"ดอน” ยันกำหนดการเยือนสหรัฐของ “ประยุทธ์” ยังไม่ยกเลิก แต่ยังไม่ชี้ชัดวันไหน เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต้องเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุด หวังเจอ “ทรัมป์” ให้ได้ในปีนี้ สะพัดผู้นำสหรัฐเตรียมโละทูตทั่วโลก “มิเชลล์ สตีล” จ่อแทนที่ “กลิน เดวีส์” ที่อยู่เก้าอี้ในไทยไม่ถึง 2 ปี
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยกเลิกคำเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการเยือนประเทศสหรัฐว่า ไม่เป็นความจริง รวมถึงข่าวที่ออกมาว่านายกฯ มีกำหนดเยือนในวันที่ 19 ก.ค. ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน
“เรื่องการนัดหารือกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศยังคงอยู่ เพียงแต่ว่ายังไม่ลงตัวดี เพราะทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการพบกันครั้งแรกของสองผู้นำต้องทำให้เกิดผลสำเร็จที่ดีและสมบูรณ์ ดังนั้นต้องเตรียมตัวกันให้ดีในเรื่องต่างๆ ไม่ใช่ว่ารีบร้อนเกินเหตุ นี่คือเหตุผลหลัก ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีการดำเนินการไปมากพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดที่จะกำหนดวันที่จะพบปะกันได้ และอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ จะมีการพบปะกันของปลัดกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ เพื่อหารือในเรื่องการเตรียมความพร้อม ดังนั้นขออย่าเป็นกังวล” นายดอนกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวอ้างว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ติดประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (จี 20) จึงต้องยกเลิกการพบกันจริงหรือไม่ นายดอนปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง และเรื่องการประชุมจี 20 เป็นกำหนดการในส่วนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ชนกันแต่อย่างใด โดยการพบปะกันของผู้นำสองประเทศมี 2 ประเด็นหลัก คือเรื่องเนื้อหาสาระเพื่อให้การพบปะกันประสบความสำเร็จในมุมของทั้งสองฝ่าย และอีกเรื่องคือกำหนดเวลาที่ต้องมาจากความพร้อมของทั้งสองฝ่ายว่าสะดวกและว่างตอนไหน ไม่ได้ติดการประชุมจี 20 อย่างที่เป็นข่าว
เมื่อถามว่า สามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าการพบปะกันของผู้นำสองประเทศจะสามารถเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า พยายามอยู่ ซึ่งขึ้นอยู่ที่ว่าด้านต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต้องเตรียมความพร้อมถึงจุดที่มีความพร้อมสมบูรณ์แล้วหรือยัง เพราะเรื่องนี้ต้องพร้อมทั้งคู่ เพื่อเวลาพบกันจะได้สบายใจจากความพร้อมที่ได้เตรียมกันไว้ ตอนนี้เขาเองก็ยังมีหลายเรื่องที่ยังไม่พร้อมเช่นเดียวกับเรา และไม่ได้หมายความว่าพบกันครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วถือว่าจบ บางเรื่องไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง การต่างประเทศ เป็นเรื่องต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์สยามทาว์นยูเอส ได้เผยแพร่บทความหน้าสามเรื่อง ว่าที่ทูตอเมริกันประจำไทยคนใหม่ ซึ่งเขียนโดยสงวน คุ้มรุ่งโรจน์ (ไทยอีนิวส์) ระบุว่า พรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาโยกย้ายทูตอเมริกันทั่วโลกระลอกใหม่ ซึ่งในจำนวนนี้พรรคได้เสนอชื่อ มิเชลล์ ปาร์ค สตีล หรือชื่อเดิมพัค อึน-จู วัย 62 สมาชิกของคณะกรรมการบริหารออเรนจ์เคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย สังกัดรีพับลิกัน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชุมชนไทยให้ไปเป็นทูตคนนอกดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่ ต่อจากกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ซึ่งยังอยู่ไม่ถึงสองปี ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่ไม่เปิดเผย
บทความดังกล่าวยังระบุว่า ไม่นานมานี้ทรัมป์ได้แต่งตั้งเทอร์รี แบรนสเตด ผู้ว่าฯ รัฐไอโอวาซึ่งเป็นคนนอก ไปเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่งมาแล้ว ส่วนมิเชลล์ ปาร์ค สตีล นั้นเคยเป็นรองประธานกรรมาธิการด้านภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย ตลอดเวลาเธอทำหน้าที่ช่วยเหลือชุมชนไทยในหลายๆ ด้าน จนได้รับการขนานนามว่าเป็นนักการเมืองเพื่อชุมชน และมีชุมชนไทยเป็นฐานเสียงสำคัญ เพราะใกล้ชิดกับสังคมไทยมาก โดยเฉพาะคนไทยในนครลอสแองเจลิส
สยามทาว์นยูเอสยังระบุว่า มิเชลล์ ปาร์ค สตีล กล่าวเสมอว่า เป็นลูกครึ่งไทย-เกาหลีไปแล้ว รักคนไทย ชอบทานอาหารไทยรสเผ็ดๆ ซึ่งเธอได้สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชุมชนไทยตื่นตัวกับการเมือง มีตัวแทนในการเรียกร้องสิทธิผลประโยชน์เพื่อให้ชุมชนไทยแข็งแรงทัดเทียมกับชุมชนเกาหลี โดยเคยเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนไทย เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสภาหอการค้าไทยอเมริกันแห่งแคลิฟอร์เนีย รับฟังปัญหาต่างๆ และจัดเจ้าหน้าที่ให้การบริการทำภาษีประจำปีให้กับผู้มีรายได้น้อยของชุมชนไทยเป็นเวลากว่า 4 ปี และยังร่วมมือกับสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส ในการจัดตั้งสมาคมนวดแผนไทย
”มิเชลล์รับการศึกษาในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐ พูดภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น ได้อย่างคล่องแคล่ว บิดาเธอเกิดในมหานครเซี่ยงไฮ้ สามีของเธอ ฌอน สตีล วัย 71 นักการเมืองและทนายความสังกัดรีพับลิกัน ซึ่ง คีธ ฉัตรประภาชัย ผู้ช่วยของมิเชลล์บอกว่า เป็นหนึ่งในแกนนำของพรรครีพับลิกัน ซึ่งคณะกรรมการสรรหาตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของทรัมป์นั้น ล้วนเป็นคนที่มีความสนิทสนมกับคุณมิเชลล์ทั้งสิ้น มิเชลล์จึงมีสิทธิ์มากที่จะขอตำแหน่งสำคัญจากทรัมป์ได้ เพราะเธอได้ช่วยหาเสียงมาตั้งแต่เดือน พ.ค.2559 โดยเฉพาะตำแหน่งเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศไทย” สยามทาว์นยูเอสระบุ
ทั้งนี้ หากทรัมป์มีการเปลี่ยนเอกอัครราชทูตเป็นมิเชลล์จริง เธอจะเป็นผู้หญิงคนที่สองที่เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยอีกครั้ง โดยก่อนหน้าหน้านี้ก็มีนางคริสตี้ เอ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่ดำรงตำแหน่งก่อนนานกลิน เดวีส์
ขอบคุณไทยโพสต์ค่ะ...



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.thaipost.net/?q=%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B9%88-%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%95-%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B9%8C
โอ้...เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะนายเนติ....ที่ทำให้เกิดการเปลี่บนแปลง




~มาลาริน~** เอ๊ะ ยังไงกันคะ ..? ยัน 'ทรัมป์' ไม่ยกเลิกนัดไทยแน่..สะพัด เปลี่ยนทูตสตีลแทนที่เดวีส์
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยกเลิกคำเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการเยือนประเทศสหรัฐว่า ไม่เป็นความจริง รวมถึงข่าวที่ออกมาว่านายกฯ มีกำหนดเยือนในวันที่ 19 ก.ค. ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน
“เรื่องการนัดหารือกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศยังคงอยู่ เพียงแต่ว่ายังไม่ลงตัวดี เพราะทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการพบกันครั้งแรกของสองผู้นำต้องทำให้เกิดผลสำเร็จที่ดีและสมบูรณ์ ดังนั้นต้องเตรียมตัวกันให้ดีในเรื่องต่างๆ ไม่ใช่ว่ารีบร้อนเกินเหตุ นี่คือเหตุผลหลัก ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีการดำเนินการไปมากพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดที่จะกำหนดวันที่จะพบปะกันได้ และอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ จะมีการพบปะกันของปลัดกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ เพื่อหารือในเรื่องการเตรียมความพร้อม ดังนั้นขออย่าเป็นกังวล” นายดอนกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวอ้างว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ติดประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (จี 20) จึงต้องยกเลิกการพบกันจริงหรือไม่ นายดอนปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง และเรื่องการประชุมจี 20 เป็นกำหนดการในส่วนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ชนกันแต่อย่างใด โดยการพบปะกันของผู้นำสองประเทศมี 2 ประเด็นหลัก คือเรื่องเนื้อหาสาระเพื่อให้การพบปะกันประสบความสำเร็จในมุมของทั้งสองฝ่าย และอีกเรื่องคือกำหนดเวลาที่ต้องมาจากความพร้อมของทั้งสองฝ่ายว่าสะดวกและว่างตอนไหน ไม่ได้ติดการประชุมจี 20 อย่างที่เป็นข่าว
เมื่อถามว่า สามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าการพบปะกันของผู้นำสองประเทศจะสามารถเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า พยายามอยู่ ซึ่งขึ้นอยู่ที่ว่าด้านต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต้องเตรียมความพร้อมถึงจุดที่มีความพร้อมสมบูรณ์แล้วหรือยัง เพราะเรื่องนี้ต้องพร้อมทั้งคู่ เพื่อเวลาพบกันจะได้สบายใจจากความพร้อมที่ได้เตรียมกันไว้ ตอนนี้เขาเองก็ยังมีหลายเรื่องที่ยังไม่พร้อมเช่นเดียวกับเรา และไม่ได้หมายความว่าพบกันครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วถือว่าจบ บางเรื่องไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง การต่างประเทศ เป็นเรื่องต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์สยามทาว์นยูเอส ได้เผยแพร่บทความหน้าสามเรื่อง ว่าที่ทูตอเมริกันประจำไทยคนใหม่ ซึ่งเขียนโดยสงวน คุ้มรุ่งโรจน์ (ไทยอีนิวส์) ระบุว่า พรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาโยกย้ายทูตอเมริกันทั่วโลกระลอกใหม่ ซึ่งในจำนวนนี้พรรคได้เสนอชื่อ มิเชลล์ ปาร์ค สตีล หรือชื่อเดิมพัค อึน-จู วัย 62 สมาชิกของคณะกรรมการบริหารออเรนจ์เคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย สังกัดรีพับลิกัน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชุมชนไทยให้ไปเป็นทูตคนนอกดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่ ต่อจากกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ซึ่งยังอยู่ไม่ถึงสองปี ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่ไม่เปิดเผย
บทความดังกล่าวยังระบุว่า ไม่นานมานี้ทรัมป์ได้แต่งตั้งเทอร์รี แบรนสเตด ผู้ว่าฯ รัฐไอโอวาซึ่งเป็นคนนอก ไปเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่งมาแล้ว ส่วนมิเชลล์ ปาร์ค สตีล นั้นเคยเป็นรองประธานกรรมาธิการด้านภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย ตลอดเวลาเธอทำหน้าที่ช่วยเหลือชุมชนไทยในหลายๆ ด้าน จนได้รับการขนานนามว่าเป็นนักการเมืองเพื่อชุมชน และมีชุมชนไทยเป็นฐานเสียงสำคัญ เพราะใกล้ชิดกับสังคมไทยมาก โดยเฉพาะคนไทยในนครลอสแองเจลิส
สยามทาว์นยูเอสยังระบุว่า มิเชลล์ ปาร์ค สตีล กล่าวเสมอว่า เป็นลูกครึ่งไทย-เกาหลีไปแล้ว รักคนไทย ชอบทานอาหารไทยรสเผ็ดๆ ซึ่งเธอได้สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชุมชนไทยตื่นตัวกับการเมือง มีตัวแทนในการเรียกร้องสิทธิผลประโยชน์เพื่อให้ชุมชนไทยแข็งแรงทัดเทียมกับชุมชนเกาหลี โดยเคยเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนไทย เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสภาหอการค้าไทยอเมริกันแห่งแคลิฟอร์เนีย รับฟังปัญหาต่างๆ และจัดเจ้าหน้าที่ให้การบริการทำภาษีประจำปีให้กับผู้มีรายได้น้อยของชุมชนไทยเป็นเวลากว่า 4 ปี และยังร่วมมือกับสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส ในการจัดตั้งสมาคมนวดแผนไทย
”มิเชลล์รับการศึกษาในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐ พูดภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น ได้อย่างคล่องแคล่ว บิดาเธอเกิดในมหานครเซี่ยงไฮ้ สามีของเธอ ฌอน สตีล วัย 71 นักการเมืองและทนายความสังกัดรีพับลิกัน ซึ่ง คีธ ฉัตรประภาชัย ผู้ช่วยของมิเชลล์บอกว่า เป็นหนึ่งในแกนนำของพรรครีพับลิกัน ซึ่งคณะกรรมการสรรหาตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของทรัมป์นั้น ล้วนเป็นคนที่มีความสนิทสนมกับคุณมิเชลล์ทั้งสิ้น มิเชลล์จึงมีสิทธิ์มากที่จะขอตำแหน่งสำคัญจากทรัมป์ได้ เพราะเธอได้ช่วยหาเสียงมาตั้งแต่เดือน พ.ค.2559 โดยเฉพาะตำแหน่งเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศไทย” สยามทาว์นยูเอสระบุ
ทั้งนี้ หากทรัมป์มีการเปลี่ยนเอกอัครราชทูตเป็นมิเชลล์จริง เธอจะเป็นผู้หญิงคนที่สองที่เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยอีกครั้ง โดยก่อนหน้าหน้านี้ก็มีนางคริสตี้ เอ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่ดำรงตำแหน่งก่อนนานกลิน เดวีส์
ขอบคุณไทยโพสต์ค่ะ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โอ้...เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะนายเนติ....ที่ทำให้เกิดการเปลี่บนแปลง