นครนิรมิต ตอนที่ ๖ แผนลับ
https://pantip.com/topic/36738403
ตอนที่ ๗ มอดไหม้
เมื่อแสงทินกรสาดลงมาจากฟากฟ้า เหล่าทหารแห่งมหินทร์บรรพตที่ซุ่มโจมตีตามจุดประจำการก็กระชับอาวุธในมือเตรียมต่อสู้ ขบวนม้าเร็วยี่สิบตัวของสุเรนทร์พิศาลที่มุ่งหน้ามาก่อนกำลังเคลื่อนเข้าสู่หนทางซึ่งถูกบีบให้เล็กแคบลงเพื่อเข้าไปในผืนป่าอันรกทึบด้านในที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ผิดกับหลายๆ เมืองในดินแดนปฤศาที่ต่างก็แห้งแล้งกันดาร
ครั้นร่างอาชากลุ่มนั้นถูกเงาไม้ในพนารกบดบัง ลูกธนูอาบยาพิษก็พุ่งเข้าใส่ปานห่าฝน เสียงม้าร้องเหวอด้วยความตื่นตระหนก สลับกับเสียงโห่ร้องของทหารสุเรนทร์พิศาลที่ตะโกนเตือนพวกที่กำลังจะติดตามเข้ามาเบื้องหลัง แม้ชุดเกราะที่สวมใส่จะหนาพอที่สามารถทัดทานแรงฟาดฟันจากคมดาบได้ แต่พลธนูฝีมือดีที่ถูกฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดก็เล็งจุดสำคัญใต้เสื้อเกราะหนานั้น ทั้งซอกคอ ใต้ราวนม หรือแม้แต่ใต้หัวเข่า ในจุดที่ชุดเกราะมิอาจป้องกันได้
ทหารฝีมือฉกาจของสุเรนทร์พิศาลล้มครืนลงจากม้านับสิบ พวกที่เหลือเมื่อมองเห็นตัวผู้ลอบทำร้ายก็พุ่งหอกแหลมเข้าใส่ทันที ร่างของทหารมหินทร์บรรพตหล่นฮวบตกลงมาจากต้นไม้สูง เมื่อเห็นท่าไม่ดีผู้เป็นคนนำขบวนม้าเข้ามาจึงถอยร่นกลับออกไป เหลือทหารที่รอดชีวิตออกมาเพียงห้านาย ครั้นพอองค์ชายสุริยจักรเห็นสภาพผู้เป็นลูกน้องก็ถึงกับขบกรามแน่นด้วยความแค้นโกรธ
“ทำการไม่ต่างกับหมาใน ลอบกัดงั้นหรือ...” องค์ชายหนุ่มกำดาบในมือแน่น ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังผืนป่าเบื้องหน้า ในขณะที่ผู้เป็นลูกน้องซึ่งบาดเจ็บจากการถูกลูกธนูยิงร่วงตกลงมาจากหลังม้าที่ละคน ก่อนจะดิ้นพล่านน้ำลายฟูมปากและขาดใจตายไปต่อหน้าเขา
เกราะกล้า แม่ทัพคนสนิทของสุริยจักรกระโดดลงมาจากหลังม้าดำ ดึงเอาเส้นผมของตนออกมาหนึ่งเส้น และย่อตัวลงใกล้กับศพทหารที่เพิ่งสิ้นใจตายไป
ทหารหนุ่มจ้องมองเส้นผมที่นำไปสัมผัสกับเลือดจากบาดแผลของร่างทหารที่ถูกธนูยิงเบื้องหน้า ก่อนที่ผมเส้นนั้นจะขาดออกจากกัน
“ธนูอาบยาพิษร้ายแรงมาก กระหม่อมว่าเราอย่าเสี่ยงเข้าไปดีกว่า...” คำเตือนของผู้เป็นองครักษ์กลับยิ่งทำให้สุริยจักรโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความดุดันโหดร้ายในกายเขากำลังเดือดพล่าน และไม่มีสิ่งใดจะมาหยุดยั้งเขาได้
องค์ชายแห่งสุเรนทร์พิศาลหันไปสั่งนายกองที่อยู่เบื้องหลัง ให้ทหารหาฟืนและไม้แห้งจำนวนมากโดยเร็วที่สุด นำไปสุมที่หนทางเข้าสู่เขตป่าและโดยรอบ ราดน้ำมันและจุดไฟเผา ให้ไฟมันลามเข้าไปในป่าเผาพวกมหินทร์บรรพตให้วอดวายตายกันเสียให้หมด
“แต่องค์ชาย...หากเราทำเช่นนี้ก็เท่ากับปิดทางเดินทัพของเราเองนะขอรับ” เกราะกล้ามองไปยังเพลิงซึ่งกำลังลุกไหม้พร้อมกับควันดำที่พวยพุ่งเข้าไปในป่าด้วยความกังวล สุริยจักรแสยะยิ้ม จ้องมององครักษ์หนุ่มด้วยสายตาไม่แยแส
“เราจะอ้อมเขาไป ข้ามแม่ชีวา”
“นั่นจะทำให้เราเสียเวลาไปอีกหนึ่งวัน”
“ถ้าเยี่ยงนั้นเมื่อครู่ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าไปกับทหารม้ากลุ่มนั้นด้วยเล่าเกราะกล้า” สุริยจักรขบกราม สายตากร้าวแข็งจ้องหน้าองครักษ์หนุ่มที่ก้มศีรษะต่ำลง
“กระหม่อมต้องอยู่อารักขาพระองค์อย่างไรเล่า” สิ้นคำพูดนั้นสุริยจักรก็ใช้เท้าถีบหน้าผู้ยืนอยู่ข้างม้าของเขาอย่างแรงจนองครักษ์หนุ่มถลาล้มลงพื้น เหล่าทหารเบื้องหลังต่างยืนนิ่งด้วยความหวาดเกรงผู้เป็นนาย ผู้เป็นองค์ชายสะบัดเชือกที่ใช้บังคับอาชาสองครั้ง ก่อนบังคับให้มันพาออกไปจากจุดที่อยู่ เนื่องจากควันดำจากเพลิงไหม้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นและแผ่ลอยเข้ามาปกคลุมจุดตั้งทัพ
เกราะกล้ากัดฟันลุกขึ้นยืน เอามือปัดเศษฝุ่นออกด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ เขานั้นถูกถวายตัวให้องค์กษัตริย์ตั้งแต่ยังเด็ก ต่อมาจึงได้รับมอบหมายให้เป็นทหารองครักษ์องค์ชายสุริยจักร ความจงรักภักดีนั้นมีอยู่เต็มอก หากแต่ผู้เป็นนายกลับไม่เคยสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เขามอบให้นี้เลย ซ้ำยังตอบแทนด้วยการกระทำย่ำเหยียบอันแสนสาหัส
นครนิรมิต ตอนที่ ๗ มอดไหม้
https://pantip.com/topic/36738403
เมื่อแสงทินกรสาดลงมาจากฟากฟ้า เหล่าทหารแห่งมหินทร์บรรพตที่ซุ่มโจมตีตามจุดประจำการก็กระชับอาวุธในมือเตรียมต่อสู้ ขบวนม้าเร็วยี่สิบตัวของสุเรนทร์พิศาลที่มุ่งหน้ามาก่อนกำลังเคลื่อนเข้าสู่หนทางซึ่งถูกบีบให้เล็กแคบลงเพื่อเข้าไปในผืนป่าอันรกทึบด้านในที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ผิดกับหลายๆ เมืองในดินแดนปฤศาที่ต่างก็แห้งแล้งกันดาร
ครั้นร่างอาชากลุ่มนั้นถูกเงาไม้ในพนารกบดบัง ลูกธนูอาบยาพิษก็พุ่งเข้าใส่ปานห่าฝน เสียงม้าร้องเหวอด้วยความตื่นตระหนก สลับกับเสียงโห่ร้องของทหารสุเรนทร์พิศาลที่ตะโกนเตือนพวกที่กำลังจะติดตามเข้ามาเบื้องหลัง แม้ชุดเกราะที่สวมใส่จะหนาพอที่สามารถทัดทานแรงฟาดฟันจากคมดาบได้ แต่พลธนูฝีมือดีที่ถูกฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดก็เล็งจุดสำคัญใต้เสื้อเกราะหนานั้น ทั้งซอกคอ ใต้ราวนม หรือแม้แต่ใต้หัวเข่า ในจุดที่ชุดเกราะมิอาจป้องกันได้
ทหารฝีมือฉกาจของสุเรนทร์พิศาลล้มครืนลงจากม้านับสิบ พวกที่เหลือเมื่อมองเห็นตัวผู้ลอบทำร้ายก็พุ่งหอกแหลมเข้าใส่ทันที ร่างของทหารมหินทร์บรรพตหล่นฮวบตกลงมาจากต้นไม้สูง เมื่อเห็นท่าไม่ดีผู้เป็นคนนำขบวนม้าเข้ามาจึงถอยร่นกลับออกไป เหลือทหารที่รอดชีวิตออกมาเพียงห้านาย ครั้นพอองค์ชายสุริยจักรเห็นสภาพผู้เป็นลูกน้องก็ถึงกับขบกรามแน่นด้วยความแค้นโกรธ
“ทำการไม่ต่างกับหมาใน ลอบกัดงั้นหรือ...” องค์ชายหนุ่มกำดาบในมือแน่น ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังผืนป่าเบื้องหน้า ในขณะที่ผู้เป็นลูกน้องซึ่งบาดเจ็บจากการถูกลูกธนูยิงร่วงตกลงมาจากหลังม้าที่ละคน ก่อนจะดิ้นพล่านน้ำลายฟูมปากและขาดใจตายไปต่อหน้าเขา
เกราะกล้า แม่ทัพคนสนิทของสุริยจักรกระโดดลงมาจากหลังม้าดำ ดึงเอาเส้นผมของตนออกมาหนึ่งเส้น และย่อตัวลงใกล้กับศพทหารที่เพิ่งสิ้นใจตายไป
ทหารหนุ่มจ้องมองเส้นผมที่นำไปสัมผัสกับเลือดจากบาดแผลของร่างทหารที่ถูกธนูยิงเบื้องหน้า ก่อนที่ผมเส้นนั้นจะขาดออกจากกัน
“ธนูอาบยาพิษร้ายแรงมาก กระหม่อมว่าเราอย่าเสี่ยงเข้าไปดีกว่า...” คำเตือนของผู้เป็นองครักษ์กลับยิ่งทำให้สุริยจักรโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความดุดันโหดร้ายในกายเขากำลังเดือดพล่าน และไม่มีสิ่งใดจะมาหยุดยั้งเขาได้
องค์ชายแห่งสุเรนทร์พิศาลหันไปสั่งนายกองที่อยู่เบื้องหลัง ให้ทหารหาฟืนและไม้แห้งจำนวนมากโดยเร็วที่สุด นำไปสุมที่หนทางเข้าสู่เขตป่าและโดยรอบ ราดน้ำมันและจุดไฟเผา ให้ไฟมันลามเข้าไปในป่าเผาพวกมหินทร์บรรพตให้วอดวายตายกันเสียให้หมด
“แต่องค์ชาย...หากเราทำเช่นนี้ก็เท่ากับปิดทางเดินทัพของเราเองนะขอรับ” เกราะกล้ามองไปยังเพลิงซึ่งกำลังลุกไหม้พร้อมกับควันดำที่พวยพุ่งเข้าไปในป่าด้วยความกังวล สุริยจักรแสยะยิ้ม จ้องมององครักษ์หนุ่มด้วยสายตาไม่แยแส
“เราจะอ้อมเขาไป ข้ามแม่ชีวา”
“นั่นจะทำให้เราเสียเวลาไปอีกหนึ่งวัน”
“ถ้าเยี่ยงนั้นเมื่อครู่ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าไปกับทหารม้ากลุ่มนั้นด้วยเล่าเกราะกล้า” สุริยจักรขบกราม สายตากร้าวแข็งจ้องหน้าองครักษ์หนุ่มที่ก้มศีรษะต่ำลง
“กระหม่อมต้องอยู่อารักขาพระองค์อย่างไรเล่า” สิ้นคำพูดนั้นสุริยจักรก็ใช้เท้าถีบหน้าผู้ยืนอยู่ข้างม้าของเขาอย่างแรงจนองครักษ์หนุ่มถลาล้มลงพื้น เหล่าทหารเบื้องหลังต่างยืนนิ่งด้วยความหวาดเกรงผู้เป็นนาย ผู้เป็นองค์ชายสะบัดเชือกที่ใช้บังคับอาชาสองครั้ง ก่อนบังคับให้มันพาออกไปจากจุดที่อยู่ เนื่องจากควันดำจากเพลิงไหม้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นและแผ่ลอยเข้ามาปกคลุมจุดตั้งทัพ
เกราะกล้ากัดฟันลุกขึ้นยืน เอามือปัดเศษฝุ่นออกด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ เขานั้นถูกถวายตัวให้องค์กษัตริย์ตั้งแต่ยังเด็ก ต่อมาจึงได้รับมอบหมายให้เป็นทหารองครักษ์องค์ชายสุริยจักร ความจงรักภักดีนั้นมีอยู่เต็มอก หากแต่ผู้เป็นนายกลับไม่เคยสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เขามอบให้นี้เลย ซ้ำยังตอบแทนด้วยการกระทำย่ำเหยียบอันแสนสาหัส