สติเจ้านายถามว่า เรา เอาเงินเดือน ไป ใช้อะไร หมด!!!!

กระทู้คำถาม
เริ่มเรื่องนะคะ เรา เป็นสาวประเภทสอง รูปร่างหน้าตา ดูไม่ได้ อ้วน มาสมัครงานที่แห่งนี้ จากโพสต์ในอินเตอร์เน็ตเว็บหนึ่ง เธอผู้เป็นเจ้านาย รับสมัครแม่ครัวอยู่ เราก็เคยทำอาหารขาย ฉันสมัครตำแหน่งนี้ ค่าแรงวันละ 300 วันสมัครเริ่มงาน 7 โมง เลิก 5 โมงเย็น วันที่ทำงานจริง เข้างาน 7 โมงวันแรก เลิก 3 ทุ่ม จากนั้น เหมือนโดนบังคับ ว่าช่วยช่วยกัน บางวันตี 5 เลิกเที่ยงคืน 300 บางวัน 6 โมง แล้วก็ 300 นักขัตฤกษ์ไม่เคยมีเพิ่มอะไรให้ งานครัวเป็นหน้าที่ของแม่ครัว แต่แม่ครัว ต้องไปทำงานแม่บ้าน เหมือนแม่บ้านคนอื่น เส้นทางความจริง มันไม่ใช่ แต่เราก็ถือว่าช่วยกัน เพราะเราอาศัยอยู่ที่บ้านพักพนักงาน ใหม่ๆ ไม่ได้เก็บค่าเช่า  ค่าน้ำไฟไม่ได้เสีย เลยคิดว่าหยวนกันไป เจ้านายสองคนผัวเมียไม่ได้อยู่ที่นี่ และมี ญาติของเขา มาดูแลให้ อาหาร สามเวลานั้น เราเป็นคนทำ ให้พนักงานช่วงนั้นมีอยู่ประมาณ 9 คน ทั้ง 3 มื้อ ค่าอาหาร ญาติเจ้าของร้าน เป็นคนซื้อจับจ่ายมาให้ ซึ่งก็ เพียงพอ และ ไม่ขัดสนถือว่าดีเลยทีเดียว รับค่าจ้างราคานี้ ยังพอมีเงินเหลือบ้าง บ้านแม้งานจนเหนื่อย ก็สู้ไหว วันไหนมีงานจัดเลี้ยง ก็ดึกหน่อย มีอาหาร เช้า มาไวหน่อย ทำได้สักพัก ด้วยความที่เรา เป็นคนไทย ที่เข้าใจงาน ต่างจากต่างด้าว ที่ทำอยู่ บางครั้ง จึงช่วยเช็คของ เช็คเงิน จะค่า check out ให้กับญาติเจ้าของร้านบ้าง เขาก็ไว้ใจเราดี หากลูกค้ามาดึก ก็ให้เราช่วยรอเปิดบ้าน เขาก็ให้ค่ารอ 200 บ้าง 300 บ้าง แล้วแต่ช่วงว่าเด็กแค่ไหน ซึ่งก็ดีใจนะ ได้เงินพิเศษ ช่วงหลัง ญาติของเขา มีความจำเป็น ต้องไปอยู่ที่อื่น เจ้าของร้าน เพิ่งเข้ามาดูแลเอง แต่ก็ไม่ได้พักอยู่ที่นี่จะเข้ามาช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ลูกค้าเยอะ หรือ ในวันที่มีเงินต้องเก็บเยอะ โดยให้เราช่วย จดบันทึก และเก็บเงินบ้าง ไว้ให้เขา ทำได้นะ จะบอกว่าเราเรียนบัญชี แต่ปีสุดท้ายไม่จบ งานแค่นี้ ผ่านเสมียน มาก็หลายโรงงาน สบายมาก จากของที่แช่ตู้เย็น อาหารที่สต๊อกไว้ เริ่มหมด เจ้านายเรา จึงซื้ออาหารมาไว้ให้สำหรับทำพนักงาน รับประทาน พนักงาน 9 คนรวมเราเป็น 10 ซื้อกะหล่ำปลี 1 หัว ผักกาดขาว 1 หัว กินเป็นอาทิตย์ พนักงานก็เริ่มบ่น เริ่มลาออก จนเหลือแค่ 4 5 คน stock สินค้าทั้งหมด จำนวนที่ขาดหาย เราดูแลอยู่ ขาดอะไรไป เราก็ชดใช้ให้เขา แต่ มีส่วนเกินเมื่อไหร่ขอให้ผัวเข้าสต๊อก เฉย ๆเลย นิดหน่อยไม่เท่าไหร่ ชักบ่อย ลองคิดดู ของขาด เช็คสต๊อกครั้งหนึ่ง ต่อสัปดาห์ มี 3 4 วันครั้ง ราคาค่าของที่หายไป ประมาณ ประมาณสี่ห้าร้อย จะลองหามาตรการ ทำอย่างไร ให้ของไม่หาย ยากมาก พนักงานไว้ใจไม่ได้เลยสักคน ส่วนเจ้านายนั้น มาถึงหยิบของในตู้กิน ก็ลืม ว่าตัวเองกินไป คิดเงิน กับเราอีก ทนทำ ได้สักพัก เขาขึ้นเงินให้ เป็น 350 บาท สร้างเราจดค่าน้ำค่าไฟต่างหาก เดือนละ 500 จ่ายค่าจ้างอยู่ 1 เดือน เดือนต่อมาเราก็ยังจดปกติ แต่ถึงวันจ่าย พูดออกมาว่า เดือนนี้ไม่ได้จ้าง ตลกไหม ok ไม่เอาก็ได้ ตกลงกันไว้ หากลูกค้ามาเกิน 2 ทุ่ม ให้ค่าเปิดรอบ้าง บ้านละ 300 แต่ คิดดู มีลูกค้าที่เข้าดึก หลายหลัง 300 ป้าง 200 บ้าง ข้อตกลงอีกหนึ่งข้อ คือหัตนั่งรอลูกค้าบ้านหลังอื่นอยู่ที่เขาจองไว้แล้ว บังเอิญมีลูกค้ามาถาม เราสามารถขายบ้านได้ เขาจะให้ 500 แต่ ไม่เคยได้คิดเงินรวมรวมกันไป 300 200 ทุกที ทนทำได้สักพัก ความตระหนี่ ของเขาก็มากขึ้นทุกวัน บอกให้เรา จ่ายค่าไฟเอง บ้านที่พัก ok เราก็จะได้สบายใจ จะดูหนังจะทำอะไร ก็จะได้สะดวก ทนทำอยู่ครึ่งปี จนเหลือพลังงานอยู่ 3 คน รวมเราแล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้เรามีหน้าที่เช้าทำอาหารกลางวันทำอาหารเย็นทำอาหาร ให้พนักงานจากนั้น ก็ขายของหน้าร้าน เช็คสต๊อก คิดเงิน ทำบัญชีไว้ให้เขา ไปทำความสะอาดบ้านด้วย เมื่อก่อน มีช่าง แต่ตอนนี้ ไม่ได้จ้าง อะไรเสียอะไรพัง เราก็ซ่อม ต้นหญ้าต้นไม้เราก็ตัด ดึกดื่นเที่ยงคืน บ้านมีปัญหาแอร์เสียก็เรา โทรศัพท์โทรหาลูกค้า ก็จ่ายเอง เดือนนึงไม่ใช่ถูกๆเพราะเราพูดถึง ก็หาว่าเรา โทรหา ญาติพี่น้อง คิดดู เราเป็นกะเทย ผัวไม่มีลูกไม่มี มีแม่อยู่คนเดียว ซึ่งกันนานที แต่จะเป็นฝ่ายโทรมาด้วยซ้ำ เราเสียค่าโทรศัพท์ แผ่น หันสี่พันห้า เพื่อโทรหา ช่างแอร์ ช่างไฟ ดูดส้วม งูเหล็ก ช่าง ดูแลสระ โทรตามลูกค้า ทุกเดือนโดยที่มีค่าช่วยเหลือ ป้าง 50 บาท 100 บาท คุ้มไหม ทำทุกอย่างขนาดนี้บางอย่าง หนักเกิน แต่เราก็ทำให้ ซึ่งพนักงานทุกคนเขาพูดเลยว่าไม่ทำ เงินค่าจ้าง มันไม่คุ้ม แต่เรา อดไม่ได้หรอก ก็ทนทำ ลูกค้าโวยวาย ก็ให้เรารับร่าง เขารับเงิน แล้วก็ออกไป ทิ้งเราไว้แก้ปัญหา ต่างๆ จนวันหนึ่ง เรากับเพื่อนทนไม่ไหว ก็เลยใช้คำว่าหนี ไปในเช้าวันหนึ่ง เงินทุกบาททุกสตางค์ เราเขียนรายละเอียดฝากพนักงานที่ยังอยู่ ฝากเงิน จากคนใจร้าย ฝากซิม ที่เอามาให้เราใช้คืนให้ เขา โดย ที่เรา ไม่เอาเงินเดือนที่ค้างไว้ 5 วัน 2 คน มีมูลค่า 3500 บาท เราเขียนไว้ว่า ให้เอาไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ 600 บาท ค่าโทรศัพท์ที่ค้างอยู่ 700 บาทที่เหลือมายกให้ ไม่เอาหรอก เราไปทำงานที่อื่น หยุด 3 เดือน ญาติของญาติของเขา ก็ติดต่อมาว่าจะไปทำไม เราก็บอกว่าไม่ไหวเงินแทบจะไม่เหลือเลยของกินก็ไม่มี 350 ซื้อข้าวกิน 3 มื้อ ก็แทบจะหมดแล้ว ที่นี่เมืองท่องเที่ยว อะไรก็แพง เขาก็บอกว่าเขาจะกลับมาอยู่มาช่วยกัน เราก็ลังเล ก็ตอบยังเรื่องไป จนวันหนึ่ง ญาติ เราเสีย เงินเราไม่มีเลย เพราะย้ายมาทำงานที่นี่ มันก็ค่าใช้จ่ายเยอะ เราโทรไปขอยืมเงินญาติเจ้านายเก่าคนนี้ เขาไม่ลังเลเลย ที่จะให้เรายืม เราจึงคิดว่า เสร็จงานแล้วจะโทรไปหาเพื่อบอกเขา ว่าถ้าเขากลับมาเราจะไปอยู่ด้วย ก็คุยกันสักพัก เขาก็บอกว่า ตอนนี้เขากลับไปทำธุระ ไม่นานก็กลับมาอีก ให้โทรถาม เจ้านาย ว่า รับเรากลับไปทำงานไหม รอเขาสักพัก เขาจะมาเปิดกิจการ เป็นของตัวเอง เราจึงลองโทรไป ตอนแรก เขาบอกว่าไม่รับหรอก เราโอเค เข้าใจนะ เพราะว่าเราหนีเขามา สักพักเขาก็โทรมาบอกว่า ก็กลับมาทำแล้วกัน แต่ไม่รู้จะให้ทำงานอะไรเพราะทุกแผนกก็มีคนแล้ว แคชเชียร์มีแล้ว ผู้จัดการมีแล้ว แม่บ้านมีแล้ว ช่างมีแล้วแม่ครัวมีแล้ว สรุปอย่างนี้ให้เรากลับมาทำอาหารให้พนักงานแล้วคอยดูแลสต๊อก เก็บเงินลูกค้า ทำบัญชี แล้วกัน งงไหมแต่ก็ ok นะ กลับมา ก็เจอกับผู้จัดการ ที่เขาเพิ่งรับมาเหมือนกัน เขาบอกให้เราไปทำครัวแล้วก็เป็นหัวหน้า แม่บ้าน แทน งานที่เคยคุยไว้ สบายสิเรา ดีเสียอีก ไม่ต้องมาปวดหัว กับเรื่อง สต๊อกและเงิน เอาเป็นว่า หินเขาคิดเงิน ผู้จัดการคนนั้นทีไร เราสงสาร หักนี่นี่นั่น จนไม่เหลือ เราก็แอบ ช่วยเขาทำบัญชี สอนเขา เก็บเงิน แต่ว่า ความลับไม่มีในโลก เจ้านายรู้ก็ด่าก็บ่น แต่ก็บอก ให้เรา คุ้มผู้จัดการ เคยมีไหมแม่ครัว คอยคุ้มผู้จัดการ ทำงาน จนวันนึง ผู้จัดการจ้าวลาออก เจ้านาย เลยให้เรามาดูแลแทนชั่วคราวบอกลาคนมาทำแทน แต่ก็ไม่เห็นมี อาหารในตู้ ไม่มีอะไรสักอย่าง ลูกน้องก็ไม่มีจะกิน จนวันนึงเขาบอกว่าให้เราเป็นผู้จัดการเลย คำว่าผู้จัดการ ที่เป็นตัวแทนของเจ้านายจัดการทุกเรื่อง ให้เรียบร้อย ไม่ต้องให้ถึง เจ้านาย ใช่ไหม แต่ผู้จัดการที่ ไม่มีสิทธิ์ ตัดสินใจอะไรเลย งานก็ไม่เป็นระบบระเบียบ สินค้าต่างๆเราคิดว่า ให้เขา พูดมาเลยว่าจะขายในราคาเท่าไหร่ เราขายก็ได้เท่าไหร่เราก็คิดให้เขาในราคาที่เขาขายเขาก็โอเคแต่พอเราขายได้กำไร ที่มากกว่าจำนวนเงินที่ให้เขาไปเขาก็ไม่โอเค คิดเเต่ว่า จะเอายอดเงินที่ลูกค้าจ่าย บ้าจริง นั่งเฝ้า ของขาดนั้น จ่ายเงินเขาเต็มๆ ขายลูกค้า ได้กำไรต่างจาก ราคาที่เขาขาย อย่างละ 5 บาท ทาอะไรหาย เรายังเอาเงินกำไรตรงนี้ ไปทดแทนได้บ้าง คิดแต่ว่าเราโกงเขา เราก็เบื่อ พูดอะไรออกมาแต่ละอย่างไม่ได้รักษาน้ำใจพนักงาน เราจัดการทุกอย่าง อาหาร ไม่มีให้พนักงานเราจึงซื้อ ก็โดนว่า สรุป ถ้าไม่มีอะไรในตู้เย็น อนุญาตให้ใช้เงินซื้อได้ ได้มีพนักงาน 5 คน งบไม่เกิน 150 บาท 2 มื้อตกคนละ 15 บาทต่อมื้อ กินอะไรได้บ้าง กินไม่อิ่ม งานก็ไม่เดิน พนักงานก็หนี เราก็เอาเงินส่วนตัว ซื้อให้เขากิน ทุกวันทุกวัน ลงบัญชีได้ ตามสมควร 60 บาท 70 บาท แล้วแต่พนักงานมากี่คนส่วนที่เหลือนั้นเราก็เอาเงินจ่าย จำนวนเก็บที่มี เงินที่เราเก็บไว้ ก็หมดลงไปทุกวัน สิ้นเดือน หักค่าน้ำค่าไฟ ถ้าตู้น้ำแข็ง ที่เขาให้เราเช่า เพื่อขายน้ำแข็งหลอด เดือนละ 3500 ขายมา 3 เดือนไม่เคยมีกำไร ขาดทุนทุกเดือน เราก็ทน จน 2 เดือนหลัง เงินเราก็หมด ไปกับการ ซื้อลูกน้องไว้ เงินหมดลูกน้องก็หนี การที่เราจะจ้างใคร เกินไปล่ำเวลา เราต้องจ้างเอง สายพิเศษต่างๆ เพื่อให้เขาอยู่ดึกหน่อย ช่วยเราขายของ ก็เงินเราทั้งนั้น ถ้าไม่ให้ ใครเขาจะอยู่ เคลียร์เงินที เราแทบจะร้องไห้ เงินมันไม่มี หมุนซ้ายขวาไปซ้าย จนเราตัดสินใจ ขายตู้เย็น กับเครื่องซักผ้าของเรา เพื่อเงินให้เขาไป ทั้งทั้งที่ สิ้นเดือน ก็ไม่มีเงินอยู่แล้ว วันนี้ทางบ้านเรา มีเรื่องต้องใช้เงิน เรา เบิกเงินโดยพละการ รู้ว่าเป็นความผิด แต่จำเป็นจริงๆ เนื่องด้วยหากไม่เอาเงินให้เขาไป ทำธุระแทนแล้ว เราต้องเป็นฝ่ายไปเอง ถ้าเราไปนั้น ที่ทำงาน จะเหลือแม่บ้านที่เข้าใหม่ แค่คนเดียว จะฝากเงินจะฝากกุญแจ ก็ไม่ได้ ไปโดยเอาเงินสดไป ก็ลำบากใจ ตัดสินใจ ให้ฝากเงินผ่อนชำระ ฝากเขาไป มันดึกแล้วที่เขามาตาม ซึ่งไม่ได้โทรบอกเจ้านายก่อน เช้าแล้วได้อะไรงานเรื่องนี้ ตอนนี้เขามา เราเข้าใจถึงผลของการกระทำมันผิดแต่เงินเราต้องออกวันนี้ 2500 บาทนี่คือที่เหลือ การหักเงินแล้ว เราเบิกเกิน จากนี้ไปเยอะด้วยขอร้อง ให้ยกยอดหัก ไปเป็นสิ้นเดือนซึ่งมันก็ ประมาณ หกพันกว่าบาท เงินเดือนเธอไปไหนหมด เดือนก่อน เรารับยอดเงินแค่ 500 เขาบอกว่า เธอก็เบิกอาทิตย์ละพัน ซึ่งถึงแล้ว ระเบิกมาแค่ 2 อาทิตย์รวมเป็นเงิน 2,000 บาท เงิน 2500 กับลูกน้อง 4 คน จะพอเดือนไหม ในจะค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า ขายไปอีก ยังไม่เหลือเลย เขาบอกว่าไม่เห็นจะเกี่ยว อาหารก็ซื้อมาเพียงพอหมูสับครึ่งกิโล ไก่ 2 ชิ้น ไข่ 1 แผง แต่ไข่ 1 แผงนั้นขายลูกค้าไปแล้ว 20 ใบ ของจำนวนนี้ ระยะเวลา จากวันที่ซื้อ 16 วัน มันเหลือไหม มันพอกินเหรอ ถ้าเราไม่ซื้อให้พนักงานกิน เขาก็ไม่ทำงาน งานเสร็จไม่ทัน เราก็ไปจ้างเพื่อน มาทำ เพื่อให้ทันเวลา จ่ายเงินเอง ทุกอย่าง งานช่าง เราทำได้ ยกเว้นออกเหล็ก เราก็ตามแฟนเพื่อนเรา มาทำให้ ให้ค่าจ้างเขา 120 บาท เราต้องออกให้อีก 180 เชื่อมเหล็กที่ไหน เขาไพ่ 120 กันบ้าง ความจริงแล้วงานแบบนี้ เขาคิดราคาแพง แต่พอดีเราจน เพื่อนเราจน จึงโดนกดราคาอย่างนี้ ช่างก็ไม่กล้าอ่ะ ไม่กล้าจ้างถูก เหมือนที่จ้างเรา ไปเอามา ก็ทำอะไรไม่เป็น ทำงานจากคู่มือ เรียกว่าช่างหรอ กับราคานั้นที่เขาจ้าง วันนี้ เราเหนื่อยมาก กับการที่ต้องทำมาหาเลี้ยง พนักงาน เพื่อให้เขามีคนงาน เราทุ่มเท คิดว่า ญาติของเขา มีบุญคุณกับเรา แต่เรารู้สึกว่า เราทุ่มทิ้งเสียมากกว่า คำว่าขอบใจ ไม่เคยกระเด็นจากปาก วันนี้เขาพูดว่า ต่อไป ที่นี่ หุ้นส่วน เพิ่มเข้ามา เหตุการณ์นี้ ถ้าหุ้นส่วนเขาไล่ออก ก็ต้องออก ถ้าเขา หาคนมาทำหรือเงินแทน ก็ต้องไปทำงานอย่างอื่นอยากจะบอกว่า ทุกวันนี้ ทำงานทุกอย่างอยู่แล้ว ความสะอาดต้นหญ้า ต้นไม้ เก็บขยะซ่อมบำรุง แคชเชียร์ ธุรการ ทุกอย่างเราจัดการให้ได้หมด แต่กลับว่า เราไม่ได้มีผลงานในสายตาคนอื่น สิ่งที่ตกลงกัน เขาไม่เคยจะคิดให้ แต่สิ่งที่ไม่ได้ตกลง กลับเป็นว่าเราต้องทำเสียทั้งหมด คุณคิดว่า เราโกงคุณอยู่ตลอดเวลา คุณรู้ไหม ถ้าเรากลัว ว่าคุณจะรู้ว่าเราโกง เราคงหนีไปแล้วแหละ บางวัน เงินอยู่กับเรามากมาย เราไม่เคยคิดจะเอาบ้านเราไม่จำเป็น บ้างเหรอ ความผิด ที่ทำ เรายอมรับและขอโทษ แต่ จะนับจริงๆ นี่คือความผิดครั้งแรก ที่เราตั้งใจจะทำให้มันผิด เพราะเราอยากให้คุณรู้ว่า เราไม่มีจะกินแล้ว เราอยากให้คุณรู้ว่าคนโกงที่ไหน จะเป็นหนี้เป็นสิน จะหมดตัวต้องขายของเก่ากิน หากใครไม่อ่านข้อความนี้ ช่วยตอบทีเถอะ หากวันนี้เราเจ็บป่วยใกล้ตาย เขาจะดูแลเราไหม แต่เราไม่ถามว่าเราโง่หรือเปล่า เรารู้ว่าเราโง่ ที่ยังอยู่ที่นี่ เพราะคำว่าบุญคุณจะญาติของเขา ณที่แห่งนี้ ขอขอบคุณลูกค้า ที่สงสาร และเมตตาในบางครั้ง ที่เราขอความช่วยเหลือ ขอข้าว ขอเศษอาหาร ที่ยังทานได้อยู่ มากิน ขอให้บุญกุศล ที่ท่านได้เมตตา กระเทยคนนี้ จงดลบันดาล ให้ท่าน แล้วมี ความ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่