
ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง
https://pantip.com/topic/36614026
ตอนที่ 1 Rio หนึ่งวันมันก็จะดูรีบๆ หน่อย
https://pantip.com/topic/36616822
ตอนที่ 2 ลั่นล้าท้านละอองน้ำที่ Iguazu Falls (Brazil / Argentina)
https://pantip.com/topic/36623531
ค่ำคืนยาวนานที่สนามบินใน Buenos Aires มันทรมานมาก ไม่ใช่เรื่องที่นอน แต่เป็นเรื่องแอร์ หนาวจนคิดว่าจะแข็งตายอยู่กลางสนามบินไม่ได้ไปเที่ยวต่อซะแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมันมาได้ พอถึงตอนเช้าเราก็รอต่อเครื่องพื่อไป Ushuaia ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ส่วนใต้สุดของโลก (จริงๆ มันมีอีกเมืองนึงที่อยู่ใต้กว่า แต่ด้วยจำนวนประชากรที่น้อยมากจนเค้าไม่นับเป็นเมือง) และด้วยความเป็นเมือง “ใต้สุด” มันเลยเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจมา
ความตั้งใจตอนแรกที่อยากจะเที่ยวใน Ushuaia คือ ไป Laguna Esmeralda / Tierra Del Fuego / Cerro Alvear / Begal & Penguin tour ตรงนี้เราตั้งใจว่าจะอยู่ 3 วันเลย แต่เอาเข้าจริงๆ ได้ไปแค่ Laguna Esmeralda / Tierra Del Fuego ซึ่งมันอยู่ในที่เดียวกัน ส่วน Cerro Alvear เราจำไม่ได้ว่าทำไมเราถึงไม่ได้ไป รู้สึกว่ามันจะปิดแล้วไปไม่ได้มั๊ง (ถ้าจำพลาดขออภัย) ส่วน Begel & Penguin tour อากาศไม่ดี ทัวร์ไม่ออกเดินทาง สรุปแล้วเราเลยอยู่ที่ Ushuaia แค่ 2 วัน
อากาศที่ Ushuaia มันบรึ๋ยมาก เรารีบควักเสื้อหนาวตัวหนา (ที่สุดเท่าที่มี) ออกมาใส่ แล้วก็หารถไปที่พักดีกว่า พอถึงที่พักเค้ายังไม่ให้ Check-in เราเลยซื้อตั๋วรถบัสสำหรับไป Tierra Del Fuego (ราคา 300 Peso ไปกลับ) แล้วนั่งรอเวลาอยู่ที่ Hostel ตอนที่นั่งรอเวลาอยู่ก็ได้ยินเสียงคนใน Hostel ไปถามเรื่องการเดินทางซึ่งฟังปุ๊บ อร๊ายยย... “พี่คะ ....คนไทยเปล่าคะ?” จากนั้นพี่เค้าก็เปิดรูป Martial Garcia ให้เราดูแล้วบอกว่าคนไทยที่เจอเมื่อวานไปที่นี่มาสวยดีพร้อมชวนเราไป แต่เราซื้อตั๋วไป Park แล้ววันนี้ ถ้าไปคงพรุ่งนี้เลยว่าไว้ค่อยคุยกันตอนเย็นนี้ (ถ้ากลับมาเจอกัน)
พอได้เวลาเราก็ออกไปยืนรอรถที่จะไป Tierra Del Fuego ที่หัวมุมถนน ทั้งคันมีผู้โดยสารอยู่สาร 2 คน คือเรากับผู้ชายต่างชาติอีกคน นี่เดาได้ถึงความ Popular ของสถานที่นี้เลยนะเนี่ย มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีใครมาบังวิวเราในการถ่ายรูปแน่นอน
เรามาขึ้นรถตรงข้ามกับหอนี้

รถมาส่งเราที่ปากทางเข้าเพื่อให้เราซื้อตั๋วสำหรับเข้าอุทยาน (ราคา 170 Peso) จากนั้นเราก็เริ่มเดินทางกันได้เลย เราเริ่มเดินตามป้ายที่ปักไว้ตามทาง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าวันนี้เรามาดูอะไร แต่รู้สึกเหมือนมันเป็นสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่งของที่นี่ที่ลงใน Lonely Planet เราก็เลยมา เราเห็นคนหลายรีวิวว่ามันแพงและไม่มีอะไร มันยิ่งทำให้เราอยากรู้มากขึ้น เราเดินมาเรื่อยๆ ข้างในมีสภาพเป็นป่าสน





พอเดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงเราก็เห็นทางออกซึ่งเป็นถนนคอนกรีดและมีรถวิ่งผ่านมาจนถึงทะเลสาป นี่ชั้นไม่เดินบนทางคอนกรีตเดินอ้อมในป่าตั้งนานเพื่อชื่นชมธรรมชาติสินะ 555


เราหยุดพักริมทะเลสาบชื่นชมความงามครู่หนึ่งก็เริ่มเดินต่อ




ถัดจากตรงนี้เราก็จะเดินเลาะริมทะเลสาบมาเรื่อยๆ บางจุดก็มีต้องเดินวกเข้าไปในป่าอีกครั้งแล้ววนกลับออกมาใหม่ มาถึงตรงนี้คนที่เคยอ่านทริปแอฟริกาของเราอาจสงสัยว่า "แล้วหล่อนไม่หลงแล้วเหรอยะ?" เพราะทริปอื่นๆ ที่เดินเข้าสู่เส้นทางธรรมชาตินี่ "หลง" ตลอด!!! แน่นอนค่ะว่า
ต้องหลง “ถ้า” ที่นี่ไม่มีไม้สีเหลืองปักนำทางอยู่เป็นระยะ ซึ่งวิธีนี้ดีมากๆ สำหรับคนที่มั่วซั่วเรื่องทิศอย่างเรา ทำให้สุดท้ายแล้วเราสามารถเดินใน Tierra Del Fuego ได้ทั้งวันโดยที่ไม่หลงเลย



เราเดินจนถึงบ่าย 3 โมงต้องรีบหารถกลับ ไม่เช่นนั้นจะต้องรออีกรอบซึ่งจำไม่ได้ว่ากี่โมง พอเอาตัวออกจากป่ามาได้ เห็นรถบัสวิ่งผ่านหน้าไป เรานี่รีบวิ่งตามทันที แต่พอไปถึง อ้าว..ไม่ใช่คันนี้ ต้องรออีกคัน
ที่รอรถมารับ
ขากลับเราไม่ได้ลงที่เดิม แต่มาลงที่ในเมือง เพราะเคยดูรีวิวว่ามีคนไทยมากิน Ushuaia King Crab ที่นี่ มันเป็น Mission ในวันนี้ของเราที่ต้องตามหาร้านนั้นให้เจอแล้วจัดการกินซะ!!! เพราะเราไม่ได้กินอะไรจริงจังมา 2 วันแล้ว เราเดินหาอยู่นานจนในที่สุดก็เจอว่ามันอยู่แถว Museum แต่...แต่...แต่...มันปิดจ้า!!! ร้านอาหารและร้านรวงต่างๆ ปิดตอน 14:00-19:00 ช่างเหมือนสเปนอะไรอย่างงี้
ร้านอาหารที่เปิดในขณะนั้นส่วนใหญ่เป็น Bakery หรือไม่ก็ Cafe เราเดินไปเดินมาจนตัดสินใจเข้า Café หัวมุมร้านหนึ่ง จัด Salmon Salad ไปหนึ่งจาน ค่าเสียหายอยู่ที่ 235 Peso

กินเสร็จแล้วเราก็ตัดสินใจที่จะเดินจากในเมืองกลับมาที่พัก ซึ่งแน่นอนว่าค่อนข้างไกล แต่ถือว่าเดินย่อย (ย่อนสลัดแซลมอลเนี่ยนะ???) แล้วก็ชมเมืองไปในตัว



หลังจากชื่นชมเมืองแล้วเราก็ต้องกลับไปที่พัก เพราะนี่ก็สองวันแล้วที่ไม่ได้อาบน้ำ ระหว่างทางที่กลับฝนก็เริ่มลงเม็ดอีกแล้ว วันนี้ตกโปรยปรายทั้งวันยังไม่พอใจเหรองัยคะ? เราเลยต้องเปลี่ยนจากเดินกลับห้องเป็นวิ่งกลับห้องแทน พอกลับถึงที่พักก็มองหาพี่คนไทยที่เจอเมื่อเช้า แต่...ไม่ยักจะมี เราเลยรีบไปอาบน้ำแล้วมาซักผ้า เพราะที่พักที่นี่มีเครื่องซักผ้าและที่ตากให้ด้วย แต่อากาศที่ชื้นและฝนตกแบบนี้มันจะแห้งมั๊ยก็ค่อยไปลุ้นเอาทีหลังแล้วกัน
เรากลับไปมองหาพี่เค้าอีกทีแต่สุดท้ายก็ไม่เจอ เราเลยตัดสินใจเข้านอนแต่เช้า (ฟ้ายังไม่มืดดี) เพราะมันเพลียสะสมจากที่นอนไม่สบายเท่าไหร่ในสนามบิน
(เราจะมาต่อส่วนที่เหลือของ Ushuaia ในกระทู้นี้นะคะ ขอเวลาเขียนและรวบรวมรูปภาพก่อนค่ะ)
[CR] ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “25 วันล่าฝันอเมริกาใต้” ตอนที่ 3 Ushuaia วันแรกลุยฝน วันต่อมาผจญหิมะ
ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง
https://pantip.com/topic/36614026
ตอนที่ 1 Rio หนึ่งวันมันก็จะดูรีบๆ หน่อย
https://pantip.com/topic/36616822
ตอนที่ 2 ลั่นล้าท้านละอองน้ำที่ Iguazu Falls (Brazil / Argentina)
https://pantip.com/topic/36623531
ค่ำคืนยาวนานที่สนามบินใน Buenos Aires มันทรมานมาก ไม่ใช่เรื่องที่นอน แต่เป็นเรื่องแอร์ หนาวจนคิดว่าจะแข็งตายอยู่กลางสนามบินไม่ได้ไปเที่ยวต่อซะแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมันมาได้ พอถึงตอนเช้าเราก็รอต่อเครื่องพื่อไป Ushuaia ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ส่วนใต้สุดของโลก (จริงๆ มันมีอีกเมืองนึงที่อยู่ใต้กว่า แต่ด้วยจำนวนประชากรที่น้อยมากจนเค้าไม่นับเป็นเมือง) และด้วยความเป็นเมือง “ใต้สุด” มันเลยเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจมา
ความตั้งใจตอนแรกที่อยากจะเที่ยวใน Ushuaia คือ ไป Laguna Esmeralda / Tierra Del Fuego / Cerro Alvear / Begal & Penguin tour ตรงนี้เราตั้งใจว่าจะอยู่ 3 วันเลย แต่เอาเข้าจริงๆ ได้ไปแค่ Laguna Esmeralda / Tierra Del Fuego ซึ่งมันอยู่ในที่เดียวกัน ส่วน Cerro Alvear เราจำไม่ได้ว่าทำไมเราถึงไม่ได้ไป รู้สึกว่ามันจะปิดแล้วไปไม่ได้มั๊ง (ถ้าจำพลาดขออภัย) ส่วน Begel & Penguin tour อากาศไม่ดี ทัวร์ไม่ออกเดินทาง สรุปแล้วเราเลยอยู่ที่ Ushuaia แค่ 2 วัน
อากาศที่ Ushuaia มันบรึ๋ยมาก เรารีบควักเสื้อหนาวตัวหนา (ที่สุดเท่าที่มี) ออกมาใส่ แล้วก็หารถไปที่พักดีกว่า พอถึงที่พักเค้ายังไม่ให้ Check-in เราเลยซื้อตั๋วรถบัสสำหรับไป Tierra Del Fuego (ราคา 300 Peso ไปกลับ) แล้วนั่งรอเวลาอยู่ที่ Hostel ตอนที่นั่งรอเวลาอยู่ก็ได้ยินเสียงคนใน Hostel ไปถามเรื่องการเดินทางซึ่งฟังปุ๊บ อร๊ายยย... “พี่คะ ....คนไทยเปล่าคะ?” จากนั้นพี่เค้าก็เปิดรูป Martial Garcia ให้เราดูแล้วบอกว่าคนไทยที่เจอเมื่อวานไปที่นี่มาสวยดีพร้อมชวนเราไป แต่เราซื้อตั๋วไป Park แล้ววันนี้ ถ้าไปคงพรุ่งนี้เลยว่าไว้ค่อยคุยกันตอนเย็นนี้ (ถ้ากลับมาเจอกัน)
พอได้เวลาเราก็ออกไปยืนรอรถที่จะไป Tierra Del Fuego ที่หัวมุมถนน ทั้งคันมีผู้โดยสารอยู่สาร 2 คน คือเรากับผู้ชายต่างชาติอีกคน นี่เดาได้ถึงความ Popular ของสถานที่นี้เลยนะเนี่ย มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีใครมาบังวิวเราในการถ่ายรูปแน่นอน
เรามาขึ้นรถตรงข้ามกับหอนี้
รถมาส่งเราที่ปากทางเข้าเพื่อให้เราซื้อตั๋วสำหรับเข้าอุทยาน (ราคา 170 Peso) จากนั้นเราก็เริ่มเดินทางกันได้เลย เราเริ่มเดินตามป้ายที่ปักไว้ตามทาง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าวันนี้เรามาดูอะไร แต่รู้สึกเหมือนมันเป็นสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่งของที่นี่ที่ลงใน Lonely Planet เราก็เลยมา เราเห็นคนหลายรีวิวว่ามันแพงและไม่มีอะไร มันยิ่งทำให้เราอยากรู้มากขึ้น เราเดินมาเรื่อยๆ ข้างในมีสภาพเป็นป่าสน
พอเดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงเราก็เห็นทางออกซึ่งเป็นถนนคอนกรีดและมีรถวิ่งผ่านมาจนถึงทะเลสาป นี่ชั้นไม่เดินบนทางคอนกรีตเดินอ้อมในป่าตั้งนานเพื่อชื่นชมธรรมชาติสินะ 555
เราหยุดพักริมทะเลสาบชื่นชมความงามครู่หนึ่งก็เริ่มเดินต่อ
ถัดจากตรงนี้เราก็จะเดินเลาะริมทะเลสาบมาเรื่อยๆ บางจุดก็มีต้องเดินวกเข้าไปในป่าอีกครั้งแล้ววนกลับออกมาใหม่ มาถึงตรงนี้คนที่เคยอ่านทริปแอฟริกาของเราอาจสงสัยว่า "แล้วหล่อนไม่หลงแล้วเหรอยะ?" เพราะทริปอื่นๆ ที่เดินเข้าสู่เส้นทางธรรมชาตินี่ "หลง" ตลอด!!! แน่นอนค่ะว่าต้องหลง “ถ้า” ที่นี่ไม่มีไม้สีเหลืองปักนำทางอยู่เป็นระยะ ซึ่งวิธีนี้ดีมากๆ สำหรับคนที่มั่วซั่วเรื่องทิศอย่างเรา ทำให้สุดท้ายแล้วเราสามารถเดินใน Tierra Del Fuego ได้ทั้งวันโดยที่ไม่หลงเลย
เราเดินจนถึงบ่าย 3 โมงต้องรีบหารถกลับ ไม่เช่นนั้นจะต้องรออีกรอบซึ่งจำไม่ได้ว่ากี่โมง พอเอาตัวออกจากป่ามาได้ เห็นรถบัสวิ่งผ่านหน้าไป เรานี่รีบวิ่งตามทันที แต่พอไปถึง อ้าว..ไม่ใช่คันนี้ ต้องรออีกคัน
ที่รอรถมารับ
ขากลับเราไม่ได้ลงที่เดิม แต่มาลงที่ในเมือง เพราะเคยดูรีวิวว่ามีคนไทยมากิน Ushuaia King Crab ที่นี่ มันเป็น Mission ในวันนี้ของเราที่ต้องตามหาร้านนั้นให้เจอแล้วจัดการกินซะ!!! เพราะเราไม่ได้กินอะไรจริงจังมา 2 วันแล้ว เราเดินหาอยู่นานจนในที่สุดก็เจอว่ามันอยู่แถว Museum แต่...แต่...แต่...มันปิดจ้า!!! ร้านอาหารและร้านรวงต่างๆ ปิดตอน 14:00-19:00 ช่างเหมือนสเปนอะไรอย่างงี้
ร้านอาหารที่เปิดในขณะนั้นส่วนใหญ่เป็น Bakery หรือไม่ก็ Cafe เราเดินไปเดินมาจนตัดสินใจเข้า Café หัวมุมร้านหนึ่ง จัด Salmon Salad ไปหนึ่งจาน ค่าเสียหายอยู่ที่ 235 Peso
กินเสร็จแล้วเราก็ตัดสินใจที่จะเดินจากในเมืองกลับมาที่พัก ซึ่งแน่นอนว่าค่อนข้างไกล แต่ถือว่าเดินย่อย (ย่อนสลัดแซลมอลเนี่ยนะ???) แล้วก็ชมเมืองไปในตัว
หลังจากชื่นชมเมืองแล้วเราก็ต้องกลับไปที่พัก เพราะนี่ก็สองวันแล้วที่ไม่ได้อาบน้ำ ระหว่างทางที่กลับฝนก็เริ่มลงเม็ดอีกแล้ว วันนี้ตกโปรยปรายทั้งวันยังไม่พอใจเหรองัยคะ? เราเลยต้องเปลี่ยนจากเดินกลับห้องเป็นวิ่งกลับห้องแทน พอกลับถึงที่พักก็มองหาพี่คนไทยที่เจอเมื่อเช้า แต่...ไม่ยักจะมี เราเลยรีบไปอาบน้ำแล้วมาซักผ้า เพราะที่พักที่นี่มีเครื่องซักผ้าและที่ตากให้ด้วย แต่อากาศที่ชื้นและฝนตกแบบนี้มันจะแห้งมั๊ยก็ค่อยไปลุ้นเอาทีหลังแล้วกัน
เรากลับไปมองหาพี่เค้าอีกทีแต่สุดท้ายก็ไม่เจอ เราเลยตัดสินใจเข้านอนแต่เช้า (ฟ้ายังไม่มืดดี) เพราะมันเพลียสะสมจากที่นอนไม่สบายเท่าไหร่ในสนามบิน
(เราจะมาต่อส่วนที่เหลือของ Ushuaia ในกระทู้นี้นะคะ ขอเวลาเขียนและรวบรวมรูปภาพก่อนค่ะ)