กาลครั้งหนึ่ง...ผม “ต้อง” ทำทีสิส Thesis

กาลครั้งหนึ่ง...ผม “ต้อง” ทำทีสิส Thesis

เป็นเรื่อง เป็นราว สำหรับช่วงชีวิตนึงที่โค-ตะ-ระ วุ่นวายครับ
จุดเริ่มต้น
ย้อนไปตอน ปี 2553 ตอนนั้นผมยังเฟี้ยวเงาะ เรียนจบบริหารธุรกิจ มาทำฟรีแล้นซ์ รับจัดอบรม จัดค่าย ทำงานวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ ส่วนวันอื่นๆ ก็ปาร์ตี้ ที่ไหนมีลานเบียร์ อะ เจอกันน ที่ไหน บรรยากาศดี อะ เจอกัน แบบแม่มมสำมะเลเทเมามาก แต่เชื่อว่าแต่ละคนต้องมีชีวิตแบบนี้อยู่กันบ้างแหละ ผมกะเพื่อนทำแบบนี้อยู่ประมาณปีนึง ไปๆมาๆ รู้สึกว่าเอ้ยย อยากเรียนต่อว่ะ อยากรู้จักธรรมชาติ อยากเรียนสิ่งแวดล้อมอ่ะ แต่วุฒิ ปตรี ผมมันเป็น BBA อะดิ ไปเปิดหาดูที่ไหนๆๆๆ ระดับมาสะเตอร์สิ่งแวดล้อม ก็รับแต่ วุฒิวิทยาศาสตรบัณฑิต ทั้งนั้น มหิดล เกษตร จุฬา  เซงเบยยยย แต่พอหาดีๆ เจอเหยื่อครับ เจอสองแห่งที่รับวุฒิอื่นด้วย คือ (วิทยาลัยสิ่งแวดล้อม (ในขณะนั้น) กับ นิด้า) เอ่าเห้ยยยย สมัครดิ ของนิด้าประกาศผลก่อน ปรากฏติด กำลังจะไปสัมภาษณ์ เกษตรประกาศผล มีชื่ออีก ตอนนั้นในใจ จะเอานิด้า เพราะดูเท่ดี (คิดแค่นี้ล้วนๆ) เลยเอาไปอวดที่บ้าน โม้ให้พ่อกะแม่ฟัง ประมาณ 2-3 วัน เท่านั้นแหละ เสียงโทรศัพท์ดัง พ่อโทรมาว่ะ พ่อเปิดประโยคแรก ไม่มีประธาน ไม่มีกริยา ขึ้นกรรมมาก่อนเลย  “เอ็งเลือกเกษตรนะ”  เด๋ว!!!!!!!!!!!!! พ่อ   -ไม่ต้องเรื่องมาก พ่อไปถามเพื่อนมาแล้ว เรียนที่เกษตร จบ วางสาย, หืมมมมมมมม พ่อกุอินดี้ คือสรุปว่า พ่อไปคุยกับเพื่อนเค้า แล้วลูกเพื่อนเค้าเรียนเกษตร แล้วได้ทุนไปต่อญี่ปุ่น ตอนนี้เงินเดือนน่าจะเกือบหกหลัก เลยอยากให้เราเรียนแบบนั้นบ้าง  เอิ่มมม เกษตร ก็เกษตรว่ะ  ตัดภาพมาที่เป็นนิสิต ม เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน เรียบร้อย เราจะไม่พูดถึงนิด้า กันอีกต่อไป T^T

เริ่มเรียนที่วิทยาลัยสิ่งแวดล้อม ที่นี่สอนเฉพาะ ป.โท และ ป.เอก เท่านั้น แล้วก็ทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์หมด ตัวผมจบ ป.ตรี พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ตีบตันอยู่แค่ชั้น ม หก ที่ตอนนั้น หลับ กะโดดเรียนเป็นส่วนมากด้วย (จะเน้นไปทางการพักผ่อนเพื่อสุขภาพ) ฉะนั้น พอเริ่มเรียนที่นี่ มันเรียนเป็นวิทย์หมด สัปดาห์แรกมาเลย เอนโทรปี เอนเทราปี เห้ยยย คำนี้คุ้นว่ะ เคยเรียนนนน แต่แม่มมจำไม่ได้ คือไรวะ อีกแปปๆ จานบอก สร้างคาย สลายดูด ใครจำได้บ้าง เห้ย ตอน ม ปลาย กุเรียนห้องวิทย์ สายเน้นเคมีนะเว้ย แต่...ลืม - -“ แม่มมีหลักการไงฟร่ะ กว่าจะผ่านเทอมแรก มีแต่เรื่องตื่นเต้นตลอดเวลา แต่สนุกมาก และต้องอ่านหนังสือมาก ต้องทำความเข้าใจอะไรอีกเยอะแยะเลย รู้สึกว่าชีวิตเราพลาดมากที่ไปเรียนสายบริหาร เพราะอิจฉาเพื่อนในรุ่น ที่อาจารย์พูดคำแปลกๆ ภาษาอังกฤษออกมาแล้วเข้าใจมันได้ โดยไม่ต้องเปิด google หาคำนิยาม  จบปี 1

ปี 2 ช่วงนี้ เป็นช่วงที่พวกเราส่วนใหญ่ เริ่มหาหัวข้อเพื่อทำวิทยานิพนธ์กันละ (จริงๆ ควรเริ่มหาตอนปีหนึ่งเทอมสอง หรือมีมาก่อนเรียนจะยิ่งดีมาก) ผมเองก็พึ่งจะเรียน ป โท ครั้งแรก บอกเลย สนุกอยู่กะเนื้อหามาก แต่ลืมเตรียมตัวสำหรับขั้นตอนตามหลักเกณฑ์มหาลัย เพื่อนในรุ่นทยอยกันได้หัวข้อ ได้แอดไวเซอร์ มองกลับมาที่ผม เคว้งงงงง เอาไงดีวะ รู้สึกตัวเองยังไม่เชี่ยวชาญอะไรเลย แต่เหมือนมีโชค (รึเปล่า สงสัยยันทุกวันนี้เลย) มีทุนวิจัย มาให้ทำเรื่องการจัดการน้ำเสียน้ำท่าจีน โหววว ทุนใหญ่ด้วย ผมกับเพื่อนอีกหลายๆคน ก็ได้จับผลัดจับพลู กับงานวิจัยตัวนี้ แตกออกมาได้อีกประมาณ 16 เรื่อง (มั้งนะครับ)  โดยเกี่ยวกะแม่น้ำท่าจีนเป็นหลัก เรื่องราวมันเริ่มต้นที่แม่น้ำท่าจีนนี่แหละ

แม่น้ำท่าจีน เป็นแม่น้ำที่มีความเน่าเสีย เสื่อมโทรมที่สุดของ ประเทศที่มีอดีตข้าราชการใส่เสื้อลายพรางเป็นนายก เพราะมีการแออัด การกระจุกตัวประชากรเยอะมาก มากๆ มากๆๆ และดันมีคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ที่ลำเลียงของเสียจากที่อื่นเข้ามาอีก นี่เป็นสาเหตุหลักๆ ของปัญหาในพื้นที่เลย

เข้าเรื่อง
ผมกับทีม เลือกทำหัวข้อ ต่างๆ กัน การเก็บข้อมมูลหลักๆ จะมีประมาณ 3 เรื่อง คือ คุณภาพน้ำ พฤติกรรม และชีวภาพ(สัตว์ พืช)  

Ep1 เก็บคุณภาพน้ำ
ครั้งแรกของการเก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำท่าจีน เจ้าของหัวข้อทีสิสนี้เป็นรุ่นพี่ ซึ่งแกศึกษาศักยภาพการฟอกตัวของแม่น้ำท่าจีน ซึ่งต้องตรวจคุณภาพน้ำ ทีนี้ไฮไลค์ของแกคือ ต้องเก็บน้ำตามมวลน้ำ เราวางพิกัดเก็บน้ำทั้งลำน้ำท่าจีนตอนล่าง (นครชัยศรีถึงปากแม่น้ำ) จำนวน 21 ชุด และต้องเก็บน้ำตามเวลา เช่น สถานีที่ 1 เก็บตัวอย่างน้ำตอน 10.04 น. สถานีต่อไป เก็บเวลา 12.45 น. เป็นต้น ทำให้เราใช้เวลาเก็บน้ำของทีสิสชุดนี้อ่ะ ประมาณ เกือบ 3 วัน และการเก็บตัวอย่าง เราจะต้องเก็บน้ำที่กลางแม่น้ำเท่านั้น ทำให้เราต้องเช่าเรือ เพื่อล่องและพาตัวเองไปยังจุดหมายต่างๆ ที่กำหนดไว้ในพิกัด
    การลงทริปเก็บตัวอย่างนี้เป็นครั้งแรก ของการออกภาคสนามสำหรับเก็บตัวอย่างน้ำ มีเครื่องมือแปลกๆ ที่พึ่งรู้จัก เช่น Water sampler, Grab, แพลงก์ตอนเน็ต และอื่นๆ รวมถึงการรักษาตัวอย่างก่อนส่งเข้าห้องแล็ป  ในความทรงจำของผม วันแรกที่ไปลงเรือ เราจะแบ่งทีมกัน ว่าใครจะลงเรือกลางวัน ใครจะลงกลางคืน มีผลัดเวรกันเพื่อไม่ให้ล้ามาก ผมก็ง่ายๆ อยู่แล้ว ไงก็ได้ ได้หมด  อยากลงมันทั้งวันทั้งคืนอ่ะ สนุกดี นั่งอยู่บนเรือ แรกๆ ก็สนุกจริงนะครับ หลังๆ พอเราไปถึงก่อนเวลาเก็บตัวอย่าง ต้องนั่งรอ บางทีรอเป็นชั่วโมง ค่อดเบื่อเลยย แต่ก็เจอเรื่องตื่นเต้นเยอะ เช่น ตอนกลางคืน มีสถานีเก็บน้ำแห่งนึงแถวๆ นครปฐม ระหว่างที่เรากำลังตบยุง รอเวลาเก็บตัวอย่างน้ำ เราจอดเรืออยู่เลียบๆชายฝั่งเพื่อไม่ให้กระแสน้ำพัดเรือไปเร็วนัก อีกด้านนึงของฝั่งแม่น้ำ เป็นที่ตั้งของ โรงงานอุตสาหกรรม และเหมือนว่าเห็นพวกเราชะลอเรือเข้ามาจอด และพยายามส่องไฟ ทั้งทำเป็นแบบสัญญาณและส่องกราดเข้ามาในเรือ แต่ระยะนั้น ยิ้มส่องไม่ถึงกุหรอก แต่สามารถมองเห็นได้ว่าชายฝั่ง นั้นกำลังมีจำนวนคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พี่ๆเจ้าหน้าที่ที่คอยช่วยพวกเรา จึงบอกให้นำเรือเทียบที่ท่าน้ำของวันใกล้ๆ ก่อน พอใกล้เวลาค่อยไปเก็บน้ำ ทีนี้พอขับไปที่ท่าน้ำใกล้ๆ คนเยอะไม่ต่างกันเลย ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ประเด็นคือฆราวาสมีปืน!!!!!  พวกเรานี่แสดงตัวอย่างไวครับ ว่าเป็นนิสิตมาเก็บคุณภาพน้ำไปตรวจ ทีวัดบอกว่า นึกว่าพวกเราเป็นพวกมาจับปลาวัดไปขาย เห็นมีเครื่องไม้เครื่องมือมาเต็ม แล้วก็บอกว่า หลบจากพวกโรงงานมาเพราะเห็นท่าไม่ดี แกบอกเค้าจะยิงเอาสิ เพราะตอนกลางคืนเป็นช่วงเวลาปล่อยน้ำเสีย แต่คิดว่าเราเป็นพวกมาแอบตรวจโรงงาน (จริงๆก็เหมือนจะใช่นะ)

เรื่อตื่นเต้นต่อมาคือ เรื่องลี้ลับ!!!!!! ดนตรีคนอวดผีขึ้นสิ ขณะนั้น เป็นสถานีเก็บน้ำเกือบสุดท้าย อีกไม่กี่ชั่วโมงจะเช้าและ เราก็จะได้กลับบ้านกันละ หลังจากนอนบนเรือมาสองคืน พวกเราจอดเรือที่ท่าเทียบเรือของวัดเหมือนเคย แต่จำไม่ได้ว่าวัดอะไร ในจังหวัดสมุทรสาครนี่แหละ พอถึงเวลาเก็บพวกเราทีมเก็บตัวอย่างก็ออกเรือไปถึงกลางแม่น้ำท่าจีน บริเวณนี้กระแสน้ำค่อนข้างแรงมาก เพราะอยู่ใกล้ปากแม่น้ำ และน้ำกำลังขึ้น เริ่มแรกหย่อนอุปกรณ์เก็บตัวอย่างน้ำ Water sampler ขนาด 1 ลิตร ผูกด้วยเชือกยาว 30 เมตร  พอเราหย่อนลงไป อุปกรณ์ถึงพื้นแม่น้ำ น่าจะไม่เกิน 18 เมตร คนรับหน้าที่นี้คือ ไอ่แจ๊ค เราทยอยเก็บตัวอย่างเข้ามาทีละลิตร จนเก็บไปได้ประมาณครึ่งนึง ขณะที่ไอ่แจ๊คกำลังดึง Water Sampler ขึ้น ได้ครึ่งทางอีกไม่กี่เมตรจะถึงผิวน้ำ ปรากฏว่า Water Sampler ถูกดึงลงไปในน้ำ เห้ยยยย ทุกคนเห็นหมด ตกใจกันหมด เพราะตัวอย่างอื่นเก็บหมดแล้ว เหลือแต่ตัวอย่างน้ำ Water Sampler ถูกลากดึงลงไป ไอ้แจ๊คก็มือไว้ คว้าไว้ทัน เชือกจากระยะ 9 เมตรถูกดึงลงไปอย่างรวมเร็ว พวกเราก็กระโดดเข้าไปช่วยกันดึง แต่ก็สู้แรงไม่ได้ เชื่อกถูกลากลงไปเรื่อยๆ เราฝืนกันจนเรือหมุน (เรือขนาดบรรทุกคนได้ 20 คน) เชือกก็ยังถูกดึงไป จนกระทั่งเกือบสุดที่ 30 เมตร คือปมสุดท้ายที่เรามัดไว้ ปรากฏว่า ข้างล่างกลับปล่อยเชือก และกลายเป็นดึงขึ้นมาอย่างง่ายดาย พอนำอุปกรณ์ขึ้นมา ใน water Sampler ไม่มีตัวอย่างน้ำ และตัวอุปกรณ์ไม่พบร่องรอยอะไรเลย เป็นเรื่องที่พวกเรายังสงสัยกันจนทุกวันนี้ ส่วนไอ่แจ๊ค มือพอง โดนเชือกบาด คือบอกตรงๆ ตอนนั้นพวกเราไม่กังวลเรื่องลี้ลับอะไรเลยนะ กังวลอย่างเดียวคือ ถ้าอุปกรณ์แม่มมหายไปเนี่ย เราจะโดนหาร ซื้ออุปกรณ์คืน T^T หลายหมื่นด้วย

ภาพอุปกรณ์ ยืมมาจาก google ครับ


ทีมเก็ยตัวอย่างน้ำครับ   

ไว้มาต่อ ep2 นะฮะ เลิกงานละ กลับบ้านก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่