ภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไร ความพยายามจึงจะมีผล
ความเพียรจึงจะมีผล.
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เอาทุกข์
ทับถมตนที่ไม่มีทุกข์ทับถม ไม่สละความสุขที่เกิดโดยธรรม
ไม่เป็นผู้หมกมุ่นในความสุขนั้น เธอย่อมทราบชัดอย่างนี้
ว่า ถึงเรานี้จักยังมีเหตุแห่งทุกข์ เมื่อเริ่มตั้งความเพียร
วิราคะย่อมมีได้เพราะการตั้งความเพียร อนึ่ง ถึงเรานี้จะ
ยังมีเหตุแห่งทุกข์ เมื่อวางเฉย บำเพ็ญอุเบกขาอยู่ วิราคะ
ก็ย่อมมีได้ เธอพึงเริ่มตั้งความเพียร ในทำนองที่ภิกษุยัง
มีเหตุแห่งทุกข์ เริ่มตั้งความเพียร ย่อมมีวิราคะเพราะการ
เริ่มตั้งความเพียร และบำเพ็ญอุเบกขาในทำนองที่ภิกษุยังมี
เหตุแห่งทุกข์ วางเฉย บำเพ็ญอุเบกขาอยู่ ย่อมมีวิราคะ เมื่อ
เธอนั้นยังมีเหตุแห่งทุกข์ เริ่มตั้งความเพียร วิราคะย่อมมีได้
เพราะการตั้งความเพียร แม้อย่างนี้ ทุกข์นั้นก็เป็นอันเธอ
สลัดได้แล้ว เมื่อเธอนั้นยังมีเหตุแห่งทุกข์ วางเฉย บำเพ็ญ
อุเบกขาอยู่ วิราคะย่อมมีได้ แม้อย่างนี้ ทุกข์นั้นก็เป็นอัน
เธอสลัดได้แล้ว.
ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุพิจารณาเห็น
ดังนี้ว่า เมื่อเราอยู่ตามสบาย อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
กุศลธรรมย่อมเสื่อม แต่เมื่อเราเริ่มตั้งตนเพื่อความ
ลำบาก อกุศลธรรมย่อมเสื่อม กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
อย่ากระนั้นเลย เราพึงเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากเถิด เธอ
จึงเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบาก เมื่อเธอเริ่มตั้งตนเพื่อความ
ลำบากอยู่ อกุศลธรรมย่อมเสื่อม กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
สมัยต่อมา เธอไม่ต้องเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากได้ ข้อนั้น
เพราะเหตุไร ภิกษุทั้งหลาย เพราะภิกษุนั้นเริ่มตั้งตนเพื่อ
ความลำบาก เพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นของเธอเป็น
อันสำเร็จแล้ว ฉะนั้น สมัยต่อมา เธอจึงไม่ต้องเริ่มตั้งตน
เพื่อความลำบากได้.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนช่างศร ย่างลนลูกศร
บนข่าไฟ ๒ อัน ดัดให้ตรงจนใช้การได้ เพราะเหตุที่ลูกศร
เป็นของอันช่างศรย่างลนบนข่าไฟ ๒ อัน ดัดให้ตรงจนใช้
การได้แล้ว สมัยต่อมา ช่างศรนั้นไม่ต้องย่างลนลูกศรนั้น
บนข่าไฟ ๒ อัน ดัดให้ตรงจนใช้การได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
ภิกษุทั้งหลาย เพราะช่างศรนั้นพึงย่างลนลูกศรบนข่าไฟ ๒ อัน
ดัดให้ตรงจนใช้การได้ เพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นของ
เขาเป็นอันสำเร็จแล้ว ฉะนั้น สมัยต่อมา ช่างศรจึงไม่ต้อง
ย่างลนลูกศรบนข่าไฟ ๒ อัน ดัดให้ตรงจนใช้การได้ ฉันใด.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุย่อมพิจารณา
เห็นดังนี้ว่า เมื่อเราอยู่ตามสบาย อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
กุศลธรรมย่อมเสื่อม แต่เมื่อเราเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบาก
อกุศลธรรมย่อมเสื่อมกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง อย่ากระนั้นเลย
เราพึงเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากเถิด เธอจึงเริ่มตั้งตนเพื่อ
ความลำบาก เมื่อเธอเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากอยู่ อกุศลธรรม
ย่อมเสื่อม กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง สมัยต่อมา เธอไม่ต้อง
เริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร ภิกษุ
ทั้งหลาย เพราะภิกษุนั้นเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบาก เพื่อ
ประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นของเธอเป็นอันสำเร็จแล้ว ฉะนั้น
สมัยต่อมา เธอจึงไม่ต้องเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากแล.
ภิกษุทั้งหลาย ความพยายามมีผล ความเพียรมีผล
แม้อย่างนี้.
-บาลี อุปริ. ม. ๑๔/๑๓,๑๖/๑๒,๑๕.
ทำอย่างไร ความเพียรพยายามจึงมีผล(พระสูตร)
ความเพียรจึงจะมีผล.
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เอาทุกข์
ทับถมตนที่ไม่มีทุกข์ทับถม ไม่สละความสุขที่เกิดโดยธรรม
ไม่เป็นผู้หมกมุ่นในความสุขนั้น เธอย่อมทราบชัดอย่างนี้
ว่า ถึงเรานี้จักยังมีเหตุแห่งทุกข์ เมื่อเริ่มตั้งความเพียร
วิราคะย่อมมีได้เพราะการตั้งความเพียร อนึ่ง ถึงเรานี้จะ
ยังมีเหตุแห่งทุกข์ เมื่อวางเฉย บำเพ็ญอุเบกขาอยู่ วิราคะ
ก็ย่อมมีได้ เธอพึงเริ่มตั้งความเพียร ในทำนองที่ภิกษุยัง
มีเหตุแห่งทุกข์ เริ่มตั้งความเพียร ย่อมมีวิราคะเพราะการ
เริ่มตั้งความเพียร และบำเพ็ญอุเบกขาในทำนองที่ภิกษุยังมี
เหตุแห่งทุกข์ วางเฉย บำเพ็ญอุเบกขาอยู่ ย่อมมีวิราคะ เมื่อ
เธอนั้นยังมีเหตุแห่งทุกข์ เริ่มตั้งความเพียร วิราคะย่อมมีได้
เพราะการตั้งความเพียร แม้อย่างนี้ ทุกข์นั้นก็เป็นอันเธอ
สลัดได้แล้ว เมื่อเธอนั้นยังมีเหตุแห่งทุกข์ วางเฉย บำเพ็ญ
อุเบกขาอยู่ วิราคะย่อมมีได้ แม้อย่างนี้ ทุกข์นั้นก็เป็นอัน
เธอสลัดได้แล้ว.
ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุพิจารณาเห็น
ดังนี้ว่า เมื่อเราอยู่ตามสบาย อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
กุศลธรรมย่อมเสื่อม แต่เมื่อเราเริ่มตั้งตนเพื่อความ
ลำบาก อกุศลธรรมย่อมเสื่อม กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
อย่ากระนั้นเลย เราพึงเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากเถิด เธอ
จึงเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบาก เมื่อเธอเริ่มตั้งตนเพื่อความ
ลำบากอยู่ อกุศลธรรมย่อมเสื่อม กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
สมัยต่อมา เธอไม่ต้องเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากได้ ข้อนั้น
เพราะเหตุไร ภิกษุทั้งหลาย เพราะภิกษุนั้นเริ่มตั้งตนเพื่อ
ความลำบาก เพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นของเธอเป็น
อันสำเร็จแล้ว ฉะนั้น สมัยต่อมา เธอจึงไม่ต้องเริ่มตั้งตน
เพื่อความลำบากได้.
ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนช่างศร ย่างลนลูกศร
บนข่าไฟ ๒ อัน ดัดให้ตรงจนใช้การได้ เพราะเหตุที่ลูกศร
เป็นของอันช่างศรย่างลนบนข่าไฟ ๒ อัน ดัดให้ตรงจนใช้
การได้แล้ว สมัยต่อมา ช่างศรนั้นไม่ต้องย่างลนลูกศรนั้น
บนข่าไฟ ๒ อัน ดัดให้ตรงจนใช้การได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร
ภิกษุทั้งหลาย เพราะช่างศรนั้นพึงย่างลนลูกศรบนข่าไฟ ๒ อัน
ดัดให้ตรงจนใช้การได้ เพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นของ
เขาเป็นอันสำเร็จแล้ว ฉะนั้น สมัยต่อมา ช่างศรจึงไม่ต้อง
ย่างลนลูกศรบนข่าไฟ ๒ อัน ดัดให้ตรงจนใช้การได้ ฉันใด.
ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุย่อมพิจารณา
เห็นดังนี้ว่า เมื่อเราอยู่ตามสบาย อกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง
กุศลธรรมย่อมเสื่อม แต่เมื่อเราเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบาก
อกุศลธรรมย่อมเสื่อมกุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง อย่ากระนั้นเลย
เราพึงเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากเถิด เธอจึงเริ่มตั้งตนเพื่อ
ความลำบาก เมื่อเธอเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากอยู่ อกุศลธรรม
ย่อมเสื่อม กุศลธรรมย่อมเจริญยิ่ง สมัยต่อมา เธอไม่ต้อง
เริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร ภิกษุ
ทั้งหลาย เพราะภิกษุนั้นเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบาก เพื่อ
ประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นของเธอเป็นอันสำเร็จแล้ว ฉะนั้น
สมัยต่อมา เธอจึงไม่ต้องเริ่มตั้งตนเพื่อความลำบากแล.
ภิกษุทั้งหลาย ความพยายามมีผล ความเพียรมีผล
แม้อย่างนี้.
-บาลี อุปริ. ม. ๑๔/๑๓,๑๖/๑๒,๑๕.