....จะเล่าให้ฟัง..
....ผมเคยเป็นคนที่มีความคิด และ ความสามารถพอใช้ได้เลยนะคุณ 5555 ( แอบคุยนิดนึง..)
สมัยเรียน ผมนี้เป็นทั้งผู้นำนักเรียน ประธานสี โรงเรียนส่งเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดความสามารถมากมายเลยล่ะ
ได้รับใบประกาศเกียรติคุณเยอะแยะเลย หลายคนคาดหวังว่า เมื่อโตขึ้นผมน่าจะมีอนาคตไกลเลยทีเดียว...
.....เมื่อวัยรุ่น ชีวิตผมก็เป็นเหมือนที่พี่ตูนได้กล่าวไว้ว่า ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน...
จะรอช้าอยู่ใย ผมชอบดนตรี ผมก็เลือกเดินทางสายดนตรี ผมเล่นดนตรีกลางคืนตั้งแต่หัวยังเกรียนๆ
...และวงผมธรรมดาที่ไหนเล่า ดังนะเธอ งานชุกมากเลย
สมัยนั้น ผมเล่นดนตรีกันตั้งแต่เที่ยงวันยันไปถึงตีสี่
สมัยนั้นเป็นยุคเรเนซองค์ของคนกลางคืน ผับปิดตีสี่ งานตรึม เงินตูม หญิงตรึม เฟี้ยวเงาะ..
....ที่สำคัญ ผมเป็นหัวหน้าวงนะคุณ ธรรมดาซะที่ใหน
หลังจากนั้น ชีวิตผมก็โลดแล่นอยุ่ในวงการดนตรีกลางคืน ทำวงนั้น ไปวงนี้ไปเรื่อย
ไม่ธรรมดาขนาดที่ งานเดโมเพลงของผม เข้าตาโปรดิวเซอร์เพลงค่ายใหญ่
ติดต่อเข้าไปสกรีนเทสต์ จนผ่าน เตรียมเป็นศิลปินเดี่ยวกับเค้าเลยนะฮับ..
....นี่ไม่รวม งานเขียน งานวาดการ์ตูนของผมที่ ได้ตีพิมพ์ จากหลายสำนักพิมพ์
ผมว่าผมก็พอจะใช้ได้กับเค้าเหมือนกันนะ...หุๆๆ
....แล้ววันนึง ใครจะรู้....
....เพราะความอยากเก่ง อยากทดลอง หรือความโง่....
ผมพลาดติดยา....ไอ้ที่เคยจะดี

หมด...
.....เมื่อหลุดพ้นจากวังวนของยาเสพติดมาได้ กว่าจะกลับมาเป็นผู้เป็นคน ใช้เวลาอยู่หลายปี
ผมนึกว่าทุกอย่าง มันจะต้องดีขึ้น .....แต่มันไม่ใช่
.....ผมได้รู้จักกับอาการของ โรค แพนิค (panic dissorder) หรือโรคตื่นตระหนก ติดตัวมาตั้งแต่นั้น
อาการมันเป็นยังไง
....เมื่อคุณเป็น คุณจะเหมือนคนที่กำลังจะขาดใจตาย เหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น เหงื่อออกมือ หน้าซีด ใจสั่น ใจเต้นแรง..
เหมือนคุณกำลังจะหัวใจวาย เหมือนคุณอยู่ในเฮือกสุดท้ายที่ต้องตาย เหมือนธาตุไฟคุณกำลังจะแตก คุณกำลังจะตายแน่นอน
ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่างเดียว...
..........และอาการทั้งหมดนี้ จะหายไปในทันที เมื่อ คุณไปถึงโรงพยาบาล
แค่คุณได้เห็นหน้าหมอ หรืออุ่นใจได้แล้วว่า คุณอยู่ใกล้หมอแล้ว อาการทั้งหมดจะหายไปเหมือนไม่มีอะไรใดๆเกิดขึ้น..
.....เมื่อตรวจร่างกาย ทุกอย่างก็ปกติดี แต่พอกลับบ้าน เมื่ออาการกำเริบ คุณก็ต้องรีบแจ้นกลับมาหาหมอ
และพยามที่จะเป็นโรคอะไรซักอย่างก็ได้ แต่ตรวจยังไงก็ปกติ จนคุณเหมือนคน

เรียกร้องความสนใจ
จนเวลาคุณอาการกำเริบ คุณก็ชักไม่แน่ใจ ว่าจะมาหาหมอดีมั้ย เพราะกลัวแค่จะคิดไปเอง
แต่สุดท้าย คนมันกลัวตาย มันก็ต้องมาหาหมออีกจนได้ แล้วก็ปกติทุกครั้งไป....
....ผมเข้าๆออกๆโรงพยาบาล จนหมอแนะนำว่า ผมอาจเป็นโรคแพนิค แนะนำให้ผมควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
จนผมได้มารักษาตัวที่โรงพยาบาลทางประสาท ก็เป๊ะเลย แพนิคจริงๆ...
....ผมกินยารักษาตัวมาเป็นสิบปี....
....ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวยา หรืออะไร....
......หลังๆ ผมเริ่มรู้สึกด้านชากับสิ่งรอบข้าง เพื่อนฝูง ผู้คน พ่อแม่พี่น้อง แฟน ผมเริ่มเฉยๆ
ผมเริ่มไม่อยากจะเจอ หรือพบหน้าใครๆ การปฏิสัมพันธ์ กับเพื่อนร่วมงานแต่ล่ะที่ ผมแย่ลงเรื่อยๆ
ไม่อยากทำอะไร หรือทำอะไรก็ไม่ได้ดี คิดอะไร หัวก็ตื้อไปหมด
....วันๆ ผมไม่อยากตื่น อยากนอนอยู่ทั้งวัน เสื้อผ้าหน้าผม ก็ไม่อยากจะสนใจ ปล่อยให้รก สกปรกอยู่อย่างนั้น
ไม่อยากจะเจอใคร ไม่อยากคุยกับใคร ผมแทบไม่เคยโทรหาใครเลย แม้แต่พ่อแม่
.....สิ่งที่ผมเคยทำได้ดี ผมทำไม่ได้เหมือนดั่งเดิม สมาธิสั้น กะจิตกะใจ มันไม่มีเลย มันรู้สึกไร้ค่า ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร
ในใจมันรู้สึกเศร้าอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเศร้าเรื่องอะไร แต่เหมือนกระแดะ มันเซ้นสิทีฟมาก
เดี๋ยวนี้ ดูหนังหรืออะไรเศร้าๆ มีน้ำตาไหล ร้องไห้ออกมาซะงั้น...
...กลัวคน ไม่กล้าจะคุยกับใคร ความมั่นใจในตัวเองไม่มีเหลือ จนทำอะไรเก้ๆกังๆ เหมือนงงงง ก่งก๊ง
จนโดนไล่ออกจากงานมาแล้วหลายที่
....เคยอยากตาย แต่โชคดี ที่เป็นแพนิคมาแล้วหลายครั้ง มันก็เลยไม่กล้าฆ่าตัวตาย เพราะมันกลัวเวลาจะตาย
ไม่อยากตาย แต่แค่ไม่อยากจะตื่น อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องรับรู้ความรุ้สึก
หรือตัวตนหายไปจากโลกนี้ ไม่มีตัวตนเลยยิ่งดี...
...ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่บางครั้ง ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าคิดอะไร มีหลายครั้งที่เหมือนโง่ๆ ประมาณว่า หยิบมีดมา มองมีด
แล้วก็งงว่าจะหยิบมาทำไม มียา เอายามากอง มองยา สักพักรู้สึกตัว ก็งงว่าจะมองยาทำไม กูจะทำอะไร งงตัวเอง..
....ชีวิตเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีใครที่เราต้องการเลย จุดหมายชีวิตคืออะไร หาไม่เจอ...
ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเดิน ไม่อยากทำอะไรเลย ....แล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไรหว่า...
.........เคยอ่านเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า คล้ายๆเลยนะ แต่ผมไม่ได้เศร้าอะไรเลยนะ แค่ดูหนังแล้วคงอินมั้ง น้ำตาไหลแค่นั้นเอง
แต่พ่อป่วย แม่เจ็บนี่ ผมกลับไม่รู้สึกรู้สา เพื่อนๆที่เราเคยสนิท แฟนๆที่เราเคยรัก เราไม่ยักกะห่วงใยเค้า
.....ผมเป็นอะไรของผม....
.....วันไหนที่มีสติ ผมก็จะพยามนั่งคิด แต่มันก็ได้แค่พักๆนึง
สักพัก สมองมันก็เอ๋อ เออเร่อ..
เหมือนวันนี้ จริงๆ อยากจะอธิบายมากกว่านี้ แต่รู้สึกเริ่มเอ๋ออีกแล้ว
เลยอยากถามหมอว่า...
......ผมเป็นอะไรครับหมอ....
หมอครับ...ผมเป็นอะไร...
....ผมเคยเป็นคนที่มีความคิด และ ความสามารถพอใช้ได้เลยนะคุณ 5555 ( แอบคุยนิดนึง..)
สมัยเรียน ผมนี้เป็นทั้งผู้นำนักเรียน ประธานสี โรงเรียนส่งเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดความสามารถมากมายเลยล่ะ
ได้รับใบประกาศเกียรติคุณเยอะแยะเลย หลายคนคาดหวังว่า เมื่อโตขึ้นผมน่าจะมีอนาคตไกลเลยทีเดียว...
.....เมื่อวัยรุ่น ชีวิตผมก็เป็นเหมือนที่พี่ตูนได้กล่าวไว้ว่า ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน...
จะรอช้าอยู่ใย ผมชอบดนตรี ผมก็เลือกเดินทางสายดนตรี ผมเล่นดนตรีกลางคืนตั้งแต่หัวยังเกรียนๆ
...และวงผมธรรมดาที่ไหนเล่า ดังนะเธอ งานชุกมากเลย
สมัยนั้น ผมเล่นดนตรีกันตั้งแต่เที่ยงวันยันไปถึงตีสี่
สมัยนั้นเป็นยุคเรเนซองค์ของคนกลางคืน ผับปิดตีสี่ งานตรึม เงินตูม หญิงตรึม เฟี้ยวเงาะ..
....ที่สำคัญ ผมเป็นหัวหน้าวงนะคุณ ธรรมดาซะที่ใหน
หลังจากนั้น ชีวิตผมก็โลดแล่นอยุ่ในวงการดนตรีกลางคืน ทำวงนั้น ไปวงนี้ไปเรื่อย
ไม่ธรรมดาขนาดที่ งานเดโมเพลงของผม เข้าตาโปรดิวเซอร์เพลงค่ายใหญ่
ติดต่อเข้าไปสกรีนเทสต์ จนผ่าน เตรียมเป็นศิลปินเดี่ยวกับเค้าเลยนะฮับ..
....นี่ไม่รวม งานเขียน งานวาดการ์ตูนของผมที่ ได้ตีพิมพ์ จากหลายสำนักพิมพ์
ผมว่าผมก็พอจะใช้ได้กับเค้าเหมือนกันนะ...หุๆๆ
....แล้ววันนึง ใครจะรู้....
....เพราะความอยากเก่ง อยากทดลอง หรือความโง่....
ผมพลาดติดยา....ไอ้ที่เคยจะดี
.....เมื่อหลุดพ้นจากวังวนของยาเสพติดมาได้ กว่าจะกลับมาเป็นผู้เป็นคน ใช้เวลาอยู่หลายปี
ผมนึกว่าทุกอย่าง มันจะต้องดีขึ้น .....แต่มันไม่ใช่
.....ผมได้รู้จักกับอาการของ โรค แพนิค (panic dissorder) หรือโรคตื่นตระหนก ติดตัวมาตั้งแต่นั้น
อาการมันเป็นยังไง
....เมื่อคุณเป็น คุณจะเหมือนคนที่กำลังจะขาดใจตาย เหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น เหงื่อออกมือ หน้าซีด ใจสั่น ใจเต้นแรง..
เหมือนคุณกำลังจะหัวใจวาย เหมือนคุณอยู่ในเฮือกสุดท้ายที่ต้องตาย เหมือนธาตุไฟคุณกำลังจะแตก คุณกำลังจะตายแน่นอน
ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่างเดียว...
..........และอาการทั้งหมดนี้ จะหายไปในทันที เมื่อ คุณไปถึงโรงพยาบาล
แค่คุณได้เห็นหน้าหมอ หรืออุ่นใจได้แล้วว่า คุณอยู่ใกล้หมอแล้ว อาการทั้งหมดจะหายไปเหมือนไม่มีอะไรใดๆเกิดขึ้น..
.....เมื่อตรวจร่างกาย ทุกอย่างก็ปกติดี แต่พอกลับบ้าน เมื่ออาการกำเริบ คุณก็ต้องรีบแจ้นกลับมาหาหมอ
และพยามที่จะเป็นโรคอะไรซักอย่างก็ได้ แต่ตรวจยังไงก็ปกติ จนคุณเหมือนคน
จนเวลาคุณอาการกำเริบ คุณก็ชักไม่แน่ใจ ว่าจะมาหาหมอดีมั้ย เพราะกลัวแค่จะคิดไปเอง
แต่สุดท้าย คนมันกลัวตาย มันก็ต้องมาหาหมออีกจนได้ แล้วก็ปกติทุกครั้งไป....
....ผมเข้าๆออกๆโรงพยาบาล จนหมอแนะนำว่า ผมอาจเป็นโรคแพนิค แนะนำให้ผมควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
จนผมได้มารักษาตัวที่โรงพยาบาลทางประสาท ก็เป๊ะเลย แพนิคจริงๆ...
....ผมกินยารักษาตัวมาเป็นสิบปี....
....ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวยา หรืออะไร....
......หลังๆ ผมเริ่มรู้สึกด้านชากับสิ่งรอบข้าง เพื่อนฝูง ผู้คน พ่อแม่พี่น้อง แฟน ผมเริ่มเฉยๆ
ผมเริ่มไม่อยากจะเจอ หรือพบหน้าใครๆ การปฏิสัมพันธ์ กับเพื่อนร่วมงานแต่ล่ะที่ ผมแย่ลงเรื่อยๆ
ไม่อยากทำอะไร หรือทำอะไรก็ไม่ได้ดี คิดอะไร หัวก็ตื้อไปหมด
....วันๆ ผมไม่อยากตื่น อยากนอนอยู่ทั้งวัน เสื้อผ้าหน้าผม ก็ไม่อยากจะสนใจ ปล่อยให้รก สกปรกอยู่อย่างนั้น
ไม่อยากจะเจอใคร ไม่อยากคุยกับใคร ผมแทบไม่เคยโทรหาใครเลย แม้แต่พ่อแม่
.....สิ่งที่ผมเคยทำได้ดี ผมทำไม่ได้เหมือนดั่งเดิม สมาธิสั้น กะจิตกะใจ มันไม่มีเลย มันรู้สึกไร้ค่า ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร
ในใจมันรู้สึกเศร้าอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเศร้าเรื่องอะไร แต่เหมือนกระแดะ มันเซ้นสิทีฟมาก
เดี๋ยวนี้ ดูหนังหรืออะไรเศร้าๆ มีน้ำตาไหล ร้องไห้ออกมาซะงั้น...
...กลัวคน ไม่กล้าจะคุยกับใคร ความมั่นใจในตัวเองไม่มีเหลือ จนทำอะไรเก้ๆกังๆ เหมือนงงงง ก่งก๊ง
จนโดนไล่ออกจากงานมาแล้วหลายที่
....เคยอยากตาย แต่โชคดี ที่เป็นแพนิคมาแล้วหลายครั้ง มันก็เลยไม่กล้าฆ่าตัวตาย เพราะมันกลัวเวลาจะตาย
ไม่อยากตาย แต่แค่ไม่อยากจะตื่น อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องรับรู้ความรุ้สึก
หรือตัวตนหายไปจากโลกนี้ ไม่มีตัวตนเลยยิ่งดี...
...ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่บางครั้ง ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าคิดอะไร มีหลายครั้งที่เหมือนโง่ๆ ประมาณว่า หยิบมีดมา มองมีด
แล้วก็งงว่าจะหยิบมาทำไม มียา เอายามากอง มองยา สักพักรู้สึกตัว ก็งงว่าจะมองยาทำไม กูจะทำอะไร งงตัวเอง..
....ชีวิตเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีใครที่เราต้องการเลย จุดหมายชีวิตคืออะไร หาไม่เจอ...
ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเดิน ไม่อยากทำอะไรเลย ....แล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไรหว่า...
.........เคยอ่านเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า คล้ายๆเลยนะ แต่ผมไม่ได้เศร้าอะไรเลยนะ แค่ดูหนังแล้วคงอินมั้ง น้ำตาไหลแค่นั้นเอง
แต่พ่อป่วย แม่เจ็บนี่ ผมกลับไม่รู้สึกรู้สา เพื่อนๆที่เราเคยสนิท แฟนๆที่เราเคยรัก เราไม่ยักกะห่วงใยเค้า
.....ผมเป็นอะไรของผม....
.....วันไหนที่มีสติ ผมก็จะพยามนั่งคิด แต่มันก็ได้แค่พักๆนึง
สักพัก สมองมันก็เอ๋อ เออเร่อ..
เหมือนวันนี้ จริงๆ อยากจะอธิบายมากกว่านี้ แต่รู้สึกเริ่มเอ๋ออีกแล้ว
เลยอยากถามหมอว่า...
......ผมเป็นอะไรครับหมอ....