สวัสดีครับ ขออนุญาตเขียนเล่าประสบการณ์ไปเดินหาอะไหล่ในเชียงกงที่ประเทศอเมริกาดูครับ เชียงกงที่ผมไป เป็นประเภทที่เรียกว่า pick your part หรือก็คือเราต้องเดินเข้าไปในลานที่มีซากรถจอดเรียงกันเยอะๆ แล้วเราก็เดินหา จะเอาอะไหล่อะไรก็ต้องแกะเอง แล้วถือไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์เองเลยครับ จะไม่มีคนมาถอดให้ บริการตัวเองหมด เครื่องไม้เครื่องมือก็ต้องเอาไปเองครับ ส่วนอะไหล่ก็จะราคาก็จะค่อนข้างถูก ข้อเสียอีกอย่างคือ inventory ของร้านจะไม่ชัดเจนครับ จะมีบอกแค่ว่ามีรถคันไหน อยู่แถวไหน แต่จะไม่มีบอกว่าอะไหล่อะไรเหลืออยู่แล้วบ้าง เพราะฉะนั้นต้องวัดใจกันเอาหน้างานเลยครับ
ต้องบอกก่อนว่า โดยส่วนตัวผม งานช่างหรืองานซ่อมรถอะไรพวกนี้ผมไม่มีความรู้เลยนะครับ แต่มาเรียนอยู่ที่อเมริกา ความจนมันบีบบังคับจริงๆ

เนื่องจากล้อรถผมดุ้ง ลองหาร้านซ่อมเขาบอกว่าค่าซ่อม $150 พอลองหาซื้อใหม่แบบของศูนย์ ราคา $124 (ถูกกว่าซ่อม ร้านก็บอกครับว่าถ้าแมกแพงก็แนะนำให้ซ่อม แต่ถ้าของเดิมซื้อใหม่เอาคุ้มกว่า) นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมลองไปหาของในเชียงกงดู เพราะราคาที่อยู่ในหน้าเว็บอยู่ที่ $20 เท่านั้นครับ(ไม่รวมภาษี) รถผมซื้อมา ราคาแค่ $1500 จะซื้อของใหม่ราคาเกือบ 10% ตัวรถก็รู้สึกว่าไม่คุ้มยังไงไม่รู้ครับ แล้วล้อก็ไม่ได้ถอดยากอะไรด้วย แค่ใช้ประแจที่ติดรถมาไปขันออกมาก็ได้แล้ว (ผมเคยเปลี่ยนล้ออะไหล่มาสองสามรอบครับ)
ราคาอะไหล่ของร้านที่ผมไป ดูได้ในนี้ครับ
https://www.lkqpickyourpart.com/locations/LKQ_Pick_Your_Part_-_Austin-234/prices/
แรกสุด เราก็ต้องเข้าไปหาดูก่อนว่ามีรถรุ่นเดียวกับเราอยู่ที่นี่หรือเปล่า โชคดีพอสมควรครับ ผมขับ Toyota Solara (Camry สองประตู) คนใช้เยอะพอสมควรครับ ก็พอมีโฉมเดียวกันอยู่ 7 คันครับ

พอไปถึง จะมีทางให้เดินเข้าสองทางครับ ทางขวาคือเราเข้าครั้งแรก ต้องจ่ายค่าเข้า $3 พร้อมสแตมป์แขน (เหมือนเข้าผับเลยครับ) ช่องซ้าย สำหรับคนเข้าใหม่อีกรอบ (อาจจะลืมเครื่องมือไว้ในรถเป็นต้นครับ)

พอจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมเดินเข้าไปให้แดดเผาครับ อาห์ ที่นี่มันทะเลทรายชัดๆ.. (วันที่ผมไปอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสครับ) มือกำประแจแน่น พร้อมบอกตัวเองว่าล้อที่เราตามหามันต้องอยู่ในนี้สักที่แน่นอน!

โชคดีสำหรับผม รถทุกคันจะหนุนไว้ด้วยล้อเก่าครับ เพื่อให้ง่ายต่อการมุดเข้าใต้ท้องรถ ทำให้ผมถอดล้อได้ง่ายขึ้นด้วย

เห็นอะไรในรูปก่อนหน้านี้มั้ยครับ? เนื่องจากอะไหล่ราคาเท่ากันหมดทุกยี่ห้อ รถแพงๆคนก็ย่อมมาแย่งกันทึ้งไปหมดทั้งคัน อย่าง CLS คันนี้โบ๋หมดแล้วครับ ไม่น่าจะเหลืออะไรเท่าไหร่ รอเอาโครงไปบด

อะไหล่ที่ว่า ทั้งภายนอกภายในเลยนะครับ เรียกได้ว่าเจออะไร จะเอาอะไร ถ้าถอดได้ ก็เอาไปเลยครับ เพราะฉะนั้นรถทุกคันประตูจะไม่ได้ล็อคครับ จริงๆการเปิดประตูดูภายในรถแต่ละคันเล่น ก็เป็นเรื่องสนุกสำหรับผมนะครับ เพราะเราไม่ได้มีโอกาสจะได้เห็นภายในรถหลายๆรุ่นแบบนี้บ่อยๆ (ุถ้าอากาศเย็นกว่านี้สักหน่อยก็จะดีมากๆครับ)

และแล้วก็มาถึงครับ.. คันแรก.. ล้อไปหมดแล้วครับ

ผ่านไปหลายคันจนถอดใจ ก็ไม่มี ผมเดินหารอบๆโซน import ที่รถรุ่นผมทั้งหมดควรจะอยู่ ก็ไม่มีคันไหนมีล้อเลย ผ่านไปสี่ห้าคัน ก็เริ่มถอดใจครับ

จนผมจะเดินกลับไปที่แอคคอร์ดคันหนึ่งที่เดินผ่านมา ล้อไซส์เดียวกัน รูตรงกัน เอาไปใส่แค่ให้มันใช้งานได้ดีก็พอ ถึงลายจะไม่เหมือนกันทุกวงก็ไม่เป็นไร

แต่แล้วระหว่างที่กำลังเดินกลับไปที่แอคคอร์ดคันนั้น ผมก็เจอกับคันนี้เข้าครับ.. คุณพระคุณเจ้าช่วย ยังเหลืออยู่ให้ผมสองล้อ ลายเดียวกันด้วย!! (รุ่นผมมีสองลายครับ 15นิ้ว กับ 16นิ้ว คือนอกจากจะลุ้นให้เจอล้อแล้ว ยังต้องลุ้นให้เป็นไซส์เดียวกันด้วย) จริงๆแล้วอยากแกะไฟท้ายไปด้วยครับ เพราะรถผมเป็นรุ่นก่อน facelift ตัวนี้เป็นตัวหลัง facelift ถ้าเปลี่ยนไปได้ก็จะดูใหม่ขึ้นหน่อย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมีคนเอาสลักเปิดฝาท้ายไปแล้วครับ เปิดฝาท้ายไม่ได้ ไม่รู้จะเอาออกมายังไง

สุดท้ายก็ได้มาครับ เบ็ดเสร็จจ่ายเงินไป $40 วันนี้ผมเอาล้อเก่าของเราไปคืนให้เขารีไซเคิล ก็จะได้เงินคืนมา $15 สรุปแล้วจ่ายไป $25 ครับ เอาไปให้ร้านยางแกะยางเราใส่ล้อใหม่ $10 แล้วก็มีค่าถ่วงล้อ $16 (จ่ายทีเดียว หลังจากนี้ไปถ่วงฟรีตลอดชีพ) เป็นเงินทั้งหมด $51 ประหยัดไปเยอะเหมือนกันครับ

ผมย้ายลงมา Texas จาก Minnesota ครับ รถผมก็สนิมกินไปค่อนข้างเยอะ เพราะทางเหนือมีหิมะและน้ำแข็งมาก ต้องใช้เกลือโรยถนนเยอะครับ ล้อผมก็ผุไปเหมือนกัน พอเอาล้อจากทางใต้มาใส่ ถึงจะลายเดียวกัน ดูก็รู้ว่ามาจากคนละคันกัน 555

มีเรื่องเซอร์ไพรส์อีกหน่อยหนึ่ง คือวันนี้หลังจากกลับจากเอาล้อไปคืนแล้ว เอารถไปให้อู่เปลี่ยนผ้าเบรคครับ ช่างดูแล้วบอกว่า ผ้าเบรคหน้ายังมี แต่ผ้าเบรคหลังหมด แต่ความซับซ้อนอยู่ตรงที่ คาลิปเปอร์กับแบรคเกตผมสนิมกินหมดแล้วครับ ช่างบอกว่าแกะออกมาได้ แต่อาจจะใส่กลับเข้าไปไม่ได้นะเพราะมันผุ ค่าแรงคิดที่ $120 ผ้าเบรคคู่ละ $40 คาลิปเปอร์ข้างละ $45 แบรคเกตข้างละ $40 รวมออกมาสามร้อยกว่า แล้วลองเข้าไปดูราคาในเว็บเชียงกงสิครับ คาลิปเปอร์ $17 แบรคเกต $7.40 ผ้าเบรค $1.05 (ต้องตามหาที่หนาๆหน่อยจะได้คุ้ม) สรุปคือ พรุ่งนี้ผมคงต้องกลับลงไปเชียงกงอีกครั้งหนึ่งครับ เพราะประหยัดไปเยอะแยะเลย
ยังจำที่ผมบอกในย่อหน้าที่สองได้มั้ยครับ? ถึงผมจะชอบและสนใจรถ แต่ความรู้เรื่องการซ่อมบำรุงผมเป็น 0 เลยครับ วันนี้ตอนเข้าไปที่อู่ มี 350 Z ขึ้นฮอยส์ ถอดล้ออยู่ เลยให้ช่างช่วยชี้ว่า ต้องใช้เครื่องมืออะไร ถอดตรงไหน อย่างไรบ้าง ผมก็จดมาครับ แล้วมาลุ้นกันครับว่า พรุ่งนี้ผมจะรอดไหม กับภารกิจถอดเบรค 555
วันนี้ขอเขียนเล่าเรื่องเพียงเท่านี้ครับ หวังว่าจะน่าสนใจสำหรับหลายๆท่าน ถ้าท่านไหนสนใจอะไรเป็นพิเศษก็เขียนทิ้งไว้ได้นะครับ พรุ่งนี้ถ้ามีจังหวะตอนกลับลงไปจะถ่ายรูปมาแบ่งปันให้ชมอีกครับ
สวัสดีครับ
แชร์ประสบการณ์ พาเดินเชียงกงฝรั่ง (Junk yard)
ต้องบอกก่อนว่า โดยส่วนตัวผม งานช่างหรืองานซ่อมรถอะไรพวกนี้ผมไม่มีความรู้เลยนะครับ แต่มาเรียนอยู่ที่อเมริกา ความจนมันบีบบังคับจริงๆ
ราคาอะไหล่ของร้านที่ผมไป ดูได้ในนี้ครับ
https://www.lkqpickyourpart.com/locations/LKQ_Pick_Your_Part_-_Austin-234/prices/
แรกสุด เราก็ต้องเข้าไปหาดูก่อนว่ามีรถรุ่นเดียวกับเราอยู่ที่นี่หรือเปล่า โชคดีพอสมควรครับ ผมขับ Toyota Solara (Camry สองประตู) คนใช้เยอะพอสมควรครับ ก็พอมีโฉมเดียวกันอยู่ 7 คันครับ
พอไปถึง จะมีทางให้เดินเข้าสองทางครับ ทางขวาคือเราเข้าครั้งแรก ต้องจ่ายค่าเข้า $3 พร้อมสแตมป์แขน (เหมือนเข้าผับเลยครับ) ช่องซ้าย สำหรับคนเข้าใหม่อีกรอบ (อาจจะลืมเครื่องมือไว้ในรถเป็นต้นครับ)
พอจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมเดินเข้าไปให้แดดเผาครับ อาห์ ที่นี่มันทะเลทรายชัดๆ.. (วันที่ผมไปอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสครับ) มือกำประแจแน่น พร้อมบอกตัวเองว่าล้อที่เราตามหามันต้องอยู่ในนี้สักที่แน่นอน!
โชคดีสำหรับผม รถทุกคันจะหนุนไว้ด้วยล้อเก่าครับ เพื่อให้ง่ายต่อการมุดเข้าใต้ท้องรถ ทำให้ผมถอดล้อได้ง่ายขึ้นด้วย
เห็นอะไรในรูปก่อนหน้านี้มั้ยครับ? เนื่องจากอะไหล่ราคาเท่ากันหมดทุกยี่ห้อ รถแพงๆคนก็ย่อมมาแย่งกันทึ้งไปหมดทั้งคัน อย่าง CLS คันนี้โบ๋หมดแล้วครับ ไม่น่าจะเหลืออะไรเท่าไหร่ รอเอาโครงไปบด
อะไหล่ที่ว่า ทั้งภายนอกภายในเลยนะครับ เรียกได้ว่าเจออะไร จะเอาอะไร ถ้าถอดได้ ก็เอาไปเลยครับ เพราะฉะนั้นรถทุกคันประตูจะไม่ได้ล็อคครับ จริงๆการเปิดประตูดูภายในรถแต่ละคันเล่น ก็เป็นเรื่องสนุกสำหรับผมนะครับ เพราะเราไม่ได้มีโอกาสจะได้เห็นภายในรถหลายๆรุ่นแบบนี้บ่อยๆ (ุถ้าอากาศเย็นกว่านี้สักหน่อยก็จะดีมากๆครับ)
และแล้วก็มาถึงครับ.. คันแรก.. ล้อไปหมดแล้วครับ
ผ่านไปหลายคันจนถอดใจ ก็ไม่มี ผมเดินหารอบๆโซน import ที่รถรุ่นผมทั้งหมดควรจะอยู่ ก็ไม่มีคันไหนมีล้อเลย ผ่านไปสี่ห้าคัน ก็เริ่มถอดใจครับ
จนผมจะเดินกลับไปที่แอคคอร์ดคันหนึ่งที่เดินผ่านมา ล้อไซส์เดียวกัน รูตรงกัน เอาไปใส่แค่ให้มันใช้งานได้ดีก็พอ ถึงลายจะไม่เหมือนกันทุกวงก็ไม่เป็นไร
แต่แล้วระหว่างที่กำลังเดินกลับไปที่แอคคอร์ดคันนั้น ผมก็เจอกับคันนี้เข้าครับ.. คุณพระคุณเจ้าช่วย ยังเหลืออยู่ให้ผมสองล้อ ลายเดียวกันด้วย!! (รุ่นผมมีสองลายครับ 15นิ้ว กับ 16นิ้ว คือนอกจากจะลุ้นให้เจอล้อแล้ว ยังต้องลุ้นให้เป็นไซส์เดียวกันด้วย) จริงๆแล้วอยากแกะไฟท้ายไปด้วยครับ เพราะรถผมเป็นรุ่นก่อน facelift ตัวนี้เป็นตัวหลัง facelift ถ้าเปลี่ยนไปได้ก็จะดูใหม่ขึ้นหน่อย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมีคนเอาสลักเปิดฝาท้ายไปแล้วครับ เปิดฝาท้ายไม่ได้ ไม่รู้จะเอาออกมายังไง
สุดท้ายก็ได้มาครับ เบ็ดเสร็จจ่ายเงินไป $40 วันนี้ผมเอาล้อเก่าของเราไปคืนให้เขารีไซเคิล ก็จะได้เงินคืนมา $15 สรุปแล้วจ่ายไป $25 ครับ เอาไปให้ร้านยางแกะยางเราใส่ล้อใหม่ $10 แล้วก็มีค่าถ่วงล้อ $16 (จ่ายทีเดียว หลังจากนี้ไปถ่วงฟรีตลอดชีพ) เป็นเงินทั้งหมด $51 ประหยัดไปเยอะเหมือนกันครับ
ผมย้ายลงมา Texas จาก Minnesota ครับ รถผมก็สนิมกินไปค่อนข้างเยอะ เพราะทางเหนือมีหิมะและน้ำแข็งมาก ต้องใช้เกลือโรยถนนเยอะครับ ล้อผมก็ผุไปเหมือนกัน พอเอาล้อจากทางใต้มาใส่ ถึงจะลายเดียวกัน ดูก็รู้ว่ามาจากคนละคันกัน 555
มีเรื่องเซอร์ไพรส์อีกหน่อยหนึ่ง คือวันนี้หลังจากกลับจากเอาล้อไปคืนแล้ว เอารถไปให้อู่เปลี่ยนผ้าเบรคครับ ช่างดูแล้วบอกว่า ผ้าเบรคหน้ายังมี แต่ผ้าเบรคหลังหมด แต่ความซับซ้อนอยู่ตรงที่ คาลิปเปอร์กับแบรคเกตผมสนิมกินหมดแล้วครับ ช่างบอกว่าแกะออกมาได้ แต่อาจจะใส่กลับเข้าไปไม่ได้นะเพราะมันผุ ค่าแรงคิดที่ $120 ผ้าเบรคคู่ละ $40 คาลิปเปอร์ข้างละ $45 แบรคเกตข้างละ $40 รวมออกมาสามร้อยกว่า แล้วลองเข้าไปดูราคาในเว็บเชียงกงสิครับ คาลิปเปอร์ $17 แบรคเกต $7.40 ผ้าเบรค $1.05 (ต้องตามหาที่หนาๆหน่อยจะได้คุ้ม) สรุปคือ พรุ่งนี้ผมคงต้องกลับลงไปเชียงกงอีกครั้งหนึ่งครับ เพราะประหยัดไปเยอะแยะเลย
ยังจำที่ผมบอกในย่อหน้าที่สองได้มั้ยครับ? ถึงผมจะชอบและสนใจรถ แต่ความรู้เรื่องการซ่อมบำรุงผมเป็น 0 เลยครับ วันนี้ตอนเข้าไปที่อู่ มี 350 Z ขึ้นฮอยส์ ถอดล้ออยู่ เลยให้ช่างช่วยชี้ว่า ต้องใช้เครื่องมืออะไร ถอดตรงไหน อย่างไรบ้าง ผมก็จดมาครับ แล้วมาลุ้นกันครับว่า พรุ่งนี้ผมจะรอดไหม กับภารกิจถอดเบรค 555
วันนี้ขอเขียนเล่าเรื่องเพียงเท่านี้ครับ หวังว่าจะน่าสนใจสำหรับหลายๆท่าน ถ้าท่านไหนสนใจอะไรเป็นพิเศษก็เขียนทิ้งไว้ได้นะครับ พรุ่งนี้ถ้ามีจังหวะตอนกลับลงไปจะถ่ายรูปมาแบ่งปันให้ชมอีกครับ
สวัสดีครับ