28 วันแห่งความทรงจำ... บนทางรถไฟจากนานกิงสู่ปารีส

สวัสดีครับ ที่ผ่านมาผมได้ติดตามกระทู้จากบลูแพลนเน็ตมาหลายปีแล้ว ผมรักในสังคมแห่งการแบ่งปันประสบการณ์ที่นี่ ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสท่องเทียวจากหนานจิง (นานกิง) ไปยังปารีส รวม 28 วัน ผ่าน 14 เมืองกับอีก 9 ประเทศ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แบ่งปันเรื่องราวของผมตอบแทนแก่สังคมแห่งนี้บ้าง

การเดินทางของผมแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ธีมหลักๆด้วยกัน คือ 1 ทรานส์มองโกเลียน (9 วัน) ทรานส์ไซบีเรียน (11 วัน) และยุโรป (8 วัน)

กระทู้นี่จะรีวิวด้วยการเล่าเรื่องราวของสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม สังคม ประวัติศาสตร์ ภูมิประเทศ ผ่านมุมมองของผม แต่จะไม่เน้นวิธีการวางแผนการเดินทาง การขอวีซ่า การจองตั๋วรถไฟและเครื่องบิน ที่พัก ฯลฯ เนื่องจากมีเพื่อนๆในบลูแพนลนเน็ตรีวิวข้อมูลต่างๆเหล่านี้ไว้ดีมากๆแล้ว ผมจะแปะลิ้งค์ที่ผมใช้เป็นข้อมูลในการเตรียมตัวแทนครับ
https://pantip.com/topic/34600617
https://pantip.com/topic/13108252

อันนี้ของเว็บต่างประเทศ สำหรับเรื่องจองตั๋วรถไฟเว็บนี้ครอบคลุมทุกอย่างแล้วครับ
https://www.seat61.com/Trans-Siberian.htm

เว็บ tripadvisor สำหรับเลือกที่เทียวในแต่ละเมือง



เรื่องราวบางส่วนของรีวิวนี้เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์บ้าง ซึ่งมาจากการตีความของผมจากการอ่านในอินเตอร์เน็ต อ่านจากป้ายตามสถานที่ท่องเที่ยว ฟังออดิโอไกด์ สอบถามจากคนท้องถื่น แน่นอนว่าย่อมมีข้อผิดพลาด ผมจึงขออนุญาตแท็กห้องประวัติศาสตร์ เผื่อว่าจะมีกูรูท่านต่างๆผ่านเข้ามาเห็นและท้วงติงข้อมูลที่อาจจะผิดพลาดครับ

Part 1: Trans-Mongolian Railway
ทางรถไฟทรานส์มองโกเลียน ทางรถไฟเก่าแก่ยาว 2000 กว่ากิโลเมตร ที่ตัดจากประเทศจีนที่เมืองจี๋หนิง (集宁) เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ไปบรรจบกับทางรถไฟทรานไซบีเรียที่เมืองอูลันอูเด ประเทศรัสเซีย ผ่านทางประเทศมองโกเลีย ผมเลือกแวะเที่ยวที่เมืองหนานจิง (นานกิง) เป่ยจิง (ปักกิ่ง) และอูลานบาตาร์ (เมืองหลวงของมองโกเลีย) ครับ
หากจะว่ากันตามเส้นทางแล้ว การเดินทางในส่วนนี้ของผมก็ไม่ใช่ทรานส์มองโกเลียนซะทีเดียว เพราะรถไฟจากหนานจิงไปเป่ยจิงนั่นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายนี้ อย่างไรก็ตาม ขอทึกทักใช้ชื่อตอน "ทรานส์มองโกเลียน" เนื่องจากเป็นธีมหลักของการเดินทางในช่วงนี้ครับ

== หนานจิง (นานกิง) ==
หนานจิงหนึ่งในหกเมืองหลวงเก่าของจีน ที่แห่งนี้ผ่านเรื่องราวในอดีตมามากมาย และเป็นประจักษ์พยานกับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงแค้วนอู๋ (ง่อก๊ก) สมัยสามก๊กเมื่อราว 1800 ปีก่อน หรือเป็นเมืองที่จูหยวนจาง (จูง้วนเจียง) ใช้เป็นฐานปราบพวกมองโกลลูกหลานเจงกิสข่านและสถาปนาราชวงศ์หมิง แม้กระทั่งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผ่านมาไม่ถึง 80 ปี หนานจิงก็มีบทบาทสำคัญยิ่งบนหน้าประวัติศาสตร์ ในการยืนหยัดต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น และการสังหารหมู่ที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลก

// ภูเขาจงชาน
ภูเขาจงชานเป็นภูเขาใจกลางเมืองหนานจิง ประกอบด้วยที่ท่องเที่ยงต่างๆมากมาย แบ่งเป็นหลักๆได้สามกลุ่มคือ สุสานราชวงศ์หมิง สุสานซุนยัตเซ็น และวังหลิงอู่ และที่อื่นๆเช่นพิพิธภัณฑ์ราชวงศ์หมิง บ้านมาดามเจียง (ภรรยาเจียงไคเช็ค) บ้านของดร.ซุนยัตเซ็น

เก้าอี้ตัวนี้จูหยวนจางเคยนั่งสถาปนาราชวงศ์หมิงเมื่อ 700 กว่าปีก่อน ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ราชวงศ์หมิง

สุสาน ดร.ซุนยัตเซ็น ถึงฝนจะตกแต่ทุกคนก็ดูตั้งใจจะขึ้นไปให่ได้

สุสานฮ่องเต้ราชวงศ์หมิง บางทีก็สงสัยว่าทำไมคนสมัยก่อนต้องลงแรงเพื่อคนที่ตายไปแล้วมากมายขนาดนี้ แล้วพวกเขาลงแรงเพื่อคนที่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่านี้หรือเปล่า

ทางเดินศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Path) เห็นแล้วนึกถึงรูปปั้นอิซิลดูร์กับอนาริออนที่ช่องแคบอาร์โกนัธ (ลอร์ดออฟเดอะริง)

//Presidential Palace ที่ทำการกรมเมืองตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงเรื่อยมาจนถึงยุคสาธารณรัฐเมื่อต้นศตวรรษที่ 20

ที่ทำการรัฐบาลก๊กมินตั๋งเมื่อ 90 กว่าปีก่อน

//พิพิธภัณฑ์สังหารหมู่หนานจิง

รูปนี้คงโหดน้อยที่สุดในพิพิธภัณฑ์ ชวนให้นึกถึงเทพีเสรีภาพที่นิวยอร์คยังไงไม่รู้

//กำแพงเมืองหนานจิง

กำแพงเมืองโบราณอายุราว 800 ปี ซากอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ในอดีต สร้างสมัยราชวงศ์หยวน (มองโกล) แต่มาเสร็จสมัยราชวงศ์หมิง

กำแพงเมืองจากทะเลสาบสวนอู่ ยามสนธยา ใจกลางทะเลสาบสร้างเป็นสถานที่จัดแสดง/ จัดประชุม สวยงามอลังการตามสไตล์จีนสมัยใหม่
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่