วันหยุดมีแพทย์เข้าแค่คนเดียวทั้งโรงพยาบาลหรอคะ โรงพยาบาลชัยภูมิ

แอ๊ดมิทวันที่ 26 และวันที่ 28 หยุดให้น้ำเกลือเพราะแม่กินข้าวได้ปกติอาการดีขึ้นหมอก็ไม่มีเข้ามาตรวจ เจอแต่แม่บ้าน จะกลับบ้านพยาบาลก็ให้รอหมอใหญ่ โรงพยาบาลมีหมอคนเดียวเพราะเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิต และต้องไปตรวจตึกอื่น และถ้ามีผู้ป่วยฉุกเฉินก็ต้องรีบไปดูก่อน คำถามคือแล้วแม่เราละ??? คือจะให้นอนไปเรื่อยๆหรอคะ พยาบาลบอกไม่ได้ว่าอาการคุณแม่หายหรือยัง หรือจะกลับบ้านได้หรือยังคือบอกอะไรไม่ได้เลย คุณแม่ก็ทนไม่ไหวแล้วเลยลองโทรเข้า กรมสาธารณสุข 1669 เข้าบอกแนะนำให้หนีออกไปเลย คือแนะนำกันแบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ?!! เงินอะมีจ่ายนะคะแต่เข้ามาดูแม่หน่อยได้ไหมคะ วันนี้วันที่ 29 ตัดสิ้นใจเดินไปบอกพยาบาลว่าขอกลับคะและขอเคลียค่าใช้จ่ายคะ พยาบาลเลยตามหมอเวรมาดูให้เหมือนนักศึกษาน่าจะยังเรียนไม่จบพูดวกไปวนมาถามอะไรก้ตอบไม่ได้สักอย่าง บอกว่าหมอใหญ่ยังไม่ให้ออกเพราะคุณแม่ต้องให้น้ำเกลือเผื่อไปเลี้ยงสมองก่อน แต่!!!! คำถามคือน้ำเกลือให้แค่วันเดียวและไม่ได้ให้อีกเลย??? อะไรกันคะ!! หมอเวรเลยขอไปคุยกะหมอใหญ่และเขาเข้ามาให้คุณแม่เซ็นยิงยอมไม่ต้องการรักษาต่อ ต่อจากนั้นก้ไปรับยาเราก้บ่นให้เจ้าหน้าที่ฟัง เจ้าหน้าที่บอกว่าหมอใหญ่ไปเที่ยว ต่างประเทศ จบคะและขอประวัติไปรักษาต่อที่อื่นคะ ห่วยแตกคะ!!!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
เป็นหมอครับ
รพ จังหวัดขึ้นกับ บริบท  แต่สมมติว่าทั้งแผนกมีหมออยู่3คน   หมอ3คนนี่ก้แทบจะทำงานทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้ว  ส่วนวันหยุด หมอ1ใน3คน ต้องเวียนกันผลัดกันอยู่ โดยคนเดียวดูทั้งแผนกครับ  ฟังไม่ผิด ทั้งแผนก!!!  แผนกนึง อาจจะอยู่หลายตึก คนไข้รวมๆอาจจะร้อยกว่า

รพ อำเภอผม มีหมออยู่3คน ทั้ง รพ!!!  ฟังไม่ผิดครับ ทั้ง รพ และทั้งอำเภอ
ในเวลาราชการ ทั้ง3คน ทำงานกันเต็มเวลาอยู่แล้ว   ตอนเช้าไปตรวจคนไข้นอนในตึก ไปดูห้องคลอด ไปตรวจที่ห้องตรวจผุ้ป่วย และควบห้องฉุกเฉินไว้ด้วย  ทั้งๆที่ห้องตรวจมีคนไข้รอตรวจวันละ 200-300คน  และห้องฉุกเฉินมีเคสมาตลอด
ส่วนนอกเวลา  ต้องมี1คนจาก3คน ทำงานหลัง4โมงเย็นจนถึง8โมงเช้าอีกวัน  เป็นหมอคนเดียวดูทั้ง รพ  ฟังไม่ผิดครับ ทั้ง รพ จริงๆ !!!!
แล้วตอนเช้าก้มาตรวจคนไข้ต่อเป็นวงจรเดิมที่ผมเล่าไปข้างต้น
ถ้าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ล่ะ?
หมอ1ใน3คน ต้องทำงาน24ชั่วโมงลากยาว ตั้งแต่8โมงเช้าของวันศุกร์ ยาวจนถึง 4โมงเย็นของวันจันทร์  ฟังไม่ผิดครับ!!!  หมอ1คนนั้น ทำงานต่อเนื่องกว่า 80ชั่วโมงจริงๆ !!
.
ไม่มีหมอคนไหน จะมาทำงาน24ชม ติดต่อกันตลอด7วันได้ตลอด 365วัน หรอกครับ
และระบบที่ใช้อยู่นี้ ก้ใช้มาตั้งแต่20ปีที่แล้วที่มีบัตรทองถือกำเนิดขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึง รพ ได้อย่างมหาศาล แต่ยังใช้ระบบเดิม หมอจำนวนเท่าเดิม
หมอ รพ รัฐ ขาดแคลนมานานแล้ว  รัฐบาลก้หลอกตัวเองไปวันๆว่าหมอพอๆ เครื่องมือพอ อุปกรณ์พอ  
ประชาชนนั่นแหล่ะ  ที่เป็นตัวเร่งให้หมอก่อนหน้าลาออกไปอยู่เอกชนจนหมด   ส่วนหมอที่ยังทนทำงานหนักใน รพ รัฐ ก้ทนให้ประชาชนด่าต่อไป  แต่ไปสรรเสริญเอากับเอกชน ที่ไม่ต้องรอนาน
................
อันดับแรก  
ประชาชนและรัฐบาล ต้องยอมรับให้ได้ก่อนครับ ว่าหมอใน ระบบ รพ รัฐ นั้นขาดแคลนอย่างมากกกกก  และพยายามอย่าไปกดดันจนคนที่เขายังอยู่เพื่ออุดมการณ์ลาออกไปอยู่เอกชนจนหมด  (ตอนนี้ หมอทั้งประเทศเกินครึ่ง ไปเอกชนกันหมดแล้วนะครับ ชีวิตสบายกว่า เงินดีกว่า มีเวลาให้หยุดให้พัก ให้ครอบครัว)  อย่าไปให้เขาเสียสละจนตัวตาย
อันดับ2
คนที่ยังอยู่ใน ระบบ รัฐ ก้อย่างหยิ่ง อย่าถือดี ต้องคุยกับคนไข้ด้วยใจ และคุยให้เขารู้เรื่องด้วย  อย่าชคนไข้เป็นที่รองรับอารมณ์ความเหนื่อย
..............
เรื่องแพทย์ถ้าอยู่เวรแล้วไปเที่ยวอันนี้ถือว่าผิดจรรยาบรรณและหน้าที่รุนแรงมากนะครับ  เพราะแม้จะขาดแคลนขนาดไหน ณ เวลานั้น ต้องมีแพทย์เวรที่อยู่ในพื้นที่ทำงานใน รพ  ก้คือแพทย์ที่อยู่เวรเวลานั้น  แต่คุณต้องชัวร์ว่า เขาละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่จริงๆ  
เพราะถ้าผมทำงานลากยาว24ชั่วโมงติดต่อกันหลายวัน  แต่กลับโดนคนไข้ต่อว่า หมอไม่ทำงาน  ผมคงไม่มีกำลังใจทำงานต่อในระบบรัฐ เฮงซวยแบบนี้
..............
ถ้ารอต่อคิว และรอการแชร์ทรัพยากร รพ รัฐ ที่ขาดแคลนอย่างหนักไม่ไหว คุณมีสิทธิที่จะเลือกเข้ารับการรักษาที่เอกชนได้
ยังคงยืนยันคำเดิมครับ ว่าคุณมีสิทธิเลือกรับการรักษาที่ไหนก้ได้   แต่ถ้าคุณจะใช้บัตรทองรักษาฟรี คุณต้องร่วมแชร์ทรัพยากรที่ขาดแคลนกับคนอื่นครับ
ความคิดเห็นที่ 7
พบแพทย์ในอเมริกา
-------------------------

การพบแพทย์ในอเมริกาเป็นสิ่งที่คนเดินกินข้าวแกงแบบธรรมดาไม่อยากพบ
อเมริกาเป็นต้นแบบของทุนนิยม ดังนั้นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการพัฒนาทุกวงการวิชาชีพคือแรงจูงใจ โดยเฉพาะแรงจูงใจด้านค่าตอบแทน
ทุนนิยมแบบอเมริกันคือทุนนิยมเสรี คือมีการควบคุมกลไกลราคาน้อยที่สุด ให้ระบบดีมานซัพพลายทำงานเป็นธรรมชาติที่สุด

เมื่อเป็นเช่นนั้น วิชาชีพพิเศษๆที่ใช้ความชำนาญและความรู้เฉพาะ ค่าแรงแพงทุกวิชาชีพ ค่าแพทย์แพงมาก

นอกจากค่าตอบแทนแล้ว อเมริกาเป็นประเทศที่วางมาตรฐานการแพทย์ให้กับวงการสาธารณสุขทั่วโลก ที่นี่จึงต้องได้มาตรฐานทุกอย่าง คำว่ามาตรฐานจึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการจัดการสูงขึ้นมากด้วยเช่นกัน ซึ่งหมวดนี้รวมถึงยาและเวชภัณฑ์ต่างๆด้วย ที่นี่ไม่มียาก็อป ยาออริจินัลนี่แพงมากถึงมากที่สุด เช่นยาปฏิชีวนะแผงนึงก็ต้องมีสักเจ็ดร้อยบาท แถมต้องมีใบสั่งจากหมอด้วย
นี่เรียกว่า สามสูงเลย ค่าหมอสูง ค่ารพ.สูง ค่ายาสูง

เมื่อทุกอย่างสูงไปหมด การเจ็บป่วยสักครั้งเปรียบเหมือนโดนปล้น หรืออุบัติเหตุจราจร ซึ่งคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ในการเจ็บป่วยหนึ่งครั้ง (เดี๋ยวจะเล่าว่าเดาไม่ได้อย่างไร)

เมื่อค่าเสียหายจากการเจ็บป่วยสูง ธุรกิจประกันจึงเฟื่องฟูมากและกลายเป็นภาคบังคับสำหรับทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ทำงานในระบบต้องมีประกันทุกคน คนที่ไม่มีกฏหมายรองรับก็หาประกันยากชีวิตจึงแขวนบนเส้นด้ายสุขภาพตลอด

ถึงแม้มีประกันแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะเดินอาดๆเข้าไปพบหมอ เพราะประกันทั่วๆไปไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยทั่วไปประกันจะจ่ายให้ 80% เราจ่าย 20%

ฟังดูเหมือนเราจะจ่ายไม่มาก แต่มาเจอค่าใช้จ่ายจริงๆที่นี่แล้วจะขอบคุณระบบสาธารณสุขไทยที่โดนก่นด่าได้ทุกวันนี่แหละ

การพบแพทย์ที่นี่ก็มีแบ่งระดับ primary เช่นพวกสถานีอนามัยหรือคลินิกชุมชน secondary รพ.อำเภอ tertiary รพ.จังหวัดหรือรพ.ศูนย์ เหมือนที่ไทยทำนั่นแหละ

ที่นี่เข้มงวดกับการพบแพทย์ให้ตรงกับความรุนแรงของโรคมาก โดยทั่วไปแล้วหากเจ็บป่วยเล็กๆน้อย ก็ต้องเดินไปหาคลินิคชุมชนก่อน คลินิคพวกนี้เปิดในเวลาราชการเท่านั้น เราจะให้ใบสั่งยาไปรับยากลับบ้าน ค่าใช้จ่ายตรงขั้นนี้ โดยเฉลี่ยก็ 100-300 ดอลลาร์ เราจ่ายแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ก็สบายๆใช่มั้ยครับ ตกแค่ สี่ร้อยถึงพันกว่าบาทยังพอจ่ายได้

ถ้าเกิดเจ็บป่วยนอกเวลาราชการละ ก็มีสองช้อยส์ ซึ่งคุณต้องเลือกให้ดีว่าจะเข้าประตูไหน ระหว่าง urgency กับ emergency

ถ้าคุณปวดหัวมาก จนทนไม่ได้ตอนตีสอง คุณเดินเข้า urgency แพทย์ประจำห้องจะตรวจร่างกาย ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติมาก อาจจะฉีดยา ให้คุณนอนพัก บริการในห้องนี้ก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 1,000 ดอลล่าร์ ถ้าโชคดีฉีดยาหายกลับบ้าน เราก็จ่าย 200 ดอลลาร์หรือเจ็ดพันกว่าบาทแล้วก็หายปวดหัวกลับบ้าน

แต่ถ้าวันนั้นเปรี้ยวอยากลองเดินเข้า emergency room ดู คุณจะโดนมะรุมมะตุ้มจากหมอหลายๆแผนกที่ประจำการในห้องฉุกเฉิน ทุกหมอที่มาคุยมาตรวจเขาได้ค่าตอบแทนหมด ทุกบริการในนี้ราคาคูณอีกสิบเท่า ถ้าคุณเดินออกมาจาก ER แล้วเจอบิลค่ารักษา 10,000 ดอลลาร์ คุณก็จะกลับไปปวดหัวอีกเดือนนึง ซึ่งค่าบริการในห้องฉุกเฉินนี้เริ่มต้นที่หมื่นดอลลาร์นี่แหละครับ ถ้าป่วยถูกโรคที่ต้องส่งตรวจมาก ส่งเข้าผ่าตัดฉุกเฉินด้วยก็คูณไปอีกหลายเท่าตัวเลยครับ

ห้อง emergency แบบอเมริกันคือห้องที่ต้องรีดเค้นศักยภาพของแพทย์สูงที่สุด เพราะมีปัจจัยเรื่องเวลาเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด เปลี่ยนรอดเป็นตายจากตายเป็นรอดในหน่วยวินาที เมื่อมูลค่าของเวลามันสูง ศักยภาพ บุคลากร จึงต้องดีที่สุดพร้อมที่สุด ใครเข้ามาที่นี่ก็ต้องจ่ายแพงที่สุด

คนอเมริกันเลยกลัว ER มาก ถ้าเข้า ER แล้วออกมาคงได้ป่วยอีกรอบตอนเจอบิลรักษานี่แหละ

เมื่อค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพสูงมาก คนอเมริกันเลยดูแลเอาใจใส่สุขภาพมาก จัดการตัวเองได้เมื่อเจอปัญหาสุขภาพง่ายๆ การดูแลรับผิดชอบตัวเองคือสิ่งแรกที่อเมริกันชนคิด ถ้าให้คนอื่นดูแลคุณก็จ่ายค่าตอบแทนนั้นด้วย คติของอเมริกันชนคือดูแลสุขภาพดีกว่า ง่ายกว่าและถูกกว่าการรักษาสุขภาพ

นโยบายรักษาฟรีของไทยคือตัวอย่างระบบสุขภาพที่มหัศจรรย์มากสำหรับโลกใบนี้ การเอามาเล่าให้ชาวอเมริกันฟัง ว่าประเทศโลกที่สามที่ไม่ได้ร่ำรวย แต่สามารถสร้างระบบสวัสดิการที่รักษาประชาชนทุกคนฟรี และดำเนินนโยบายมานานนับสิบปีได้ มันคือเรื่องเหลือเชื่อสำหรับเขาเลย

แน่นอนว่าผลของนโยบายนี้ที่ช่วยชีวิตคนไทยนับล้านๆคน แต่ในมุมสะท้อนมันคือการสร้างภาระที่ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามกลไกลตลาดแก่บุคลากรทางการแพทย์ด้วย

สิ่งที่อยากขอจากประชาชนมากที่สุดคือนโยบายนี่จะทรงประสิทธิภาพมากขึ้น

หากการดูแลสุขภาพเป็นหน้าที่หนึ่งที่ประชาชนใส่ใจ

ขอแค่นี้เอง ไม่ยากเกินไปนะครับ

Cc: Somkiat Osotsapa
ความคิดเห็นที่ 5
คุณไม่พยายามหาข้อเท็จจริง แล้วก็โวยวายเอาแต่ใจก่อนแล้ว ไม่ว่าโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนก็มีขั้นตอนปฏิบัติน่ะ
การดูแลทางการแพทย์ไปโรงพยาบาล คุณก็ต้องเข้าใจวิธีปฏิบัติขิงโรงพยาบาล ไม่ใช่คิดว่าเข้าโรงแรมน่ะ
จะได้นึกอย่กจะกลับเวลาให้อย่างงไรก็ได้
ผมไม่อธิบายขั้นตอนปฏิบัติหรอก ให้รู้จักสืบค้นเอาเองบ้าง ไว้เวลาคุณต้องไปป่วยในต่างประเทศ คงได้รู้สำนึกบ้าง
โรงพยาบาลระดับ รพ ชัยภูมิมีขนาดใหญ่พอควรหลายแผนก แต่ละแผนกก็มีหมอเวรอยู่น่ะครับ
ดังนั้นหมอเวรไม่ใช่คนเดียวครับ และอย่าได้เปรียบเทียบกับเอกชนน่ะครับ
เพราะคนป่วยน้อยกว่ากันเยอะ ทุกงานบริการคือค่าใช้จ่ายของคุณ
ถ้าคุณคิดว่ามีเงิน และเอกชนตอบสนองคุณได้ เชิญไปเอกชนครับ จะได้ไม่ต้องมาโวยวายเอาแต่ใจ
รพ รัฐมุ่งบริบาลผู้ป่วย ไม่ใช่มุ่งเน้นบริการญาติหรือสนองความต้องการเอาแต่ใจแบบคุณน่ะ
ความคิดเห็นที่ 17
ประเด็นอื่นไม่ขอวิจารณ์นะคะ แต่ ที่คุณ จขกท.บอกโทร 1669
นี่โทรแล้วเค้ารับสายว่าอะไรคะ ปกติ 1669เป็นเบอร์ฉุกเฉินของ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ไม่ใช่เบอร์ "กรมสาธารณสุข"แบบที่คุณบอกมานะคะ และ รพ.จังหวัด สังกัด กระทรวงสาธารรสุข ไม่ใช่"กรมสาธารณสุข"ค่ะ

ที่โทร1669 ปกติ เอาไว้รับแจ้ง"เหตุฉุกเฉินทางการแพทย์" เช่น เจ็บป่วยไม่สบาย แน่นหน้าอก แขนขาอ่อนแรง เฉียบพลัน หรืออุบัติเหตุที่ต้องการการช่วยเหลือออกไปรับ ณ จุดเกิดเหตุหรือ ที่บ้าน เพื่อนำส่งโรงพยาบาล

ไม่ได้เอาไว้ร้องเรียนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่