ข้อความต่อจากนี้ไป อาจฟังดูแล้ว มีอคติ ไปบ้าง แต่ ถ้าหากท่านใด คิดต่างกันออกไป ก็สามารถ โต้แย้ง ได้อย่างเสรี เพราะ จขกท. ก็อาจ ด่วนสรุป อะไรต่างๆ ผิดพลาด ไปได้บ้าง ก็ได้นะ
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
พอคิดๆ ดูแล้ว จุดประสงค์ ของ การก่อตั้งตลาดหุ้นขึ้นมา นั้นก็เพื่อ ระดมทุน คล้ายๆ กับ ธนาคาร ที่เอาเงินคนฝาก ไปปล่อยกู้
ธนาคาร ได้กำไร จาก การปล่อยกู้ , คนฝากได้แค่ เศษเงิน เล็กๆ น้อยๆ เป็นดอกเบี้ย ก็แค่นั้น
บมจ. happy ที่ ได้เงินจากนักลงทุน ไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องรู้สึกว่า เค้าต้องลงไป วิ่ง สู้ ฟัด กับ การชดใช้หนี้ธนาคาร ( รู้สึกชิวๆ ซะมากกว่า ) แค่ ออกเงินปันผล ให้ได้ก็พอ แค่ไม่กี่ % เอง หรือ ประกาศ งดจ่ายเงินปันผล แมร่ง ไปเลยก็ได้ , ส่วน นักลงทุน ก็ เสียผลประโยชน์ ไปหลายด้าน เช่น เสียเวลา ที่ คิดผิด ตัดสินใจพลาด ( เวลา มีค่า เท่ากับ เงิน เลยนะ ) , ถ้าหาก นำเงินไปลงทุน ทำธุรกิจ ของตัวเอง อาจ ได้เงินดี มากกว่านี้ นี่จึงไม่เหมาะกับ นักลงทุน รายย่อย เบี้ยน้อย หอยน้อย เอาซะเลย ( คนที่มี เงินเย็น น้อยกว่า 5 ล้าน - 10 ล้าน )
ถึงแม้ . . . นักลงทุนหุ้น จะ Success จาก มูลค่า ที่ เพิ่มขึ้นมา , อย่างหุ้น PTT ที่ 100 บาท/หุ้น ณ 2003/11/03 แล้ว เพิ่มขึ้นเป็น 350 บาท/หุ้น ณ 2007/10/12 ราคา/หุ้น
แสดงว่า . . . เพิ่มขึ้นเป็น 250% จาก เงินลงทุน เริ่มต้น 2 ล้านบ้าน กลายเป็น 7 ล้านบาท ภายใน 4 ปี
แต่ . . . นักลงทุนคนนี้ ก็ ถอนเงิน ออกมาใช้จ่าย ไม่ได้อยู่ดี เพราะ ถ้าถอนเงิน 7 ล้าน ก้อนนั้น ออกมา ก็จะ อดได้รับเงินปันผล 7% ทันที
ถึงแม้ว่า . . . ได้เงินราวๆ 490,000 บาท เอ้งงงง !!!! + ยังไม่ หักลบ ค่าอยู่ ค่ากิน หนี้บ้าน ผ่อนรถ ค่าเรียนลูก 9ล9 อะไรจิปาถะ นั่นเลยนะ , คิดว่า คนๆ นึง ที่อยู่อาศัย + เลี้ยงลูก มีครอบครัว ใน กทม. ต้องการเงิน มากกว่า 490,000 บาท / ปี แน่นอนนนนนน !!!!!
คิดว่า . . . คิดว่าเงินปันผล แค่ 7% ( 490,000 บาท / ปี ) คงไม่สามารถ นำไปเจียด เพื่อ ซื้อหุ้น ตัวอื่นๆ ได้มากมาย หลายตัวซัก เท่าไหร่หรอก เพราะ ถ้าจะให้เห็นผลจริงๆ ได้เงิน เป็นกอบ เป็นกำ ควรต้องลงเงิน ซัก 2 ล้าน ถ้าจะให้ดีต้อง 5 ล้าน++ ขึ้นไป ต่อ การลงทุน ใน หุ้น ใดๆ ก็ตาม
สรุป ( 1 ) คือ . . . ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน ใน ธนาคาร หรือ ตลาดหุ้น เราก็เป็นได้แค่ ลูกไล่ ลูกตาม เค้าอยู่วันยังค่ำ
สรุป ( 2 ) คือ . . . หุ้นปันผล ดีกว่า ดอกเบี้ย ของ ธนาคาร แต่ มันก็เป็นแค่ เศษเงิน ที่ เพิ่มขึ้นมา แค่ไม่กี่ % เอ้งงงงงง , อาจ พอสำหรับ ค่าครองชีพ สำหรับ คนมีครอบครัว ใน กทม. แต่ ไม่น่าจะสามารถ เจียดเงิน ไปลงทุนหุ้น เพิ่มได้อีก
คหสต. คิดว่า . . . ถ้าหากใคร มีความสามารถ ใน การทำธุรกิจ หรือ มีหัวทางการค้า ควรทำบริษัทให้ Success แล้วนำเข้า ตลาดหุ้นได้ แล้วทีนี้ ธุรกิจ ของท่านจะ รุ่งโรจน์ ชัชวาล ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ( ซึ่งนี่ก็ต้อง ขอขอบคุณ เงินทุน จาก นักลงทุน ) อย่าง . . . ส. ขอนแก่น , IChi ที่ถึงแม้ หุ้น จะ ต่ำกว่า ยอดจอง IPO ณ 10 กว่าบาท แต่ ณ ขณะนี้ 7 บาท แล้วก็ตาม แต่ เงินจากนักลงทุน ก็ยังอยู่ใน กระเป๋า ของ บมจ. หรือ ถูกแปลงสภาพ เป็น สินทรัพย์ อย่าง โรงงาน ที่อาจกำลังทำเงินให้ บมจ. อย่างต่าเนื่อง + ประกาศ งดจ่ายเงินปันผล เลยก็ยังได้
เล่นหุ้น ใครกันที่ Happy กันแน่ ?
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
พอคิดๆ ดูแล้ว จุดประสงค์ ของ การก่อตั้งตลาดหุ้นขึ้นมา นั้นก็เพื่อ ระดมทุน คล้ายๆ กับ ธนาคาร ที่เอาเงินคนฝาก ไปปล่อยกู้
ธนาคาร ได้กำไร จาก การปล่อยกู้ , คนฝากได้แค่ เศษเงิน เล็กๆ น้อยๆ เป็นดอกเบี้ย ก็แค่นั้น
บมจ. happy ที่ ได้เงินจากนักลงทุน ไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องรู้สึกว่า เค้าต้องลงไป วิ่ง สู้ ฟัด กับ การชดใช้หนี้ธนาคาร ( รู้สึกชิวๆ ซะมากกว่า ) แค่ ออกเงินปันผล ให้ได้ก็พอ แค่ไม่กี่ % เอง หรือ ประกาศ งดจ่ายเงินปันผล แมร่ง ไปเลยก็ได้ , ส่วน นักลงทุน ก็ เสียผลประโยชน์ ไปหลายด้าน เช่น เสียเวลา ที่ คิดผิด ตัดสินใจพลาด ( เวลา มีค่า เท่ากับ เงิน เลยนะ ) , ถ้าหาก นำเงินไปลงทุน ทำธุรกิจ ของตัวเอง อาจ ได้เงินดี มากกว่านี้ นี่จึงไม่เหมาะกับ นักลงทุน รายย่อย เบี้ยน้อย หอยน้อย เอาซะเลย ( คนที่มี เงินเย็น น้อยกว่า 5 ล้าน - 10 ล้าน )
ถึงแม้ . . . นักลงทุนหุ้น จะ Success จาก มูลค่า ที่ เพิ่มขึ้นมา , อย่างหุ้น PTT ที่ 100 บาท/หุ้น ณ 2003/11/03 แล้ว เพิ่มขึ้นเป็น 350 บาท/หุ้น ณ 2007/10/12 ราคา/หุ้น
แสดงว่า . . . เพิ่มขึ้นเป็น 250% จาก เงินลงทุน เริ่มต้น 2 ล้านบ้าน กลายเป็น 7 ล้านบาท ภายใน 4 ปี
แต่ . . . นักลงทุนคนนี้ ก็ ถอนเงิน ออกมาใช้จ่าย ไม่ได้อยู่ดี เพราะ ถ้าถอนเงิน 7 ล้าน ก้อนนั้น ออกมา ก็จะ อดได้รับเงินปันผล 7% ทันที
ถึงแม้ว่า . . . ได้เงินราวๆ 490,000 บาท เอ้งงงง !!!! + ยังไม่ หักลบ ค่าอยู่ ค่ากิน หนี้บ้าน ผ่อนรถ ค่าเรียนลูก 9ล9 อะไรจิปาถะ นั่นเลยนะ , คิดว่า คนๆ นึง ที่อยู่อาศัย + เลี้ยงลูก มีครอบครัว ใน กทม. ต้องการเงิน มากกว่า 490,000 บาท / ปี แน่นอนนนนนน !!!!!
คิดว่า . . . คิดว่าเงินปันผล แค่ 7% ( 490,000 บาท / ปี ) คงไม่สามารถ นำไปเจียด เพื่อ ซื้อหุ้น ตัวอื่นๆ ได้มากมาย หลายตัวซัก เท่าไหร่หรอก เพราะ ถ้าจะให้เห็นผลจริงๆ ได้เงิน เป็นกอบ เป็นกำ ควรต้องลงเงิน ซัก 2 ล้าน ถ้าจะให้ดีต้อง 5 ล้าน++ ขึ้นไป ต่อ การลงทุน ใน หุ้น ใดๆ ก็ตาม
สรุป ( 1 ) คือ . . . ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน ใน ธนาคาร หรือ ตลาดหุ้น เราก็เป็นได้แค่ ลูกไล่ ลูกตาม เค้าอยู่วันยังค่ำ
สรุป ( 2 ) คือ . . . หุ้นปันผล ดีกว่า ดอกเบี้ย ของ ธนาคาร แต่ มันก็เป็นแค่ เศษเงิน ที่ เพิ่มขึ้นมา แค่ไม่กี่ % เอ้งงงงงง , อาจ พอสำหรับ ค่าครองชีพ สำหรับ คนมีครอบครัว ใน กทม. แต่ ไม่น่าจะสามารถ เจียดเงิน ไปลงทุนหุ้น เพิ่มได้อีก
คหสต. คิดว่า . . . ถ้าหากใคร มีความสามารถ ใน การทำธุรกิจ หรือ มีหัวทางการค้า ควรทำบริษัทให้ Success แล้วนำเข้า ตลาดหุ้นได้ แล้วทีนี้ ธุรกิจ ของท่านจะ รุ่งโรจน์ ชัชวาล ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ( ซึ่งนี่ก็ต้อง ขอขอบคุณ เงินทุน จาก นักลงทุน ) อย่าง . . . ส. ขอนแก่น , IChi ที่ถึงแม้ หุ้น จะ ต่ำกว่า ยอดจอง IPO ณ 10 กว่าบาท แต่ ณ ขณะนี้ 7 บาท แล้วก็ตาม แต่ เงินจากนักลงทุน ก็ยังอยู่ใน กระเป๋า ของ บมจ. หรือ ถูกแปลงสภาพ เป็น สินทรัพย์ อย่าง โรงงาน ที่อาจกำลังทำเงินให้ บมจ. อย่างต่าเนื่อง + ประกาศ งดจ่ายเงินปันผล เลยก็ยังได้