เนื่องจากกำลังรีไรท์นิยายบู๊
...ล่าสะท้านเมือง
...อยู่ ณ ขณะนี้
ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจแตกออกมาว่า
หากสลับงานเขียนฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งมาคั่นความตึงเครียดบ้าง คงพอจะช่วยลดทอนความระห่ำของตัวเองลงได้บ้างไม่มากก็น้อย
ผมเลย(บังอาจ)เขียนเรื่องสั้นขนาดหกตอนมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เขียนได้สามตอนแล้วครับ
หวังว่าคงจะไม่ทำให้เพื่อนๆนักอ่าน/นักเขียนปรับอารมณ์จนหมั่นไส้ผมนะครับ แหะๆ
ข้างล่าง
... เป็นตัวอย่างบางเสี้ยวสำหรับเรื่องสั้นหกตอน ซึ่งพอจะยกมาให้สัมผัสได้ดั่งนี้ขอรับ
..............................................................................................................
ผมมองไปยังร่างบอบบางบนเตียงคนไข้ เค้าหน้าสวยหวาน ไม่ใช่สิ ใบหน้าซึ่งน่าจะเคยสวยหวานถูกพันศีรษะด้วยผ้าขาวจนมองไม่เห็นเรือนผมใดๆ ดวงตาหลับลึกสองข้างไร้การปกปิด แต่ไร้เปลือกปกป้องความหมองช้ำ จมูกที่ยังมองเห็นสันโด่งมีสายอ็อกซิเจนจ่อติดโพรงจมูก โหนกแก้มสองข้างยังแลเห็นรอยช้ำสีม่วงคล้ำ ริมฝีปากรูปคันศรซีดเซียวราวกับคนซมไข้มาแรมเดือน ลมหายใจของผมพลันระโรยแผ่วขณะห้ามตัวเองเองในใจว่า อย่า อย่าคิดในแง่เสมือนเธอกำลังจะหมดสิ้นแล้วสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าคิดกับเธออย่างนั้น
..
................................................................................................................
หญิงสาวเบื้องหน้าผมตอนนี้ หากจะให้สรุปสถานะชัดเจน เธอก็แค่เพียงเสี้ยวหนึ่งในครอบครัว
‘กรองวิกาญจน์’ของผมแค่นั้นเอง สายใยที่เธอมีกับพี่ชายฝาแฝดผมเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ และไม่เคยคิดอยากจะค้นหาแต่อย่างใด
แต่ทำไมนะ
ตอนนี้
.. ผมกลับกลายเป็นคนค้นหาเรื่องราวของเธอแทบจะหามรุ่งหามค่ำ ผมเฝ้าค้นหาเสี้ยวชีวิตระหว่างเธอกับพี่ชายของผมอย่างเอาจริงเอาจัง ด้วยความรู้สึกสับสนระหว่างคำว่าอิจฉาและใคร่บางอย่าง ซึ่งดูเหมือนจะเป็น
.. ใคร่จะเอาชนะในบางสิ่งบางอย่าง
ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่า
.. ความรู้สึกจากอ้อมกอดเป็นเช่นไร
.. ทว่าตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกได้แล้วถึงความอบอุ่น
.. อิ่มเอม
.. เมื่อเธออยู่ในอ้อมอกผม แม้ในขณะนั้นเธอจะพร่ำหาแต่
‘กรันต์’พี่ชายฝาแฝดของผมที่ตายไปแล้ว ก็ตาม
....
นี่คือเรื่องราวของ
รัก.. ชั่วนิรันดร์
ครับผม
สวัสดีขอรับ เพื่อนพ้องน้องพี่ห้องนิยายทุกท่าน
ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจแตกออกมาว่า
หากสลับงานเขียนฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งมาคั่นความตึงเครียดบ้าง คงพอจะช่วยลดทอนความระห่ำของตัวเองลงได้บ้างไม่มากก็น้อย
ผมเลย(บังอาจ)เขียนเรื่องสั้นขนาดหกตอนมา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หวังว่าคงจะไม่ทำให้เพื่อนๆนักอ่าน/นักเขียนปรับอารมณ์จนหมั่นไส้ผมนะครับ แหะๆ
ข้างล่าง... เป็นตัวอย่างบางเสี้ยวสำหรับเรื่องสั้นหกตอน ซึ่งพอจะยกมาให้สัมผัสได้ดั่งนี้ขอรับ
..............................................................................................................
ผมมองไปยังร่างบอบบางบนเตียงคนไข้ เค้าหน้าสวยหวาน ไม่ใช่สิ ใบหน้าซึ่งน่าจะเคยสวยหวานถูกพันศีรษะด้วยผ้าขาวจนมองไม่เห็นเรือนผมใดๆ ดวงตาหลับลึกสองข้างไร้การปกปิด แต่ไร้เปลือกปกป้องความหมองช้ำ จมูกที่ยังมองเห็นสันโด่งมีสายอ็อกซิเจนจ่อติดโพรงจมูก โหนกแก้มสองข้างยังแลเห็นรอยช้ำสีม่วงคล้ำ ริมฝีปากรูปคันศรซีดเซียวราวกับคนซมไข้มาแรมเดือน ลมหายใจของผมพลันระโรยแผ่วขณะห้ามตัวเองเองในใจว่า อย่า อย่าคิดในแง่เสมือนเธอกำลังจะหมดสิ้นแล้วสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าคิดกับเธออย่างนั้น..
................................................................................................................
หญิงสาวเบื้องหน้าผมตอนนี้ หากจะให้สรุปสถานะชัดเจน เธอก็แค่เพียงเสี้ยวหนึ่งในครอบครัว‘กรองวิกาญจน์’ของผมแค่นั้นเอง สายใยที่เธอมีกับพี่ชายฝาแฝดผมเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ และไม่เคยคิดอยากจะค้นหาแต่อย่างใด
แต่ทำไมนะ
ตอนนี้.. ผมกลับกลายเป็นคนค้นหาเรื่องราวของเธอแทบจะหามรุ่งหามค่ำ ผมเฝ้าค้นหาเสี้ยวชีวิตระหว่างเธอกับพี่ชายของผมอย่างเอาจริงเอาจัง ด้วยความรู้สึกสับสนระหว่างคำว่าอิจฉาและใคร่บางอย่าง ซึ่งดูเหมือนจะเป็น.. ใคร่จะเอาชนะในบางสิ่งบางอย่าง
ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่า.. ความรู้สึกจากอ้อมกอดเป็นเช่นไร.. ทว่าตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกได้แล้วถึงความอบอุ่น.. อิ่มเอม.. เมื่อเธออยู่ในอ้อมอกผม แม้ในขณะนั้นเธอจะพร่ำหาแต่‘กรันต์’พี่ชายฝาแฝดของผมที่ตายไปแล้ว ก็ตาม....
นี่คือเรื่องราวของ
รัก.. ชั่วนิรันดร์
ครับผม