[[สปอยแหลกลาน]] Detective Conan ประมวลเนื้อเรื่องจนถึงตอนปัจจุบัน Vol.2

สวัสดีครับ สืบเนื่องมาจากผมเคยเขียนกระทู้สรุปเนื้อเรื่องโคนันเมื่อสักสองสามปีก่อน ก็มีคนหลังไมค์มาถามเรื่อยๆ ผมไม่ค่อยว่างแกมขี้เกียจ พอนานเข้าเค้าก็เลิกถามไปเอง คงอารมณ์ประมาณว่าจะเขียนไม่เขียนต่อก็เอาที่สบายใจเถอะ555 อันที่จริงผมก็ร้างสปอยไปนานพอดู แต่พอดีช่วงนี้รู้สึกอยากหาอะไรทำแก้เซ็ง ก็เลยตะบี้ตะบันยัดยี่สิบสามสิบกว่าตอน แล้วลองเอามาย่อยแล้วย่อยอีก เหมาะกับคนที่ไม่อยากมึนกับตัวอักษรเท่าไรนัก จนเป็นกระทู้นี้ครับ

กระทู้นี้เขียนไว้รอสักเดือนกว่าๆแล้ว แต่กะจะรอดูว่าอาถรรพ์ 100 ตอนจะมาไหม จนตอนนี้ก็ได้ร่วมยินดีกับยอดนักสืบจิ๋วโคนันที่ทะลุหลักพันตอนได้สำเร็จสักที ใครที่ลุ้นอยู่ก็ขอสปอยไว้ย่อหน้าแรกๆเลยละกันว่าใจแป้วได้เลยครับ ค่อนข้างแน่นอนแล้วครับว่าครั้งนี้เราอดกระชากหน้ากากรัม ไม่รู้ต้องรอไปอีกนานแค่ไหน

อนึ่ง ผมสังเกตว่าพักหลังนี้มีทั้งกระทู้พันทิป ทั้งเพจแปล เอาสปอยเป็นตอนๆมาอัพเดทเป็นระยะๆ ก็รู้สึกดีใจที่มีกระแสตามสปอยเกิดขึ้นในหมู่คนไทยบ้าง แต่ก็จะกลายเป็นว่าคอนเทนต์ของกระทู้นี้ หลายคนก็คงรู้มาก่อนแล้ว ถ้ารู้สึกไม่ตื่นเต้นก็ขออภัยด้วยนะครับ

ความเดิมตอนที่แล้ว (ปัจจุบันรวมเล่มไทยตามทัน + รูปในกระทู้บางรูปก็ลิ้งเสียไปแล้ว คิดดูละกันว่าเขียนไว้นานขนาดไหน)
https://pantip.com/topic/31498411
https://pantip.com/topic/31935311

ต่อจากในกระทู้จนถึงรวมเล่มของไทย ณ ปัจจุบัน (เล่ม 86)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




หลังจากจบคดีกิ๊กก๊อกคดีหนึ่ง คุโรดะก็โผล่มาเซอร์ไพรส์เด็กแว่นด้วยการบอกว่าจะย้ายมาเป็นผู้กำกับที่โตเกียวแล้วเด้อ แถมยังพูดขอฝากเนื้อฝากตัวอีก เล่นเอาเด็กแว่นกับไฮบาระช็อกไปตามๆกัน กลายเป็นว่าย้ายมาหายใจรดต้นคอกันถึงที่เลยทีเดียว



ทางด้านชูคิจิก็ได้เผยออกมาว่าเคารพในตัวนักเล่นหมากรุกญี่ปุ่นคนหนึ่งมากเสมือนเป็นพี่ชายเลยก็ว่าได้ ชื่อว่า โคจิ ฮาเนดะ จะสังเกตได้ว่านามสกุลเหมือนกับตัวชูคิจิเอง แต่ที่มาที่ไปเป็นอย่างไรยังไม่ปรากฏแน่ชัด ทั้งนี้ทั้งนั้นจะไม่แปลกเลยถ้าไฮบาระไม่ดันเล่าให้โคนันฟังว่าเป็นหนึ่งในรายชื่อคนที่ถูกฆ่าด้วย APTX



จากการหาข้อมูลก็พบว่า เมื่อ 17 ปีก่อน โคจิไปแข่งที่อเมริกา แต่ถูกฆ่าตายในห้องพักที่โรงแรมซึ่งสภาพห้องเละเทะ และในอีกห้องของโรงแรมเดียวกัน อแมนด้า ฮิวจ์ หญิงสูงวัยชาวอเมริกันที่เป็นแฟนคลับโคจิ แถมยังมีเส้นสายกับ FBI และ CIA ก็ถูกฆ่าตายเช่นเดียว ทั้งคู่เหมือนกันคือตายโดยไม่ทราบสาเหตุ จากหลักฐานรอยนิ้วมือชี้ให้เห็นว่าอแมนด้าเคยไปเยี่ยมโคจิที่ห้องพักด้วย ที่แปลกคือในที่เกิดเหตุของโคจิ มีกระจกแต่งหน้าของผู้หญิงตกอยู่ด้วย



ต่อมาสึบารุกับโคนันก็ตีปริศนาข้อความที่โคจิทิ้งไว้ก่อนตายแตก ได้เป็นคำว่า “ASACA RUM” ซึ่ง Asaca ไปพ้องกับชื่อ Asaka บอดี้การ์ดของอแมนด้าที่ไม่เคยปรากฎรูปถ่ายในสื่อใดๆและอยู่ๆก็หายไปจากคดีอย่างไร้ร่องรอย เป็นปัญหาที่ขบไม่แตกมาจนถึงปัจจุบัน
(จากซ้ายไปขวา โคจิ / อแมนด้า / อาซากะ)



เด็กแว่นก็เริ่มคุ้ยหนัก พอตามรอยคดีที่พอจะเข้าเค้าคดีหนึ่ง ก็ดันไปจ๊ะเอ๋กับเซระและเด็กปริศนาที่พักติดกับห้องของเหยื่อ พอได้ยินว่าเกี่ยวกับคดีโคจิ ทั้งเซระและเด็กปริศนาที่แอบอยู่ก็ทำตาตื่น จะคาดคั้นกับลุงหนวดเอาลูกเดียว เด็กแว่นรู้สึกแปร่งๆเลยจะขอค้นห้องเซระ เด็กปริศนาเลยต้องโชว์สกิลลี้ภัยโหนตัวหลบใต้ระเบียง เด็กแว่นก็ไม่วายมือซน เอื้อมมือตามไปถ่ายรูปจนได้ บาปกรรมที่ทำไว้ส่งผลให้หูกระต่ายเปลี่ยนเสียงร่วงจากกระเป๋าโดยไม่รู้ตัว



พอคลี่คลายคดีเสร็จ เพิ่งมารู้ตัวว่าหูกระต่ายหาย แถมดันยิงยาสลบใส่ลุงไปแล้ว ทีนี้ก็เป็นเรื่องสิครับ ทันใดนั้นเอง เซระก็พุ่งเข้ามาทำเนียนยัดมือถือไว้ที่ปกเสื้อหลังคอลุง แล้วก็มีเสียงลุงออกมา โคนันหันไปดูก็เห็นเงาเด็กกำลังยืนพูดใส่หูกระต่าย จะวิ่งเข้าไปจับ แต่พอเซระห้ามไว้ อยู่ๆก็หัวอ่อนขึ้นมาทันควัน นั่งเชื่องฟังจนจบคดีเลย เหอะๆ



ปิดคดีเรียบร้อย เด็กปริศนากระโดดกลับระเบียงห้องเซระไปแล้ว เด็กแว่นก็ทำมาเป็นวิ่งออกมาที่ระเบียงห้องเกิดเหตุ มันจะทันไหมล่ะพ่อคุณ แถมยังปอดแหกไม่กระโดดตามไปด้วยนะ สู้คนร้ายในคดีก็ไม่ได้ กระโดดหนีปรู๊ดข้ามระเบียงไปเจอเด็กปริศนาที่ยืนขวางประตูทางออกในห้องเซระ เด็กแว่นได้สติวาร์ปมาอีกที ก็เจอคนร้ายนอนหมดสติน้ำลายฟูมปากไปแล้ว เซระที่ตามมาติดๆมาเจอเหตุการณ์ก็ตกใจลืมตัวเผลอเรียก “หม่าม้า” ออกไป กระตุกต่อมสงสัยนักสืบจิ๋วอีกเช่นเคย



หลังจากทุกคนแยกย้ายกลับบ้าน เด็กปริศนาก็เตือนเซระว่า อย่าประมาทให้มากนัก ก็เหมือนเผชิญปีศาจในความมืดนั่นแหล่ะ โคนันไม่ใช่เด็กคนที่เราเคยเจอเมื่อสิบปีก่อนหรอกนะ ส่วนด้านโคนันเองก็กลับมาทำการบ้านตั้งสมมติฐานโดยใช้ข้อมูลที่ได้มาจากคดีที่ว่าอาซากะเป็นผู้หญิงมาจับแพะชนแกะกับสิ่งที่เห็นวันนี้ว่าเด็กปริศนาเก่งมากจนน็อคผู้ชายตัวใหญ่ได้ เลยจินตนาการไปว่าอาจจะเป็นรัมหรือเปล่า



ตัดมาที่ลูกพี่ผู้ยังไม่ตายเพราะมะเร็งปอดกันบ้าง เบ๊ที่ขับรถเงียบๆไม่เป็น ก็ถามโน่นถามนี่ถึงคดีโคจิ ยีนก็บอกว่าช่างหัวสิ่งที่รัมทำเละเมื่อ 17 ปีก่อนมันสิ สนใจก็แต่โคโกโร่นิทราเนี่ยแหล่ะ แล้วก็เอ่ยโควทเด็ดประจำตอน “ก็เหมือนเผชิญปีศาจในความมืดนั่นแหล่ะ” ถ้าโคโกโร่เป็นปีศาจ งั้นก็ต้องสอยตอนมันหลับเนี่ยแหล่ะดี



ทีนี้คดีที่ดูจะมีเบาะแสเกี่ยวกับอาซากะที่หายตัวไปก็พร้อมใจไหลเข้ามาในเวลาเดียวกัน (แต่อันนี้สุดท้ายก็เป็นเรื่องบังเอิญเข้าใจผิด) แน่นอนว่าเรื่องก็ต้องไปถึงหูองค์กรด้วย เด็กแว่น สึบารุ อมุโระพ่วงด้วยเจ๊เบลม็อทในคราบอาซึสะจึงโดดมาป๊ะกันพอดี เด็กแว่นจับพิรุธเบลม็อทได้ตั้งแต่ในแรกเห็น เลยแอบไปเตือนสึบารุ แต่สึบารุไม่หวั่น



ในระหว่างคดี สภาพศพเกิดไปกระตุ้นความทรงจำเบื้องลึกอย่างหนึ่งของอมุโระขึ้นมา เป็นภาพของไรย์ที่เนื้อตัวเปรอะไปด้วยเลือด ถือปืนยืนอยู่หน้าศพของสก็อต แล้วเบอร์บอนวิ่งมาเห็น โดยไรย์บอกว่าจับได้แล้วว่าสก็อตคือตำรวจแฝงตัวมา (พูดง่ายๆก็คือเป็นเพื่อนของอมุโระ) ก็เลยต้องจัดการทิ้ง นี่เองที่เป็นชนวนความแค้นของอมุโระที่มีต่อเฮีย



อมุโระที่หายสงสัยในตัวสึบารุไปแล้ว จากการที่โดนเด็กแว่นและเฮียต้มเมื่อครั้งก่อน ก็เริ่มตะหงิดๆอีกครั้ง และพอเห็นสึบารุเขียนลายมือชื่อให้ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน ก็ทักขึ้นมาทันทีว่า อ้าว ถนัดซ้ายหรอกหรอเนี่ย เพราะครั้งก่อนที่บุกไปประจันหน้าที่บ้าน เห็นสึบารุใช้มือขวาถอดมาสก์ปิดปาก จากนั้นอมุโระก็พูดคุยฉันมิตรว่า บังเอิญคนที่เกลียดจนสาบานจะฆ่าให้ตายให้ได้ก็ถนัดซ้ายเหมือนกันน่ะครับ



และดูเหมือนว่าฝีมือการปลอมตัวของเจ๊จะขึ้นสนิมไปเยอะ เพราะนอกจากจะโดนโคนันจับได้ตั้งแต่แว๊บแรกแล้ว ยังเผลอหลุดปากเรียกแองเจิ้ล ซึ่งเหมือนกับตอนที่เจ๊กำลังจะยิงไฮบาระในคดีคืนพระจันทร์เต็มดวง จนแม้แต่นางเอกที่ผมแหลมแต่หัวสมองไม่แหลมก็เอะใจว่าไม่ใช่อาซึสะตัวจริง



มาเฉลยในท้ายตอนว่าความจริงแล้ว ไรย์เข้าไปห้ามปืนไม่ให้สก็อตยิงตัวตายเพราะคิดว่าถูกเปิดโปง พร้อมกับบอกสก็อตว่าตัวเองก็เป็นหนอนขององค์กรเหมือนกัน และกำลังจะเตี๊ยมกับสก็อตให้ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เบอร์บอนดันวิ่งขึ้นบันไดมาซะก่อน สก็อตได้ยินแต่เสียงวิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นใคร เลยเพลยเซฟตัดสินใจแย่งปืนมายิงมือถือทะลุอกตัวเองตามที่ตั้งใจดีกว่า ซึ่งไรย์สันนิษฐานมือถืออาจจะเก็บข้อมูลของครอบครัวหรือองค์กรตำรวจไว้ พอเบอร์บอนวิ่งขึ้นมาถึง ไรย์ก็เลยต้องเล่นตามน้ำไปว่าเป็นคนจับไต๋สก็อตได้เลยเชือดทิ้ง



ทางด้านรันเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว ไปกระซิบถามเจ๊โต้งๆเลยว่าไม่ใช่อาซึสะใช่ไหม เจ๊ก็เดินยิ้มแล้วตอบสวยๆว่า อย่าเข้ามาในโลกของฉันเลย เพราะเธอคือสมบัติของฉัน หนึ่งในสองของสมบัติที่ฉันมีอยู่ โดยในรูปก็โชว์ภาพเด็กแว่นที่กำลังวิ่งตามรันมา



ส่วนโรงเรียนประถมเทตันก็มีครูประจำชั้นเพิ่มอีกคนชื่อว่า วากาสะ รูมิ ที่แก่กว่าครูโคบายาชิถึงสิบปี มาถึงวันแรกก็โชว์เปิ่นหัวกระแทกโต๊ะต่อหน้านักเรียนทั้งห้องเลย แต่ปรากฎว่าพออยู่ลับตาเด็กๆ เธอจะสวมบทโฉดซัดคนร้ายสามคนที่มารุมจนหมอบได้อย่างสบาย



ต่อมาอีกคดี รัน โซโนโกะ เซระชวนกันไปซื้อชุดว่ายน้ำ เด็กแว่นก็ตามไปด้วย พอเห็นเซระในชุดว่ายน้ำชุดหนึ่ง ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมาก่อน ซึ่งความจริงแล้วก็เคยเจอกันมาก่อนจริงๆที่ชายหาดแห่งหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน เจอทั้งครอบครัวเลยไล่ตั้งแต่ แม่ แมรี่ (ซึ่งต่อมาเด็กแว่นก็ปิ๊งเลยว่าเป็นคนเดียวกับเด็กปริศนา) – พี่คนโต ชูอิจิ – พี่คนรอง ชูคิจิ – น้องสุดท้อง เซระ



สาเหตุที่ไม่มีคนพ่อที่ชื่อสึโตมุ ก็เพราะว่าหลังจากที่ส่งเมล์มาบอกครอบครัวว่าได้เป็นศัตรูกับคนที่ร้ายกาจมาก ให้ทำเหมือนไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้วเถอะนะ ก็หายสาบสูญไปเลยไม่มีใครพบตัว เฮียเองก็ติดใจเรื่องนี้ เลยตั้งมั่นจะเป็น FBI เพื่อตามหาความจริง โดยแมรี่ก็คัดค้าน เพราะอยากให้กลับมาอยู่ญี่ปุ่น ช่วยทำหน้าที่พี่ใหญ่ให้ชูคิจิกับเซระ แต่ก็ไม่เป็นผล โดนกล่อมจนเห็นเงาสะท้อนของสามีในตัวลูกชายเลยทีเดียว



ทางด้านลุงโมริก็ได้ลูกศิษย์เพิ่มมาอีกแล้ว เป็นพนักงานร้านซูชิแถวสำนักงานนักสืบนามว่า วาคิตะ คาเนะโนริ เพิ่งจะย้ายมาทำงานได้ไม่นาน บอกว่าตาเจ็บข้างหนึ่ง จึงต้องคาดผ้าปิดตาไว้ โดยวาคิตะผู้นี้ทำตัวกระตือรือร้นสนใจโมริออกหน้าออกตา และพยายามจะมีส่วนร่วมช่วยไขคดีที่เกิดขึ้นในร้าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่