๏ รัก.. ชั่วนิรันดร์ ๏ 2

กระทู้สนทนา
(มาต่อในตอนที่ 2 ขอรับ)
ความเดิม
https://pantip.com/topic/36728332



                   แสงสีนวลสว่างวาบในสมาธิ..ฌาน

                   ไอหมอกบังตาในตอนแรกค่อยๆระลอกพลิ้ว และค่อยๆสลายไปจากสายตา

                   สิ่งแรกซึ่งผมมองเห็นในทันทีทันใดคือเพิงร้าน  ไม่ใช่สิ  คือซุ้มมุงหลังคาด้วยใบจากหรืออะไรสักอย่าง  ‘กายผม’  ใช่  คุณพิมใช้คำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะอธิบายเรื่องเหนือธรรมชาติให้ฟัง  ตอนนี้ผมสัมผัสได้แล้วสำหรับคำว่า‘กาย’  เพราะกายผมมันกำลังเคลื่อนเข้าหาซุ้มนั้นเหมือนกับ...  เหมือนกับผมกำลังเลื่อนไปบนพื้นโดยที่ไม่ได้ก้าวเท้าแต่อย่างใด

                   ‘. . . กายหยาบจะเป็นตัวเคลื่อนไหว  กายละเอียดจะเป็นตัวกำหนด  แต่หากเราเผลอให้กายหยาบมีอำนาจเหนือกายละเอียดเมื่อใด  เราอาจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถ้าเหตุการณ์ข้างหน้าพลิกเปลี่ยนไป  คุณกานต์ต้องระวังตรงจุดนี้ให้ดีนะคะ . . .’ คำพูดจากคุณพิมคล้ายกับคลิปเสียงกรอกลับไปกลับมา  และถึงแม้จะยังสับสนในภวังค์ แต่อย่างน้อยผมก็ยังอุ่นใจว่า‘คุณพิม’ยังอยู่ข้างๆเสมอ

                   “กรันต์‼

                   เสียงกังวานราวกับระฆังแว่วทำให้ผมหยุดชะงัก  และเมื่อมองไปทางต้นเสียง  ภาพที่เห็นคือใบหน้าผู้หญิงซึ่งผมบันทึกเอาไว้แน่วแน่ ก่อนหน้าที่ผมจะหลับเมื่อไม่กี่นาทีนั่นเอง

                    เอิร์น

                    ผมสะบัดศีรษะราวกับปฏิเสธภาพด้านข้าง  คำพูดย้ำแล้วย้ำอีกของคุณพิมเริ่มทำให้ผมวอกแวก  ... คุณกานต์จะมองเห็นน้องเอิร์นเหมือนที่เห็นบนเตียงในตอนนี้  ก่อนจะตามไปกับจิตของเธอ  ไม่ต้องแปลกใจ  เพราะนั่นคือจิตที่คุณกานต์เชื่อมไปหาเธอ  ในขณะซึ่งจิตเธอไม่ได้อยู่ในสภาวะปัจจุบัน  เธอยังอยู่กับความทรงจำเท่านั้น  จำไว้นะคะ...

                    ใช่!  ใช่อย่างที่คุณพิมพูดไว้ไม่มีผิด  ผมเห็นเอิร์นเหมือนกับลุกขึ้นมาจากเตียงได้แล้ว  และเธอยังเรียกชื่อคนรักของเธอได้ถูกต้องด้วย  แม้ว่าตอนนี้จะเป็นผมที่ชื่อ‘กานต์’ไม่ใช่‘กรันต์’พี่ชายฝาแฝดของผมก็ตาม

                   ’...แต่ !  น้องเอิร์นจะเชื่อมจิตกับคุณกานต์ได้หรือเปล่า?...  ต้องขึ้นอยู่กับคุณกานต์แล้วล่ะค่ะ ...

                   ร่างบอบบางในชุดคนไข้โรงพยาบาล ดูราวกับเธอเพิ่งวิ่งผ่านสนามเด็กเล่นที่ไหนมาสักแห่ง เพราะขณะนี้ เธอก็ยังวิ่งด้วยเท้าข้างหนึ่งสลับกับอีกข้างเหมือนสาวน้อยบนฟลอร์จิงเกอเบลไม่มีผิด  ผมขยับปากจะเอ่ยอะไรบางคำ  แต่ก็ต้องเซถลาไปกับเธออย่างไม่ทันตั้งตัว

                   ความร่าเริงเปี่ยมสุขฉุดดึงให้ผมถลำตามไปด้วย มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะมือของเธอกับมือผมยังประกบกันแน่นนั่นเอง  ชุดเสื้อและกางเกงผ้าฝ้ายสีขาววิ่งนำหน้าผมหนึ่งก้าว  ผมวิ่งตามเธอ  ไม่ใช่เพราะรู้สึกเปี่ยมสุขแต่อย่างใด  แต่เพราะต้องรักษามือนั้นไว้ไม่ให้หลุดต่างหาก  ‘ ... คุณกานต์ต้องรักษามือนั้นไว้ยิ่งชีวิตเลยนะคะ ...’  

                   ผมตั้งมั่นในสมาธิ

                   ความแคลงใจเริ่มซัดสาดเข้ามาเป็นระลอก  เธอพูด ... ผมได้ยิน  แล้วถ้า?...  ถ้าผมพูดบ้าง เธอจะได้ยินหรือเปล่า?  หากไม่ได้ยิน  แล้วเราจะสื่อสารกันได้ยังไง? ...

                   แล้วเราก็มาถึงซุ้มนั่นในที่สุด

                   มันเป็นซุ้มหลังคาไม้เลื้อย  ดอกพุ่มและดอกบานสะพรั่งสะกดให้ผมนิ่งงันไปกับความงดงามเบื้องหน้าอย่างไม่รู้ตัว  ดอกไม้หลากสีปรกคลุมร่มเงาดูอบอุ่น ร่างบอบบางของน้องเอิร์นดึงมือผมลงกับม้านั่งยาว  ผมปล่อยให้เหตุการณ์เป็นไปตามที่มันเป็น  แน่นอนว่า...  ผมยังตั้งมั่นเสมอ กับ‘กายละเอียด’ของตัวเอง

                   ‘. . . ทุกอย่างจะเป็นไปตามความทรงจำของเธอ  คุณกานต์จะต้องไม่เปลี่ยนแปลงอะไรที่เห็นในภาพนั่น  เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้  แต่ในอดีตที่เราย้อนไปนี้  น้องเอิร์นจะมองเห็นแต่คุณกรันต์  ฉะนั้น ทุกเหตุการณ์ที่เราเชื่อมจิตไปหาเธอ  คุณกานต์ต้องเป็นคุณกรันต์เสมอ  จำไว้นะคะ . . .’

                   วงหน้าหมองด้วยรอยฟกช้ำหันมองมาทางผม  ผ้าพันศีรษะขาวยังห่อหุ้มปิดเรือนผมอย่างเคย  โหนกแก้มและเรียวกรามทั้งสองมองเห็นสะเก็ดแผลเริ่มแห้งประปราย  แล้ว...   ริมฝีปากสวยแต่ซีดเซียวของเธอก็ขยับ

                   “ทำไมกรันต์ไม่พูดอะไรเลย” เสียงแผ่วแต่ใสกังวานนั้นทำให้หัวใจผมเต้นระทึก
                   “ผม  เอ่อ  ผม ...  ” สายตาเราสบกันตรงๆ

                   เหมือนกับสองมือที่กุมกันอยู่จะสั่นไหว  ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากแรงบีบของเอิร์นมากกว่า  ภาพในซุ้มหลังคาดอกไม้หายวับไป  ผมกะพริบตาไล่ความหม่นมัวในหัว  แล้วประกายแสงอีกอย่างก็ปรากฎขึ้นมาใหม่  แม้ภาพจะยังไม่ชัดเจน  แต่เสียงเพลงท่วงทำนองหวานแว่วก็พลันแทรกเข้ามาในโสตประสาท

                    เอิร์นนั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าผม สองมือของเรายังกุมกันอยู่บนโต๊ะไม้สัก  ข้างๆตะเกียงใบเล็กในแสงสลัว

                    “คุณเอิร์นรู้สึกยังไงบ้างครับ?”

                    หญิงสาวในชุดคนไข้เหมือนไม่ได้ยิน  ผมต้องถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง  นั่นเองที่ทำให้รู้สึกได้แล้วว่าเธอไม่ได้ยิน เพราะเอิร์นพูดแทรกขึ้นมาเหมือนผมไม่เคยพูดจาอะไรมาก่อนเลย

                    “กรันต์เกลียดพ่อเอิร์นขนาดนั้นเลยเหรอ?”

                    ผมไม่รู้ว่าเธอหมายความว่าอะไร  พี่ชายผมเข้ากับครอบครัวเธอไม่ได้อย่างนั้นหรือ?  หรือว่า?... ครอบครัวเธอต่างหากที่รับไม่ได้กับนาย‘กรันต์’ผู้มีแต่ความนุ่มนวล

                    นั่นไม่ใช่คำถามที่ทำให้ผมชะงักแต่อย่างใด  หากแต่เป็นคำพูดที่ตามมานั้นมากกว่า

                    “งั้นให้เอิร์นจัดการเองนะ  กรันต์ฆ่าใครไม่เป็นอยู่แล้ว   เอิร์นรู้‼”



สวัสดีทุกท่านครับผม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่