6 ก.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำพิพากษา 3 คดีใหญ่ในเวลาไล่เลี่ยกันของเดือน ส.ค.หรือบางคดีอาจไม่เกินเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งมี 3 อดีตนายกรัฐมนตรี จาก "พรรคเพื่อไทย" ตกเป็นจำเลย ประกอบด้วย
1.คดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งแยกเป็น 2 ส่วน คือ การฟ้องทางอาญา และการฟ้องทางแพ่งเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดิน นอกจากนี้ยังแยกฟ้องเป็น 2 คดี คือ ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยเพียงคนเดียว และอีกคดีฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 19 คน
สำหรับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกฟ้องฐานกระทำผิดต่อหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท เข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานปากสุดท้ายวันที่ 21 ก.ค.นี้
จากนั้นศาลจะให้คู่ความฝ่ายโจทก์และจำเลยทำคำแถลงปิดคดียื่นต่อศาลภายในเวลาไม่เกิน 30 วัน จากนั้นไม่เกิน 14 วัน ศาลจะนัดอ่านคำพิพากษา ซึ่งไม่น่าจะเกินเดือน ส.ค.หรือ ก.ย.นี้
ส่วนทางแพ่งนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกฟ้องให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินเป็นมูลค่าราว 3.5 หมื่นล้านบาท
2.คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นน้องเขยของนายทักษิณ , พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ถูกฟ้องในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ยุครัฐบาลนายสมชาย , พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) น้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ในรัฐบาลปัจจุบัน และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (อดีต ผบช.น.) เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจของนายทักษิณ โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหาสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2551 จนมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บอีก 471 ราย
คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้าย วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนายสมชาย ได้แถลงปิดคดีด้วยวาจาด้วยตัวเอง และศาลกำหนดฟังคำพิพากษาในวันที่ 2 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งศาลกำชับให้ พล.อ.ชวลิต จำเลยที่ 2 มาฟังคำพิพากษาตามนัดด้วย
3.คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) และองค์คณะรวม 9 คน ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 1 , นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 2 และพวก ซึ่งเป็นอดีตนักการเมือง 3 คน ข้าราชการการเมือง 3 คน และนิติบุคคลกับกรรมการผู้มีอำนาจในนิติบุคคล รวม 28 ราย เป็นจำเลยที่ 1-28
ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 4, 9, 10, 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ, ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 พร้อมทั้งขอให้ศาลสั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน 35,274,611,007 บาท ที่คิดคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งตามสัญญาระบายข้าว 50,000 ตัน ที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา 4 ใน 8 ฉบับ
ภายหลังศาลไต่สวนพยานจำเลย 3 ปากสุดท้ายเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จำเลยไม่ติดใจไต่สวนพยานอื่นอีก ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
http://m.naewna.com/view/highlight/279269
ไม่ผิดจะกลัวอะไรคะ...?



~มาลาริน~** กางปฏิทิน'สิงหาคม'ลุ้นระทึก! จับตาบทสรุป 3 คดีใหญ่- 3 อดีตนายกฯ พบท่านเปาเพื่อฟังคำพิพากษา
1.คดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งแยกเป็น 2 ส่วน คือ การฟ้องทางอาญา และการฟ้องทางแพ่งเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดิน นอกจากนี้ยังแยกฟ้องเป็น 2 คดี คือ ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยเพียงคนเดียว และอีกคดีฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 19 คน
สำหรับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกฟ้องฐานกระทำผิดต่อหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท เข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานปากสุดท้ายวันที่ 21 ก.ค.นี้
จากนั้นศาลจะให้คู่ความฝ่ายโจทก์และจำเลยทำคำแถลงปิดคดียื่นต่อศาลภายในเวลาไม่เกิน 30 วัน จากนั้นไม่เกิน 14 วัน ศาลจะนัดอ่านคำพิพากษา ซึ่งไม่น่าจะเกินเดือน ส.ค.หรือ ก.ย.นี้
ส่วนทางแพ่งนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกฟ้องให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินเป็นมูลค่าราว 3.5 หมื่นล้านบาท
2.คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นน้องเขยของนายทักษิณ , พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ถูกฟ้องในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ยุครัฐบาลนายสมชาย , พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) น้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ในรัฐบาลปัจจุบัน และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (อดีต ผบช.น.) เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจของนายทักษิณ โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหาสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2551 จนมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บอีก 471 ราย
คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้าย วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนายสมชาย ได้แถลงปิดคดีด้วยวาจาด้วยตัวเอง และศาลกำหนดฟังคำพิพากษาในวันที่ 2 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งศาลกำชับให้ พล.อ.ชวลิต จำเลยที่ 2 มาฟังคำพิพากษาตามนัดด้วย
3.คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) และองค์คณะรวม 9 คน ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 1 , นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 2 และพวก ซึ่งเป็นอดีตนักการเมือง 3 คน ข้าราชการการเมือง 3 คน และนิติบุคคลกับกรรมการผู้มีอำนาจในนิติบุคคล รวม 28 ราย เป็นจำเลยที่ 1-28
ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 4, 9, 10, 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ, ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 พร้อมทั้งขอให้ศาลสั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน 35,274,611,007 บาท ที่คิดคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งตามสัญญาระบายข้าว 50,000 ตัน ที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา 4 ใน 8 ฉบับ
ภายหลังศาลไต่สวนพยานจำเลย 3 ปากสุดท้ายเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จำเลยไม่ติดใจไต่สวนพยานอื่นอีก ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
http://m.naewna.com/view/highlight/279269
ไม่ผิดจะกลัวอะไรคะ...?