[CR] ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “25 วันล่าฝันอเมริกาใต้” ตอนที่ 10 จาก Tinawaku สู่ Buenos Aires และโบกมือลา South Africa

ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “25 วันล่าฝันอเมริกาใต้” ตอนที่ 10 จาก Tinawaku สู่ Buenos Aires และโบกมือลา South America (ชื่อเรื่องด้านบนผิดค่ะ ขออภัย)


ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง
https://pantip.com/topic/36614026

ตอนที่ 1 Rio หนึ่งวันมันก็จะดูรีบๆ หน่อย
https://pantip.com/topic/36616822

ตอนที่ 2 ลั่นล้าท้านละอองน้ำที่ Iguazu Falls (Brazil / Argentina)
https://pantip.com/topic/36623531

ตอนที่ 3 Ushuaia วันแรกลุยฝน วันต่อมาผจญหิมะ
https://pantip.com/topic/36633175

ตอนที่ 4 Glacier Perito Moreno ในวันฟ้าหม่น
https://pantip.com/topic/36639881

ตอนที่ 5 Laguna Torre y Fitz Roy
https://pantip.com/topic/36648556

ตอนที่ 6 Torres Del Paine ในวันที่ฟ้าไม่สดใสแต่ยังคงงดงาม
https://pantip.com/topic/36662049

ตอนที่ 7 วันว่างๆ ที่ Punta Arenas & Santiago
https://pantip.com/topic/36675611

ตอนที่ 8 Atacama ผืนทราย สายลม ชมเดือน เยือนธรรมชาติ
https://pantip.com/topic/36682426

ตอนที่ 9 เมฆ-หมอก-ลม-ฝน-สายลม-แสงแดด 3วัน 2คืน Salar de Uyuni
https://pantip.com/topic/36715254


รถบัสจาก Uyuni เข้าจอดที่สถานีขนส่งเมือง La Paz ตอนฟ้ายังไม่สว่างดี (ประมาณตีห้ากว่าๆ ) เราตื่นมาพร้อมความง่วงและความสับสนว่าจะเอายังไงต่อดี จะเดินไปหรือนั่งแท๊กซี่ดี แต่พอดูจากสภาพเมืองแล้วเราคิดว่าถ้าเดินไปอาจไม่รอดไปจนถึงที่พักก็ได้ แท๊กซี่มาส่งเราบนถนนสายหนึ่งที่เป็นที่ตั้งของ B&B ที่เราจองไว้ แต่เราหาไม่เจอ!!! เลยต้องโทรไปถามว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ สุดท้ายคือชื่อที่แปะอยู่หน้าที่พักมันไม่ตรงกับชื่อที่จองใน booking.com

พอขึ้นมาด้านบนทางที่พักบอกว่าให้เรา Check-in ได้เลยเพราะมีห้องว่าง เราเลยจัดการเอาของไปเก็บแล้วต่ออินเตอร์เนทเพื่อคุยกับที่บ้านเพราะไม่คุยมาหลายวันแล้ว แต่ “บรรชา” ของท่านแม่ก็ทำให้เรากุมขมับ และมันก็จะเป็นที่มาของความตื่นเต้นใน Buenos Aires ของเรา คำสั่งของแม่คือ “ฝากซื้อยาทาแก้ปวดเข่าด้วยนะ”
เรา: ยี่ห้ออะไรอ่ะ?
แม่: ยี่ห้อที่มันมีรูปขาอยู่หน้ากล่อง
เรา: (โหว....กี่ยี่ห้อที่มันมีรูปขาหน้ากล่องเนี่ย!!!) ถ่ายรูปแล้วส่งมาให้ดูหน่อยได้ป่าว?
แม่: ถ่ายไม่เป็น ซื้อๆ มาเหอะ
เป็นโจทย์ที่ยากมากๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้ยี่ห้อ ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ามีขาอยู่หน้ากล่อง 555 แล้วที่สำคัญ คำสั่งที่ได้มาได้ตอนที่อยู่โบลิเวีย ซึ่งเป็นเมืองที่คุณภาพชีวิตต่ำที่สุดในบรรดาทุกประเทศที่เราเที่ยวในทริปนี้ แต่มันคือ “บรรชา” มันคือต้องทำให้ได้สินะ!!!

หลังจากรับคำสั่งมาแล้วเราก็ต้องไปเที่ยวก่อน (ดูไม่ตั้งใจทำเพื่อแม่เท่าไหร่) เราเลยลงมาเพื่อดูด้านล่างว่าเราจะไปเที่ยวไหน ทำอะไรได้บ้าง เราเหลือบไปเห็นโบชัวร์เที่ยว Tiwanaku  ซึ่งดูจากราคาแล้วมันก็ไม่ได้แพงมาก แต่ถ้าไปเองน่าจะโอเคกว่า เราเลยตัดสินใจว่าจะไปที่นี่แหละ เราสอบถามวิธีไปจาก B&B ที่เราพัก ได้ความว่าให้เราเดินไปถนนใหญ่หน้าปากซอยแล้วข้ามถนนไป แล้วนั่งรถเมล์จากตรงนั้น (จำสายไม่ได้) เพื่อไปลงยังป้ายรถตู้ที่จะเดินทางไป Tiwanaku

เรามาถึงบนรถไม่มีคนเลย แต่รถตู้ก็ยืนยันว่าคันนี้แหละขึ้นได้ ตอนนั้นคือก็อยากขึ้นไปนั่ง แต่ก็แอบกลัว (กลัวเป็นกับเค้าเหมือนกันนะเรา) เลยทำเป็นยืนเดินไปเดินมาแถวนั้น จนมีฝรั่งคนนึงเดินขึ้นไปเราเลยเดินตามขึ้นไปนั่ง รออีกไม่นานรถก็ออก เราใช้เวลาเดินทางจากตรงนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างทางก็จะเห็นสภาพบ้านเรือนและชีวิตของผู้คนในเมืองหลวงของโบลิเวีย

ถึงทางเข้า Tiwanaku จะมีเสา 3 เสาตั้งอยู่แบบนี้

รถจะจอดส่งเราแล้วบอกว่าจะกลับมารับเราอีกทีเมื่อไหร่ เรามีเวลาค่อนข้างเยอะสำหรับที่นี่ แต่ก่อนจะเข้าเราจะต้องไปซื้อตั๋วก่อนสินะ

พอมีตั๋วแล้วเราก็เดินผ่านบูธขายของไปสำรวจบริเวณรอบๆ จะเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีพิพิธภัณฑ์เล่าประวัติของที่นี่ ส่วนของเมืองโบราณนั้นมันค่อนข้างกว้าง แต่สภาพซากเมืองมันเสียหายไปเยอะจนแทบมองไม่เห็นเป็นเมืองเท่าไหร่

เมื่อไม่ค่อยเห็นความเป็นซาก เราเลยเปลี่ยนใจถ่ายรูปวิว รูปสัตว์ รูปดอกไม้แถวนั้นไปเพลินๆ

เราพยายามเดินไปด้านริมของโบราณสถานเพื่อถ่ายรูปบรรยากาศที่อยู่ด้านนอก

แล้วเราก็วกกลับมาเพื่อเก็บสถานที่เหลือภายใน Tinawaku นี้

เราถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็กลับออกไปรอรถ แต่เหมือนยังต้องรออีกนานเลยต้องหาอะไรรองท้องซะหน่อย

เสร็จแล้วเราก็นั่งรถเพื่อกลับไปยัง La Paz แต่พอมองออกไปนอกหน้าตา  เมฆฝนมันลอยมาแต่ไกล และแน่นอนว่ามันตกหนักมากๆ แต่ถือว่าโชคดีที่มันหยุดตกอีกครั้งตอนที่เราถึง La Paz แล้ว

รถมาถึง La Paz แต่ไม่ได้ลงจุดเดิมที่เราขึ้นรถ เราลงจุดที่สามารถจะนั่ง Cable car เพื่อไปยังลงจุดต่างๆ ของเมืองได้ Cable Car ที่นี่ไม่ได้มีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเหมือนกับที่อื่นๆ แต่เป็นขนส่งสาธารณะอีกรูปแบบของที่นี่ เพราะที่นี่มีสภาพพื้นที่เป็นเขาทั้งหมด การเดินทางด้วย Cable Car จากเขาด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งจึงสะดวกมาก แถมราคายังไม่แพงอีกด้วย แต่ก่อนที่เราจะไปถึง Cable Car เราจะต้องเดินทะลุผ่านสุสานซะก่อน

พอเราลงจาก Cable Car เราก้ต้องหารถเมล์ หรือรถตู้เล็กเพื่อนั่งกลับไปยังที่พัก เรายืนรอพักใหญ่ก็ไม่เห็นจะมีรถที่เราจะนั่งเลย ในที่สุดทนไม่ไหวเลยไปถามตำรวจหญิงแถวนั้น ซึ่งบอกเลยว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ใจดีสุดๆ ไม่ใช่แค่ถามให้แต่ยังโบกรถและฝากฝังให้ไปส่งจนถึงหน้าปากซอยที่พักอีกด้วย

เราอาบน้ำให้สบายตัว สักพักฟ้าก็เริ่มมืด ท้องก็เริ่มร้อง เราเลยลอง search หาว่าจะกินอะไรดี ในใจก็คิดว่ามาถึงเมืองขึ้นสเปนก็ต้องลองอาหารสเปน แต่มันไกล๊ไกล จะไปดีหรือไม่ไปดี แต่ปัญหาคือเงินโบลิเวียใกล้หมดแล้ว เราเองก็ไม่อยากที่จะแลกเพิ่มเพราะพรุ่งนี้เช้าก็กลับแล้ว เราเลยอยากกินร้านที่รูดบัตรได้แค่นั้นซึ่งร้านนี้ในรีวิวมันรูดได้เราเลยเลือกร้านนี้แหละ วิธีไปก็นั่งรถเมล์ไปไกลพอควร พอถึงปากซอยยังต้องเดินขึ้นเขาอีกเกือบ 30 นาทีกว่าจะถึงร้านอาหาร พอถึงปรากฎว่า “ไม่รับบัตรเครดิต” น้ำตาจะไหล แต่ยังดีพอมีเงิน US เหลืออยู่บ้างเลยใช้เงินจ่ายไป  

รออาหารอยู่นาน แต่พอมาถึงกินได้แค่ 1/5 ขอจานก็รู้สึกทะยิ้มๆ และเป็นอย่างที่คิดในนี้มีเครื่องในวัวอยู่ด้วย ตอนนั้นคือรวบช้อน แล้วคิดเงินเลย ส่วนอาหารที่แทบไม่ได้แตะทั้งจานก็ห่อกลับแล้วเอามาให้พนักงานที่ B&B (เสียตังแพงแล้วยังไม่ได้กิน เจ็บใจเป็นที่สุด)

ก่อนเที่ยงคืนเพื่อนชาวไต้หวันที่เคยเจอที่จอร์แดน + อียิปต์มาถึงที่พักพอดี (ก่อนหน้านี้คือเค้าอยู่เปรูแล้วจะเข้าโบลิเวียวันนี้ เราเลยนัดว่าจะกินข้าวเย็นกันวันนี้ แต่พอดีมีปัญหาเรื่องผ่าน ตม. หน่อยเลยมากซะดึก) เราเลยออกไปหาร้านนั่งดื่ม (โกโก้) แล้วคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน คุยสักพักใหญ่เราก็พากันเดินกลับที่พัก เพราะเราต้องตื่นเช้ามืดเพื่อนั่งเครื่องไป Buenos Aires
ชื่อสินค้า:   La Paz, Bolivia
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่