว่า ข่าวร้ายถึงได้ขายดี เห็นเศรษฐีต้องบอกว่าโกง ก็จะมีคนติดตาม อยากดังต้องหยิบทุกเรื่องมาด่า ขัดขวางทุกเรื่องเพื่อเรียกกระแส นี่แหละครับ สังคมที่ผมต้องเดินจากมา. ผมต้องขอลาอาชีพที่อยู่มา 20 ปี หวังว่า น้องๆรุ่นหลังจะกลับไปอ่านจรรยาบรรณสื่อ ยกระดับสื่อให้มีมาตรฐาน และไม่ตกเป็นเครื่องมือของใครในการสร้างความเกลียดชัง เพราะเมื่อคุณรู้ตัวอีกที คุณอาจทำร้ายชีวิตคนดีๆไปไม่รู้กี่ชีวิต
...คนขีดข่าว...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่