เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นาย
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 4 คน ได้เดินทางมาตามคำนัดฟังคำพิพากษาคดีสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือคดี 7 ตุลาคม 2551
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อนาย
สมชายมาถึงได้มีประชาชนจำนวนหนึ่งมายืนต้อนรับพร้อมระบุว่า “
ตนมาจากจังหวัดเชียงใหม่ มาหาท่าน ขอให้ท่านสู้ๆ” พร้อมยื่นดอกกุหลาบช่อใหญ่สีแดง จากนั้นนายสมชายก็ได้เดินมาทักทายกับประชาชนที่บริเวณทางเข้าหน้าศาลเป็นเวลานานกว่า 10 นาที
ผู้สื่อรายงานต่อว่าบริเวณหน้าศาลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังดูแลความปลอดภัย จำนวน 1 กองร้อย ตำรวจ อคฝ.หญิงจำนวน 1 หมวด 4 หมู่ โดยในวันนี้มีประชาชนประมาณ 200 คนที่รวมให้กำลังใจ
รายงานข่าวจากทางการข่าวทราบว่า จำนวนประชาชนฝั่งพรรคเพื่อไทยนั้นไม่สามารถระบุได้คงมีมาเรื่อยๆ สำหรับฝั่งพันธมิตรนั้นทราบเบื้องต้นว่าจะมาประมาณ 100 คน ซึ่งก็ได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะและการก่อเหตุของมือที่ 3อีกด้วย
คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2551 เพื่อกดดันให้รัฐบาลนาย
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย ของนาย
ทักษิณ ชินวัตรลาออก กระทั่งมีการชุมนุมล้อมอาคารรัฐสภาเพื่อไม่ให้รัฐบาลของนายสมชายแถลงนโยบายต่อสภา จนมีการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการเปิดทางจากกลุ่มผู้ชุมนุมแต่ระหว่างปฏิบัติการดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จึงมีการสอบสวนแล้วดำเนินคดี โดย ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องคดีนั้น
ในวันที่ 2 ส.ค. เวลา 09.30 น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายธนสิทธิ์ นิลกำแหง ว่าที่รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีดังกล่าวและองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ได้นัดฟังคำพิพากษา ภายหลังไต่สวนพยานนัดสุดท้ายเสร็จเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อปี 2558 โดยยื่นฟ้อง นาย
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 อายุ 70 ปี น้องเขยนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ , พล.อ.
ชวลิต ยงใจยุทธ หรือบิ๊กจิ๋ว อดีตรองนายกรัฐมนตรี อายุ 85 ปี นักการเมืองที่เคยร่วมทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านหลายสมัย , พล.ต.อ.
พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. อายุ 68 ปี น้องชายของ พล.อ.
ประวิตร รองนายกฯ รัฐบาล คสช. , พล.ต.ท.
สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. อายุ 66 ปี เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 รัฐบาลนาย
สมชาย ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขอคืนพื้นที่การชุมนุมจากกลุ่ม พธม.ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา ซึ่งภายหลังการสลายการชุมนุมโดยมิชอบ ไม่เป็นไปตามหลักสากล กระทั่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บ 471 ราย
โดยข้อกล่าวนั้นระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
โดยคดีนี้ศาลฎีกาฯ ได้รับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำอม.2/2558 เมื่อวันที่ 9 ก.พ.58 และให้ประกันตัวนาย
สมชาย อดีตนายกฯ จำเลยที่ 1 ในวงเงิน 9.5 ล้านบาท ส่วน พล.อ.
ชวลิตหรือบิ๊กจิ๋วอดีตรองนายก ฯ จำเลยที่ 2 ได้ประกันตัววงเงิน 8 ล้านบาท และพล.ต.อ.
พัชรวาทอดีต ผบ.ตร. กับพล.ต.ท.
สุชาติ อดีต ผบช.น. จำเลยที่ 3-4 ได้ประกันวงเงินคนละ 6 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขด้วยห้ามจำเลยทั้งสี่เดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับการอนุญาตจากศาล ซึ่งเป็นแนวทางปกติที่ใช้กับทุกคดีในศาลฎีกาฯ
โดยในเวลา 08.00 น.ที่ผ่านมา พล.อ.
ชวลิต ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยมีพยาบาล ส่วนตัวเดินทางมาด้วย และงดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะที่นายสมชาย ได้เดินทักทายมวลชน และได้มีการเข้าไปทักทายนาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. และพล.ต.ท.สุชาติ ได้เดินทางมาถึงแล้วเช่นกับพร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อมั่นในคำพิพากษาของศาล ยืนยันทำดีที่สุดแล้ว ผลจะออกมาอย่างไรยินดีน้อมรับ ไม่มีปัญหาเพราะมันผ่านมานานพอสมควร ผลจะออกมาอย่างไรไม่สามารถตอบอะไรได้ อยู่กับดุลยพินิจอยากให้จบ สาธารณชนจะได้รู้เสียที
ผู้สื่อข่าวถามว่า เตรียมใจมาเต็มที่หากผลออกมาเป็นผลเสียต่อตนเอง พล.ต.ท.
สุชาติ กล่าวว่า วันนี้เตรียมกระเป๋ามา 2 ใบ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกับอดีตนายกฯ
สมชาย
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ พล.ต.ท.
สุชาติกล่าวว่า ไม่แล้วเบื่อ
นอกจากนี้ยังมี นาย
ตี๋ แซ่เตียว อายุ 77 ปี ผู้ที่ได้บาดเจ็บขาขวาขาด จากเหตุสลายการชุมนุม ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย พร้อมกล่าวว่า ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ได้รับบาดเจ็บหน้า บชน. ปี 2551 ยืนยันเหตุการณ์ครั้งนั้นกระทำเกินกว่าเหตุ ไร้มนุษยธรรม แม้ที่ผ่านมาได้รับเงินเชย แต่ตลอด9 ปี ที่ผ่านมายังคงฝันร้าย ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นยังอยู่ในหัว
ผู้สื่อข่าวรายงาน อย่างไรก็ดีหากวันนี้ ศาลฎีกาฯ ได้อ่านคำพิพากษาแล้ว คู่ความสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์คดีได้ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 รับรองสิทธิไว้ตามมาตรา 195 ได้ถายในเวลา 30 วัน ซึ่งหากเป็นกรณีที่จำเลยซึ่งมีโทษตามคำพิพากษา จำเลยก็ต้องยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันระหว่างอุทธรณ์ด้วยและเป็นดุลยพินิจองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าจะให้ประกันหรือไม่
JJNY : ‘สมชาย’ ถึงศาล นัดฟังคำพิพากษาคดีสลายม็อบพันธมิตรฯ ปชช.รอให้กำลังใจพร้อมดอกไม้
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 4 คน ได้เดินทางมาตามคำนัดฟังคำพิพากษาคดีสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือคดี 7 ตุลาคม 2551
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อนายสมชายมาถึงได้มีประชาชนจำนวนหนึ่งมายืนต้อนรับพร้อมระบุว่า “ตนมาจากจังหวัดเชียงใหม่ มาหาท่าน ขอให้ท่านสู้ๆ” พร้อมยื่นดอกกุหลาบช่อใหญ่สีแดง จากนั้นนายสมชายก็ได้เดินมาทักทายกับประชาชนที่บริเวณทางเข้าหน้าศาลเป็นเวลานานกว่า 10 นาที
ผู้สื่อรายงานต่อว่าบริเวณหน้าศาลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังดูแลความปลอดภัย จำนวน 1 กองร้อย ตำรวจ อคฝ.หญิงจำนวน 1 หมวด 4 หมู่ โดยในวันนี้มีประชาชนประมาณ 200 คนที่รวมให้กำลังใจ
รายงานข่าวจากทางการข่าวทราบว่า จำนวนประชาชนฝั่งพรรคเพื่อไทยนั้นไม่สามารถระบุได้คงมีมาเรื่อยๆ สำหรับฝั่งพันธมิตรนั้นทราบเบื้องต้นว่าจะมาประมาณ 100 คน ซึ่งก็ได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะและการก่อเหตุของมือที่ 3อีกด้วย
คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2551 เพื่อกดดันให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย ของนายทักษิณ ชินวัตรลาออก กระทั่งมีการชุมนุมล้อมอาคารรัฐสภาเพื่อไม่ให้รัฐบาลของนายสมชายแถลงนโยบายต่อสภา จนมีการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการเปิดทางจากกลุ่มผู้ชุมนุมแต่ระหว่างปฏิบัติการดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จึงมีการสอบสวนแล้วดำเนินคดี โดย ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องคดีนั้น
ในวันที่ 2 ส.ค. เวลา 09.30 น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายธนสิทธิ์ นิลกำแหง ว่าที่รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีดังกล่าวและองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน ได้นัดฟังคำพิพากษา ภายหลังไต่สวนพยานนัดสุดท้ายเสร็จเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อปี 2558 โดยยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 อายุ 70 ปี น้องเขยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ , พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือบิ๊กจิ๋ว อดีตรองนายกรัฐมนตรี อายุ 85 ปี นักการเมืองที่เคยร่วมทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านหลายสมัย , พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. อายุ 68 ปี น้องชายของ พล.อ.ประวิตร รองนายกฯ รัฐบาล คสช. , พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. อายุ 66 ปี เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีกล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 รัฐบาลนายสมชาย ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขอคืนพื้นที่การชุมนุมจากกลุ่ม พธม.ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา ซึ่งภายหลังการสลายการชุมนุมโดยมิชอบ ไม่เป็นไปตามหลักสากล กระทั่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บ 471 ราย
โดยข้อกล่าวนั้นระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
โดยคดีนี้ศาลฎีกาฯ ได้รับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำอม.2/2558 เมื่อวันที่ 9 ก.พ.58 และให้ประกันตัวนายสมชาย อดีตนายกฯ จำเลยที่ 1 ในวงเงิน 9.5 ล้านบาท ส่วน พล.อ.ชวลิตหรือบิ๊กจิ๋วอดีตรองนายก ฯ จำเลยที่ 2 ได้ประกันตัววงเงิน 8 ล้านบาท และพล.ต.อ.พัชรวาทอดีต ผบ.ตร. กับพล.ต.ท.สุชาติ อดีต ผบช.น. จำเลยที่ 3-4 ได้ประกันวงเงินคนละ 6 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขด้วยห้ามจำเลยทั้งสี่เดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับการอนุญาตจากศาล ซึ่งเป็นแนวทางปกติที่ใช้กับทุกคดีในศาลฎีกาฯ
โดยในเวลา 08.00 น.ที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิต ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยมีพยาบาล ส่วนตัวเดินทางมาด้วย และงดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะที่นายสมชาย ได้เดินทักทายมวลชน และได้มีการเข้าไปทักทายนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. และพล.ต.ท.สุชาติ ได้เดินทางมาถึงแล้วเช่นกับพร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อมั่นในคำพิพากษาของศาล ยืนยันทำดีที่สุดแล้ว ผลจะออกมาอย่างไรยินดีน้อมรับ ไม่มีปัญหาเพราะมันผ่านมานานพอสมควร ผลจะออกมาอย่างไรไม่สามารถตอบอะไรได้ อยู่กับดุลยพินิจอยากให้จบ สาธารณชนจะได้รู้เสียที
ผู้สื่อข่าวถามว่า เตรียมใจมาเต็มที่หากผลออกมาเป็นผลเสียต่อตนเอง พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า วันนี้เตรียมกระเป๋ามา 2 ใบ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกับอดีตนายกฯ สมชาย
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า ไม่แล้วเบื่อ
นอกจากนี้ยังมี นายตี๋ แซ่เตียว อายุ 77 ปี ผู้ที่ได้บาดเจ็บขาขวาขาด จากเหตุสลายการชุมนุม ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย พร้อมกล่าวว่า ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ได้รับบาดเจ็บหน้า บชน. ปี 2551 ยืนยันเหตุการณ์ครั้งนั้นกระทำเกินกว่าเหตุ ไร้มนุษยธรรม แม้ที่ผ่านมาได้รับเงินเชย แต่ตลอด9 ปี ที่ผ่านมายังคงฝันร้าย ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นยังอยู่ในหัว
ผู้สื่อข่าวรายงาน อย่างไรก็ดีหากวันนี้ ศาลฎีกาฯ ได้อ่านคำพิพากษาแล้ว คู่ความสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์คดีได้ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 รับรองสิทธิไว้ตามมาตรา 195 ได้ถายในเวลา 30 วัน ซึ่งหากเป็นกรณีที่จำเลยซึ่งมีโทษตามคำพิพากษา จำเลยก็ต้องยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันระหว่างอุทธรณ์ด้วยและเป็นดุลยพินิจองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าจะให้ประกันหรือไม่