เมื่อตอนที่ 1 ประเภทของช่องทางการจัดจำหน่าย เราเริ่มด้วย Stand Alone Store
เรามาว่าต่อกันที่แบบที่ 2 ค่ะ
Traditional Trade

ช่องทางการจัดจำหน่ายวิธีนี้ก็คือการขายแบบดั้งเดิมที่ขายผ่านตัวแทนจำหน่ายนั่นเองค่ะ (Dealer) ตัวแทนอาจเป็นได้ทั้งร้านค้าปลีกและร้านค้าส่ง สามารถกระจายสินค้าเข้าถึงมือผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วขึ้น
ทำไม? ถึงอยากขายผ่านต้วแทนจำหน่าย!!!
ขายแล้วได้เงินเลย 
บริษัทผู้เขียนไม่ค่อยปล่อยเครดิตค่ะ เพราะยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ไม่เสี่ยงดีกว่าค่ะ 

ผู้เขียนเคยปล่อยเครดิตให้ลูกค้าเก่าที่อยู่ต่างจังหวัด คือ ณ ตอนนั้นไม่มีพนักงานขายต่างจังหวัดโซนนั้น เราก็อยู่กรุงเทพฯ ขายสินค้าให้ลูกค้าต่างจังหวัดแบบเครดิต จำนวนเงินไม่ถึงหมื่นหรอกค่ะ แต่ปรากฎว่าถึงเวลากำหนดชำระ ลูกค้ากลับไม่จ่ายซะงั้น ตายเลยสิ..ทำไงดี..ไม่อยากต้องจ่ายเอง โทรตามลูกค้าติดตามตลอด เขาว่ายังไง ก็ให้เวลา แต่ก็ตามตลอดค่ะ ในที่สุด โชคก็เข้าข้าง เขาโอนชำระเข้ามาให้ ใช้เวลาถึง 4 เดือนเลยเชียวค่ะ เป็นความรู้สึกเสียวมาก เพราะไม่อยากต้องชดใช้เอง ดันไปปล่อยเครดิตให้เขาเอง และก็บอกตัวเองว่า หากไม่มีพนักงานที่ดูแลโซนต่างจังหวัด ก็ไม่ต้องปล่อยเครดิต เราคงไปตามเขาถึงที่คงไม่ไหวแน่ ๆ..

อีกกรณี พนักงานขายได้ลูกค้าที่ขอซื้อแบบเครดิต ช่วงแรกก็อยากได้นั่นอยากได้นี่ เราก็เอาใจลูกค้าให้ตามที่ลูกค้าอยากได้ ลงสินค้าไปเกือบแสนค่ะ พร้อมตู้ (ได้ลูกค้ารายใหญ่เลย) พอถึงเวลากำหนดชำระ 1 เดือน คุณลูกค้าก็เบี้ยวไม่จ่าย ผลัดการชำระและขอเปลี่ยนเป็นชำระเฉพาะจำนวนสินค้าที่ขายได้แทน อ้าว..ไหงกลายเป็นอย่างนั้นคะ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ รีบนำสินค้าที่มีเหลืออยู่พร้อมตู้กลับค่ะ เจอลูกค้าบ่ายเบี่ยงในการนับสินค้าอีก กว่าจะได้กลับมาก็เกือบเดือน นี่แค่เฉพาะสินค้านะคะ สำหรับเงินที่ต้องชำระผลัดไปเรื่อย ๆ อ้างว่า ต้องรอบัญชีบ้างล่ะ ต้องรอว่าของตรวจนับตรงกันกับใบกำกับภาษีมั้ย และอีกสารพัด ตามกันไปเรื่อย ๆ จนคุณพนักงานขายลาออกไป ก็ยังไม่ได้เงิน (ประมาณ 2 เดือน) ผู้เขียนเลยต้องตามต่อ เวลาคุยก็บอกให้เราพูดจาดี ๆ ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ได้พูดคำหยาบอะไรเลย เพียงแต่ชี้แจงและเพิ่มน้ำหนักให้เขาต้องชำระค่าสินค้าจำนวนหมื่นกว่าบาท เมื่อเขากำหนดวันจ่ายเช็ค เราเข้าไปถึงที่เลยค่ะ รอเช็คประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อได้เช็คแล้วดีใจมากนึกว่าเรียบร้อย ปรากฎว่า เขาเขียนตัวหนังสือของจำนวนเงินผิด ต้องตามเช็คกันต่ออีกเกือบสัปดาห์ ซึ่งกำหนดวันรับเงินในเช็คก็ไม่ใช่ว่าจะขึ้นเงินได้ทันที เขาใส่วันที่ขึ้นเงินได้อีก 2 สัปดาห์หลังจากที่ไปรับเช็ค พอถึงเวลาขึ้นเงินจริง ทายสิคะว่าได้หรือไม่ได้..เช็คเด้งค่ะ พอโทรไป คราวนี้ร้องไห้ในสายอ้อนวอนขอผลัดไปสิ้นเดือน ถือว่าช่วยเขา เราก็ยอม สุดท้ายก็เช็คเด้งเหมือนเดิมค่ะ โทรไปสายก็ไม่รับแล้วค่ะ ติดต่อใครไม่ได้อีกเลย ถามไปถึง AIS เขาก็บอกว่าเบอร์นี้ค้างชำระค่าโทรศัพท์ ถามไปถึงฝ่ายดูแลอาคารที่ลูกค้าคนนี้เช่าอยู่ เขาก็บอกว่าเขาก็ตามค่าเช่าอยู่เหมือนกัน ตามตัวกันไม่เจอ คงจะปิดพื้นที่เขาในสิ้นเดือนแล้ว แม้แต่เบอร์ที่โทรนะคะ พอวางสายจะมีขึ้นว่า "ขี้โกง โปรดระวัง" นี่แสดงว่าเบี้ยวมากี่เจ้าก็ไม่รู้บริษัทเลยต้องทำการแจ้งความโดยใช้หลักฐานคือเช็คใบนั้นค่ะ จนบัดนี้ ยังไม่สามารถติดตามการชำระได้เลยค่ะ ผ่านมา 10 เดือนแล้วค่ะ

ตัวแทนจำหน่ายแบบเครดิตที่ชำระตรงมาตลอด พอบทจะเบี้ยวก็ทำได้ค่ะ เครดิตไม่เหลือเลยจริงๆ  ดังนั้น ขอเป็นเงินสดหรือรูดบัตรยังดีกว่า..

สินค้าที่ขายให้ตัวแทนจำหน่าย เป็นการขายขาด เราไม่ต้องกังวลกับสินค้าต้องกลับคืน มีก็แค่กำหนดเวลาให้เปลี่ยนสินค้าได้เท่านั้น

ตัวแทนจำหน่ายจะซื้อสินค้าในปริมาณมากด้วยราคาส่ง ช่วยให้ยอดขายเพิ่มเร็ว และภาระสต๊อกสินค้าก็ลดลงเร็วด้วยเช่นกัน

:การจะได้ตัวแทนจำหน่ายไม่ใช่เรื่องง่าย หากเป็นสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ ยังไม่เป็นที่รู้จัก เขาไม่ซื้อไปขายให้คุณค่ะ
เขาจะถามว่า 
"มีการตลาดมั้ย มีดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือไม่"
"ฝากขายก่อนแล้วกันค่ะ"
"พี่ต้องการสินค้าที่เป็นกระแส"
"ราคาสูงไป ขายไม่ได้"

บอกได้เลยค่ะ ถ้าสินค้าของเราอยู่ในกระแส มีคนพูดถึง มีลูกค้าถามหาสินค้ากับตัวแทนจำหน่ายแล้วล่ะก็ เขาจะวิ่งเข้ามาหาคุณเองเลยค่ะ โดยเฉพาะถามในช่องทาง Social ที่มี พนักงานขายติดต่อไปก็จะได้รับการตอบรับมากกว่าปฎิเสธ

สรุป
ข้อดี
**ตัวแทนจำหน่ายเป็นตัวกลางการประชาสัมพันธ์สินค้า
**ได้รับเงินสดได้ทันที หรือรวดเร็วกว่าช่องทางอื่น
**สินค้าขายขาด ไม่ต้องกังวลเรื่องรับสินค้าคืน
ข้อเสีย
**เข้าถึงยาก ต้องการซื้อสินค้าที่เป็นกระแส 
** พยายามซื้อขายด้วยเงินสด เนื่องจากติดตามหนี้ยากหากซื้อด้วยเครดิต 

                  ***ไว้มาต่อกันอีกทีตอนที่ 3 กับประเภทต่อไปกันนะคะ ติดตามกันต่อค่ะ***