สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
นักท่องเที่ยวต่างชาติก็เจอของแข็งในไทยเหมือนกัน
คดี 1 เราโดนบริษัทแปลที่เราทำงานอยู่ ส่งตัวไปเป็นล่าม ให้วิศวกรชาวศรีลังกาที่ติดคุกอยู่ข้อหาค้าผงขาว ภรรยาเค้าจ้างเรา เราไปสัมภาษณ์สามีเค้าในเรือนจำ สามีเค้าบอกว่าตอนจะออกด่าน จะบินกลับศรีลังกา กำลังยื่น passport อยู่ จนท ตม เข้ามาประกบตัว แล้วบอกว่า "ถุงอะไรตกอยู่บนพื้น" จนท หลายคนล้อมจับตัวเค้า เอาเค้าไปเข้าห้องเย็นสัมภาษณ์ ผงขาวๆในถุงนั้นคือ เฮโรอิน แต่เค้าสบถสาบานว่า "ถุงที่มีผงขาวๆซึ่งตกอยู่ใกล้ๆตัวเค้านั้น เค้าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต!"
^
มีคนขอให้เราแปะ link ข่าวคดีนี้ แต่เราแค่ไปเป็นล่ามที่เรือนจำครั้งเดียว จากนั้น ล่าม/นักแปล คนอื่นทำหน้าที่ต่อ และเราจำชื่อชาวศรีลังกาไม่ได้ จึงหาข่าวและหา link ไม่เจอ แต่เราหาข่าวและ link ของคดีที่ 2 เจอ และเจอข่าวชาวต่างชาติเจอของแข็งในประเทศไทยอีกตั้งมากมาย (ตามที่แปะเรื่องย่อๆ และ links ไว้อีกหลายอัน ข้างล่างนี้)
คดี 2 อันนี้
เราไปค้นข้อมูล แล้วพบว่าเราเล่าเหตุการณ์คลาดเคลื่อน จำไม่แม่นเพราะนานมากๆแล้ว เกิดขึ้นเมื่อปี 1990 เลยแก้ให้ใหม่
เรื่องเป็นงี้ สาวฝรั่งชาวอังกฤษ 2 คน คนหนึ่งอายุ 17 อีกคนอายุ 18 โดนตำรวจจับ แล้วค้นเจอว่าในกระเป๋าเดินทางพวกเค้ามีห่อขนม ขวดเครื่องดื่ม และขวดแชมพูที่มีเฮโรอินผงรวมน้ำหนัก 26 กก. มูลค่าประมาณ 4 ล้านปอนด์ สถานทูตอังกฤษจ้างเราแปลใบศาล ทีแรกเราจำผิดว่าเป็นคำพิพากษา แต่ที่แท้ใบศาลที่เราแปลคือคำให้การจำเลย แต่ข้อความที่เราจำได้ในคำให้การก็คือว่า นักกฎหมายฝรั่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษถามศาลไทยว่า "เวลาตัดสินคดียาเสพติด ต้องเอาของกลางมาแสดงในศาลหรือเปล่า" จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษ ก็บอกว่า "ตามคำฟ้อง ทั้งห่อขนม ขวดเครื่องดื่ม และขวดแชมพูมีปริมาตรโดยรวมไม่มากพอที่จะบรรจุเฮโรอิน 26 กก. ได้ แต่จำเลยก็สู้คดีไม่ชนะ เพราะไม่มีการนำของกลางมาให้ดูในศาล ก็เลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครพูดจริงพูดเท็จ
ศาลจึงตัดสินจำคุกจำเลยทั้ง 2 คน 25 ปี
พอติดคุกได้ 3 ปี ทางสถานทูตอังกฤษขอพระราชทานอภัยโทษได้สำเร็จ ผู้หญิงอังกฤษ 2 คนถึงออกจากคุกได้
คดีนี้เรื่องราวซับซ้อนมากๆ ตาม links ข้างล่าง 2 อันไปอ่านดู
นี่ไง link ไปอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับคดีนี้
http://www.nickdavies.net/1992/01/01/official-misbehaviour-in-the-case-of-patricia-cahill-and-karyn-smith/
อันนี้เป็น link อีกอันที่ไปอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับคดีนี้ได้
http://www.nickdavies.net/1991/10/01/the-tangled-case-of-patricia-cahill-and-karyn-smith/
เรื่องราวต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับ 2 คดีแรก แต่เป็นข่าวที่แพร่หลายไปทั่วโลกว่า ชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากโดนยัดข้อหาและโดนรีดไถเงินในประเทศไทย ซึ่งถ้าจะบอกว่าชาวต่างชาติตั้งหลายคนพูดโกหกกันหมด มันก็เหลือเชื่อสุดๆ
bbc ที่เตือนว่านักท่องเที่ยวต่างชาติโดนยัดข้อหาและโดนรีดไถเงินในไทย ลองไปอ่านดู
http://news.bbc.co.uk/1/hi/world/asia-pacific/8154497.stm
อันนี้ Time ลงข่าวเตือนว่านักท่องเที่ยวต่างชาติโดนรีดไถเงิน ในไทย
http://time.com/3674200/thailand-tourism-police-corruption-shakedown-extortion/
อันนี้เป็นข่าวเตือนว่านักท่องเที่ยวต่างชาติถูกจับและยัดข้อหาและโดนรีดไถเงินที่สนามบินไทย
http://www.nbcnews.com/id/32329225/ns/travel-news/t/alleged-scam-targets-tourists-bangkok/#.WXlTpaQ2uUk
อันนี้ข่าวนักท่องเที่ยวต่างชาติโดนยัดข้อหายาเสพติดโดนไถเงิน แล้วไม่จ่าย เลยโดนทำร้ายร่างกาย
http://www.thephuketnews.com/cop-accused-in-assault-extortion-of-russian-couple-61214.php#47sWhXe7pCRTwv13.97
คดีนี้ คนอังกฤษกับเมียคนไทยที่กำลังตั้งครรภ์ติดคุกเพราะถูกบังคับให้เซ็นรับสารภาพว่ากระทำความผิด
คนอังกฤษและเมียคนไทยที่ตั้งครรภ์ถูกจับข้อหาผลิต ecstasy เค้าถูกบังคับให้เซ็นใบรับสารภาพผิดเป็นภาษาไทย (ที่ไม่แปลเป็นอังกฤษ) เพราะหลักฐานอันนี้เค้ากับเมียที่ท้องจึงโดนตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่สู้คดีถึงศาลฎีกา แล้วทั้งตัวเค้าและเมียเค้าพ้นผิด แต่ก็ติดคุกไป 6 ปีโดยที่ไม่ได้กระทำผิดซึ่งในช่วงนั้นเมียเค้าออกลูกในเรือนจำ (ถ้าเป็นในประเทศอังกฤษใครติดคุกโดยไม่ได้กระทำผิดแบบนี้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องออกลูกในเรือนจำ) จะไม่ติดคุกฟรีๆแน่ๆ แต่จะได้ค่าชดเชยเป็นเงินมหาศาล ถึงขั้นกลายเป็นเศรษฐีไปได้ แต่ในเมืองไทยแค่พ้นจากคุกมาได้ก็นับว่า "ยังดี" แล)
คดีนี้เป็นข่าวหนังสือพิมพ์ The Guardian ตาม link นี้
https://www.theguardian.com/uk/2007/sep/05/thailand
คดี 1 เราโดนบริษัทแปลที่เราทำงานอยู่ ส่งตัวไปเป็นล่าม ให้วิศวกรชาวศรีลังกาที่ติดคุกอยู่ข้อหาค้าผงขาว ภรรยาเค้าจ้างเรา เราไปสัมภาษณ์สามีเค้าในเรือนจำ สามีเค้าบอกว่าตอนจะออกด่าน จะบินกลับศรีลังกา กำลังยื่น passport อยู่ จนท ตม เข้ามาประกบตัว แล้วบอกว่า "ถุงอะไรตกอยู่บนพื้น" จนท หลายคนล้อมจับตัวเค้า เอาเค้าไปเข้าห้องเย็นสัมภาษณ์ ผงขาวๆในถุงนั้นคือ เฮโรอิน แต่เค้าสบถสาบานว่า "ถุงที่มีผงขาวๆซึ่งตกอยู่ใกล้ๆตัวเค้านั้น เค้าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต!"
^
มีคนขอให้เราแปะ link ข่าวคดีนี้ แต่เราแค่ไปเป็นล่ามที่เรือนจำครั้งเดียว จากนั้น ล่าม/นักแปล คนอื่นทำหน้าที่ต่อ และเราจำชื่อชาวศรีลังกาไม่ได้ จึงหาข่าวและหา link ไม่เจอ แต่เราหาข่าวและ link ของคดีที่ 2 เจอ และเจอข่าวชาวต่างชาติเจอของแข็งในประเทศไทยอีกตั้งมากมาย (ตามที่แปะเรื่องย่อๆ และ links ไว้อีกหลายอัน ข้างล่างนี้)
คดี 2 อันนี้
เราไปค้นข้อมูล แล้วพบว่าเราเล่าเหตุการณ์คลาดเคลื่อน จำไม่แม่นเพราะนานมากๆแล้ว เกิดขึ้นเมื่อปี 1990 เลยแก้ให้ใหม่
เรื่องเป็นงี้ สาวฝรั่งชาวอังกฤษ 2 คน คนหนึ่งอายุ 17 อีกคนอายุ 18 โดนตำรวจจับ แล้วค้นเจอว่าในกระเป๋าเดินทางพวกเค้ามีห่อขนม ขวดเครื่องดื่ม และขวดแชมพูที่มีเฮโรอินผงรวมน้ำหนัก 26 กก. มูลค่าประมาณ 4 ล้านปอนด์ สถานทูตอังกฤษจ้างเราแปลใบศาล ทีแรกเราจำผิดว่าเป็นคำพิพากษา แต่ที่แท้ใบศาลที่เราแปลคือคำให้การจำเลย แต่ข้อความที่เราจำได้ในคำให้การก็คือว่า นักกฎหมายฝรั่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษถามศาลไทยว่า "เวลาตัดสินคดียาเสพติด ต้องเอาของกลางมาแสดงในศาลหรือเปล่า" จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษ ก็บอกว่า "ตามคำฟ้อง ทั้งห่อขนม ขวดเครื่องดื่ม และขวดแชมพูมีปริมาตรโดยรวมไม่มากพอที่จะบรรจุเฮโรอิน 26 กก. ได้ แต่จำเลยก็สู้คดีไม่ชนะ เพราะไม่มีการนำของกลางมาให้ดูในศาล ก็เลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครพูดจริงพูดเท็จ
ศาลจึงตัดสินจำคุกจำเลยทั้ง 2 คน 25 ปี
พอติดคุกได้ 3 ปี ทางสถานทูตอังกฤษขอพระราชทานอภัยโทษได้สำเร็จ ผู้หญิงอังกฤษ 2 คนถึงออกจากคุกได้
คดีนี้เรื่องราวซับซ้อนมากๆ ตาม links ข้างล่าง 2 อันไปอ่านดู
นี่ไง link ไปอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับคดีนี้
http://www.nickdavies.net/1992/01/01/official-misbehaviour-in-the-case-of-patricia-cahill-and-karyn-smith/
อันนี้เป็น link อีกอันที่ไปอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับคดีนี้ได้
http://www.nickdavies.net/1991/10/01/the-tangled-case-of-patricia-cahill-and-karyn-smith/
เรื่องราวต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับ 2 คดีแรก แต่เป็นข่าวที่แพร่หลายไปทั่วโลกว่า ชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากโดนยัดข้อหาและโดนรีดไถเงินในประเทศไทย ซึ่งถ้าจะบอกว่าชาวต่างชาติตั้งหลายคนพูดโกหกกันหมด มันก็เหลือเชื่อสุดๆ
bbc ที่เตือนว่านักท่องเที่ยวต่างชาติโดนยัดข้อหาและโดนรีดไถเงินในไทย ลองไปอ่านดู
http://news.bbc.co.uk/1/hi/world/asia-pacific/8154497.stm
อันนี้ Time ลงข่าวเตือนว่านักท่องเที่ยวต่างชาติโดนรีดไถเงิน ในไทย
http://time.com/3674200/thailand-tourism-police-corruption-shakedown-extortion/
อันนี้เป็นข่าวเตือนว่านักท่องเที่ยวต่างชาติถูกจับและยัดข้อหาและโดนรีดไถเงินที่สนามบินไทย
http://www.nbcnews.com/id/32329225/ns/travel-news/t/alleged-scam-targets-tourists-bangkok/#.WXlTpaQ2uUk
อันนี้ข่าวนักท่องเที่ยวต่างชาติโดนยัดข้อหายาเสพติดโดนไถเงิน แล้วไม่จ่าย เลยโดนทำร้ายร่างกาย
http://www.thephuketnews.com/cop-accused-in-assault-extortion-of-russian-couple-61214.php#47sWhXe7pCRTwv13.97
คดีนี้ คนอังกฤษกับเมียคนไทยที่กำลังตั้งครรภ์ติดคุกเพราะถูกบังคับให้เซ็นรับสารภาพว่ากระทำความผิด
คนอังกฤษและเมียคนไทยที่ตั้งครรภ์ถูกจับข้อหาผลิต ecstasy เค้าถูกบังคับให้เซ็นใบรับสารภาพผิดเป็นภาษาไทย (ที่ไม่แปลเป็นอังกฤษ) เพราะหลักฐานอันนี้เค้ากับเมียที่ท้องจึงโดนตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่สู้คดีถึงศาลฎีกา แล้วทั้งตัวเค้าและเมียเค้าพ้นผิด แต่ก็ติดคุกไป 6 ปีโดยที่ไม่ได้กระทำผิดซึ่งในช่วงนั้นเมียเค้าออกลูกในเรือนจำ (ถ้าเป็นในประเทศอังกฤษใครติดคุกโดยไม่ได้กระทำผิดแบบนี้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องออกลูกในเรือนจำ) จะไม่ติดคุกฟรีๆแน่ๆ แต่จะได้ค่าชดเชยเป็นเงินมหาศาล ถึงขั้นกลายเป็นเศรษฐีไปได้ แต่ในเมืองไทยแค่พ้นจากคุกมาได้ก็นับว่า "ยังดี" แล)
คดีนี้เป็นข่าวหนังสือพิมพ์ The Guardian ตาม link นี้
https://www.theguardian.com/uk/2007/sep/05/thailand
แสดงความคิดเห็น
ขอขอบคุณ ตม ประเทศไทย ที่ทำหน้าที่ได้สมกับภาษีที่ประชาชนได้จ่ายมา
สรุปสั้นๆคือ จากเหตุการณ์ที่ชอบมีฝรั่งขี้นก มาเร่ขายของกลางถนนที่หลายคนเห็นข่าวกัน ขณะนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติบางคน โดนขอให้โชว์เงินขั้นต่ำ 20,000 บาท(เงินระดับนี้ฝรั่งเรื่องจิบๆ) แล้วไม่มี เลยโดนคำสั่งให้กลับต้นทาง
บทความค่อนข้าง bias ไปทางเชียร์ฝรั่งนิดๆ(ก็คนเขียนมันเป็นฝรั่ง) แต่ส่วนตัวเห็นด้วยและชื่นชมกับการทำงานของ ตม ไทย ฝรั่งขี้นกที่สารบาร์ไทย(หรือสาวไทยธรรมดา) คลั่งไคล้
ยังมีอีกเหตุการณ์ช่วงต้นปี เพียงแต่ข่าวอาจไม่ดัง สาวฝรั่งขี้นกชาวสกอตแลนด์ โดน ตม ไทย deport กลับ Glasgow เพราะฉีกหน้าพาสปอร์ตไปใช้เป็นกระดาษเช็ดก้น!!!
อย่างน้อยก็รู้สึกว่าทำงานได้ดี(อาจจะไม่ดีที่สุด แต่ก็ถือว่ามีการทำงาน มีการตรวจเช็คต่างๆ) นทท อาจจะน้อยลงไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็เป็การคัดกรองคุณภาพของ นทท ไม่ให้มาก่อปัญหากับประเทศ