สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 30
อ่านแล้วคิดเหมือนกันค่ะ ว่าน้องจะมีความมั่นใจในตัวเองค่อนข้างมาก ซึ่งอาจจะทำให้ขาดความอ่อนน้อมถ่อมตน และอ่านจากคำพูดที่มาตอบน้องค่อนไปทางประชดประชัน การตักเตือนในที่ทำงาน หรือการตักเตือนในสื่อออนไลน์ก็จะคล้ายกันตรงที่ว่า แนะนำให้นำไปปรับปรุงเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน แต่น้องเองกลับอ้างตัวว่าแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งจริงๆแล้วไม่เกี่ยวกับการตรวจทานให้ละเอียด แต่เป็นการอุปทานขึ้นมาว่าคำนั้นเขียนแบบนั้น คำนี้เขียนแบบนี้ค่ะ น้องนำไปแก้ไขปรับปรุงในการเขียนก็น่าจะเพียงพอแล้ว
จากกระทู้น้องใช้คำแทนตัวเองว่าหนู แต่พอมาเป็นการตักเตือนเรื่องการเขียนที่ผิด น้องกลับแทนตัวว่าดิฉัน นั้นก็เพียงพอแล้วที่ผู้อ่านจะรู้สึกถึงอารมณ์ของน้อง
ในความคิดพี่นะคะ การนำหัวหน้างานไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่มาต่อว่าในสื่อออนไลน์ไม่ใช่สิ่งที่สมควรนัก อันนี้แล้วแต่น้องจะคิดได้ว่าสมควรหรือไม่พี่แค่ตักเตือน การโพสในกระทู้นี้ก็ค่อนข้างแสดงถึงบุคลิกของน้องเรื่องความมั่นใจได้เหมือนกันนะว่าในที่ทำงานน้องน่าจะแสดงออกแบบประมาณการตอบคำถามนี้แน่ๆเลย
และการที่มีคนมาตักเตือนเราหมายความว่าเรายังสำคัญเล็กน้อย ที่คนอ่านกระทู้จะไม่เลื่อนผ่านไป ยังมีน้ำใจมาแก้ไขให้ว่าเขียนอย่างไรถูก น้อมรับน้ำใจไว้เถอะค่ะ แล้วแก้ไข อย่าแก้ต่าง
หากมีข้อสงสัยในการทำงานต่อไปแนะนำให้น้องถามกับหัวหน้างาน ณ ตรงนั้นเลย ว่าผิดอย่างไร และจะนำไปปรับปรุงอย่างไร อันนี้ตามความคิดพี่นะ ว่านี่ขนาดน้องไม่ผ่านโปรยังเอาหัวหน้ามานินทาซะยับ แล้วไปทำงานกับที่อื่นหล่ะ ถ้าหัวหน้าทำไม่ถูกใจ จะยับกว่านี้ไหม
จากกระทู้น้องใช้คำแทนตัวเองว่าหนู แต่พอมาเป็นการตักเตือนเรื่องการเขียนที่ผิด น้องกลับแทนตัวว่าดิฉัน นั้นก็เพียงพอแล้วที่ผู้อ่านจะรู้สึกถึงอารมณ์ของน้อง
ในความคิดพี่นะคะ การนำหัวหน้างานไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่มาต่อว่าในสื่อออนไลน์ไม่ใช่สิ่งที่สมควรนัก อันนี้แล้วแต่น้องจะคิดได้ว่าสมควรหรือไม่พี่แค่ตักเตือน การโพสในกระทู้นี้ก็ค่อนข้างแสดงถึงบุคลิกของน้องเรื่องความมั่นใจได้เหมือนกันนะว่าในที่ทำงานน้องน่าจะแสดงออกแบบประมาณการตอบคำถามนี้แน่ๆเลย
และการที่มีคนมาตักเตือนเราหมายความว่าเรายังสำคัญเล็กน้อย ที่คนอ่านกระทู้จะไม่เลื่อนผ่านไป ยังมีน้ำใจมาแก้ไขให้ว่าเขียนอย่างไรถูก น้อมรับน้ำใจไว้เถอะค่ะ แล้วแก้ไข อย่าแก้ต่าง
หากมีข้อสงสัยในการทำงานต่อไปแนะนำให้น้องถามกับหัวหน้างาน ณ ตรงนั้นเลย ว่าผิดอย่างไร และจะนำไปปรับปรุงอย่างไร อันนี้ตามความคิดพี่นะ ว่านี่ขนาดน้องไม่ผ่านโปรยังเอาหัวหน้ามานินทาซะยับ แล้วไปทำงานกับที่อื่นหล่ะ ถ้าหัวหน้าทำไม่ถูกใจ จะยับกว่านี้ไหม
แสดงความคิดเห็น
นั่งทำงานอยู่ดีๆ ผจก.เอาซองขาวมาให้ ... (ให้ออกจากงาน)
ก่อนหน้านี้เราทำงานเป็น พนักงานขายรถ หรือเซลล์บิ๊กไบค์ เราเริ่มทำงานที่นี้วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2560 ... ผ่านการเรียกตัวและรับเข้าทำงานด้วยประสบการณ์เคยเป็นเซลล์ขายสินค้าไอทีมาก่อน (มีพื้นฐานการขาย) จึงได้รับการ
พิจารณาเข้ารับมาทำงานที่นี้ โดยอัตราจ้างคือ จ้างแบบรายวัน 300นิดๆไม่ถึง 400 ต่อวัน เงินออกแบบเป็นเดือน คือจ้างแบบรายวัน ไม่ใช่ได้แบบเงินเดือน เพราะเป็นช่วงทดลองงาน
ด้วยพื้นฐานที่เรามีบวกกับทักศะการพูดคุยกับลูกค้าของเรา เราทำได้ดี จน ผจก.เห็นและเอ่ยปากชมเราใน ระยะเวลาทำงานเพียง 4-5 วันแรกเท่านั้น
ต้องยอมรับเลยว่าการมาขายรถบิ๊กไบค์ที่เราไม่มีความรู้เลย ไม่เคยศึกษามาก่อนเลย มันยากมากสำหรับเรา แต่เค้าบอกว่าเดี๋ยวฝึกไปก็รู้เอง มันมีไม่กี่อย่างหรอก ... เราเริ่มจากไปทำงานวันแรก เราเรียนรู้จากพี่ที่เป็นเซลล์อยู่ก่อน เค้าแนะนให้จำรุ่น และราคา แค่ตัวที่ขายง่ายๆไปก่อน
เราเอาโบชัวร์มานั่งอ่านและเดินดูรถในโชว์รูมพร้อมกับใช้เทคนิคการจำเฉพาะตัว ช่วยในการจำรุ่น สี ราคารถ 2วัน เราจำได้ พี่เค้าทดสอบเราด้วยการเดินชี้ถาม เราตอบได้พอสมควร
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เราขายได้ประมาน 6-7 คัน ซึ่งเราดีใจ ที่ลูกค้าปิดการขายกับเราได้ แต่ความยากก่อนปิดจ็อบคือ การทำเอกสารซื้อขาย ใบประกัน หรือลงระบบของที่โชว์รูม คือมันใหม่สำหรับเรา เราอาจจะยัง งกๆเงิ้นๆ อยู่บ้าง ผิดๆถูกๆ แต่เราทำสุดความสามารถไม่อยากให้พลาดมากไปกว่านี้ จำว่าอันไหนผิดก็ไม่ทำอีก
แก้ไขปรับปรุงจนโอเคละ ในเดือนแรก พอฝากฝังให้เราขายคนเดียวได้ ... เราก็50/50 อันไหนไม่ชัวร์ ไม่มั่นใจเราถาม ตลอด
พอใกล้สิ้นเดือน พี่เค้าบอกว่าเราจะยังไม่ได้ค่าคอมนะ เพราะยังไม่ผ่านโปรยังไม่ได้สอบเลย รอสอบผ่าน บันจุแล้วจะมีค่าคอม โอเค เราไม่อะไร เราสนุกและรักที่จะทำ เราทำมาสองเดือน เดือนแรกก็ได้เงินแค่ 6,000 นิดๆ เดือนต่อมา ได้มา 7,200 ส่วนต่อมา มิถุนา ได้ 4,200
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ วันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2560
เวลาประมาณ 10.20 น. ของวันดังกล่าว เรานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานปกติของเรา ผจก.เดินเอาซองขาวมาวางให้เรา ในซองมีเงิน 4,200บาท เราถามคนอื่น ได้ซองกันไหม พี่เซลล์อีกคนเลยบอกค่าคอมรึป่าว เราบอกหนูผ่านโปรแล้วหรอ เดี๋ยวลองเข้าไปถามเค้าซิว่สเงินค่าอะไร
เราลุกจากโต๊ะ เดินไปห้อง ผจก.ถามพี่ค่ะ อันนี้เงินอะไรค่ะ ?
... เค้าบอกว่า "เอิ่มคือเค้มบอกว่าเราไม่ผ่านโปรนะไม่ได้บันจุให้ กลับบ้านได้เลยนะ" ... เออแล้วไงอ่ะ ดื้อๆงี้เลยหรอ
เราเดินหันหลังออกจากห้อง ผจก.เก็บของกลับบ้าน รู้สึกไม่ดีเลย พี่เค้าถาม เอ้าทำไมอ่ะ มีอะไรรึป่าว ไปทำไรให้เค้าไม่พอใจรึป่าว เราบอกว่าป่าวเลย หนูปกติของหนูทุกวัน ทุกคนต่าง งง และไม่พอใจแทนเราว่าทำไม ให้ออกดื้อๆเลยแบบนี้ เราตั้งตัวไม่ทัน เราเคว้งมาก แล้วเราก็บอกพี่ๆเค้าว่า อื้อ เดี๋ยวไลน์หา เดี๋ยวคุยกัน
เราขี่รถกลับบ้าน น้ำตาไหล ไม่ใช่เสียใจที่โดนไล่ออกนะ เราแค่อึ้ง เราทำอะไรไม่ถูก บวกกับโมโห ที่เราทำไรให้หรอ เราทำไรผิดหรอ ให้เราออกกลางครรภ์แบบนี้ ... เรากำลังจะโอนรถมอไซค์เรา เดือนนั้นงวดสุดท้าย เราขาดเงินอีกพอสมควรเลย ค่าใช้จ่ายก็มี ไหนจะค่าเช่าบ้าน เราตื่อไปหมด ...
ร้านรถแบบนี้ เค้าบริหารแบบระบบครอบครัว(และเชื่อว่าแทบทุกร้านรถก็บริหารแบบนี้เช่นกัน) เป็นกิจการเจ้าของดูแล ดีล์เลอร์ กับแบร์นรถเอามาขาย มีหลายสาขา บริหารแบบคนในบ้านพี่ป้าน้าอา ลูกหลาน กระจายกันไปช่วยๆกันดู
พนักงานก็มีเสมียน เซล ช่าง รับเงินสดไม่ผ่าน บช. อยู่แบบต้องคอยทำตามใจเจ้านาย แล้ว ผจก.เรา งี่เง้า ทั้งร้านไม่มีใครชอบเลย กระทั่งลูกค้า ตอนเข้ามาทำแรกๆเค้าบอกเราแล้วว่า ผจก.เป็นไง อยู่ที่นี้ต้องทำยังไง เราก็ไม่เคยมีปากเสียงกับเค้าเลย เค้าชอบแอคชอบเอาเปรียบลูกค้า ให้คิดค่าแรงแพงๆ อะไรนิดๆหน่อยๆก็คิดเงินลูกค้า ซึ่งถ้าพวกเราทำกันเอง เราจะสมควรแก่การคิด บางอย่างนิดๆหน่อยๆเราก็คิดไม่แพง ช่างเองก็บอก ทำแค่นี้เอง ไม่เป็นไร คิดตามเรทจริง 10-20 พอ
แต่เค้าจะคอยมองมองจนเราอึดอัดทำงานไม่สบายใจ มองแบบจับผิด ลูกน้องที่ไหนก็ทำงานไม่มีความสุข ขนาดลูกค้ายังไม่ชอบเลย
แต่เรางงมาก ไล่เราออก เรื่องอะไร ?