ก่อนอื่นผมขอออกตัวก่อนนะครับว่าเรื่องต่อไปนี้ที่ผมจะเล่าเป็นเรื่องที่อิงจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองซึ่งได้มีการบิดเบือนและละเว้นข้อมูลบางส่วนเพื่อเป็นการรักษาความเป็นส่วนตัว-ความลับของผมและผู้ที่อยู่ในเรื่องครับ
ซึ่งก่อนที่ผมจะมาโพสท์เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ผมได้ขออนุญาตคู่กรณีของผมในเรื่อง หรือ "อ้น" เรียบร้อยแล้วครับ
ที่ผมอยากจะนำเรื่องนี้มาแบ่งปันส่วนหนึ่งก็เพื่อเก็บไว้เป็นกล่องความทรงจำสำหรับช่วงเวลาดีๆ และประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีจากความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ซึ่งไม่ได้หวานจนโลกเป็นสีชมพู ฟินจิกหมอนขนาดนั้น หรือดราม่าจนดาร์ค แต่ออกจะสีเทาๆ และสะท้อนความเห็นแก่ตัวของผมซะมากกว่า ซึ่งมันก็จริงเท่าที่จะจริงได้ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตคนๆ นึง
1.ผมเองชื่อก๊อตเป็นคนเชื้อสายจีน อยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิด อายุอยู่ในช่วงกลาง 20 ทำงานในสถานศึกษาแห่งหนึ่งมาได้ประมาณปีกว่าๆ
ผมเป็นโสดมาได้หลายปีแล้วล่ะครับไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาชอบผมหรือผมไม่อยากมีแฟนนะแต่ที่ผ่านมาคนที่เข้ามาหาก็ไม่ใช่สเป๊กผม ส่วนที่ผมไปชอบเค้าก็ไม่ชอบผมกลับจนเริ่มจะชินกับความเป็นโสดของตัวเองแล้วล่ะ เบื่อๆ ก็หากิจกรรมอะไรทำไปออกกำลังกาย เข้าฟิตเนสบ้าง ว่ายน้ำบ้าง
โสดไปโสดมาก็เริ่มขี้เกียจมองหาใครแล้วเหมือนกันนะ (ถึงจริงๆในใจจะรอใครสักคนนึงอยู่ตลอดก็ตามเถอะ)
ผมมักจะโดนเพื่อนของผมแซวอยู่เสมอว่าผมเลือกมากเลือกเยอะ ผมก็จะเถียงกลับไปว่า ก็เคยไม่เลือกมากแล้วมันก็ไปไม่รอดอยู่ดีนี่ทำไงได้ล่ะ ก็เป็นคนอย่างงี้นี่นา จนกระทั่งเช้าวันนั้นที่ผมได้พบกับเขาคนนั้นที่ทำให้ความรู้สึกในใจของผมเริ่มจะเปลี่ยนแปลงไป...
วันนั้นเป็นเช้าวันจันทร์ครับเป็นวันหยุดราชการด้วย แต่ที่ทำงานผมดั๊นไม่หยุด ปรากฏว่าพอผมโผล่หน้ามาตอน 9 โมงนั้น.... ฝ่ายผมเกือบ 10 คน โผล่หน้ามา.... 2 คนถ้วนไม่รวมผม ผมนึกในใจโอ้ จริงหรือนี่ เฮ้ออออ! เอาเถอะไหนๆ ก็มาแล้วบ่นไปก็ไม่เสร็จงาน ผมทักทายเพื่อนอีกสองคนพร้อมคว้าอุปกรณ์ต่างๆดูว่าต้องทำอะไรบ้าง และต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
ทันใดนั้นเขาคนนั้นก็เดินโผล่มาจากด้านหลังของเพื่อนในฝ่ายผม เขาตัวใหญ่กว่าผมนิดหน่อย ดูมีมาดเท่ห์ๆ นิดนึง แต่ก็ไม่ได้มากจนทำให้ดูเก๊ก ด้วยท่าทางที่ดูแข็งแรงกับอุปกรณ์ในมืออีกสองสามชิ้น พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมจ้องไม่วางตา แต่แล้วก็ต้องรีบหลบตาก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าผมคิดอะไร ผมหันกลับไปยิ้มให้เขาเบาๆ แล้วก็หันไปกระซิบถามเพื่อนในฝ่ายผมว่า "นี่ใครหรอ" เพื่อนผมก็รีบตอบมาว่า "อ๋อ เขาเป็นฟรีแลนซ์น่ะ พี่อีกคนนึงมาไม่ได้เลยวานให้รุ่นน้องเขามาช่วยงานแทน" ผมจึงหันไปยิ้มทักทาย แนะนำตัว "สวัสดีครับ ผมชื่อก๊อตครับ" เสียงที่ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มบอกว่า "ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ผมอ้นครับ"
วันนั้นเราทุกคนต่างก็ยุ่งกัน ผมก็ไม่แน่ใจว่าอะไรเหมือนกันที่ดึงดูดให้ผมจะต้องเข้าไปพูดคุยกับอ้นเสมอๆ เลยสินะ... นี่มาช่วยงานบ่อยมั้ย... ทำฟรีแลนซ์ที่ไหนยังไงมั่งหรอ... เอาน้ำมั้ยคอแห้งป่าว... มาช่วยยกของทางนี้หน่อยสิ... แล้วพอยิ่งคุย ก็ยิ่งคุยกันถูกคอ
จนถึงตอนเที่ยง ผมหยิบข้าวกล่องมากิน หันมาอีกทีก็หาอ้นไม่เจอแล้ว เอ หายไปไหนล่ะผมเลยเดินออกหาอ้น ว่าจะชวนกินข้าว พอผมเดินอ้อมหัวมุมไป เลยเห็นอ้นนั่งอยู่ตรงฟุตบาทข้างๆ หมาจรจัดตัวหนึ่งที่กำลังพยายามเลียน้ำที่เจิ่งอยู่ตรงพื้นอย่างยากลำบาก อ้นจึงช่วยหมาตัวนั้นโดยเทน้ำจากขวดใส่ถุงก๊อบแก๊บที่แผ่ไว้บนพื้น ผมนั่งลงข้างๆ แล้วก็ยื่นกล่องข้าวให้อ้น "ขอบคุณครับ" อ้นรับกล่องข้าวไว้แต่ก็หันไปเทน้ำให้หมาจรจัดเพิ่ม ผมเอ่ยปากไปว่า "ใจดีจังนะครับ" อ้นจึงตอบมาว่า "ครับเห็นแล้วสงสารมันน่ะ ผมอดช่วยไม่ได้ทุกที" อ้นก็ยังคอยเติมน้ำลงในถุงสลับกับกินข้าวกลางวันจนหมาตัวนั้นเดินจากไป ผมอดอมยิ้มไม่ได้กับภาพที่ผมเห็นระหว่างกินข้าวนั้น แล้วเราก็กลับไปลุยงานกันต่อ
เวลาล่วงเลยไปจนงานจะเสร็จ ผมอึกอักลังเลอยู่หลายรอบว่าจะขอคอนแทคอ้นดีไหม อ้นจะให้ไหม อ้นเขาจะชอบผู้ชายไหม คิดวนไปวนมาจนสุดท้ายเอาวะ เป็นไงเป็นกัน ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังคุยกันเสียงดังแล้วกัน จะได้ไม่เขิน "อ้นๆ ขอเฟสอ้นหน่อยสิ" อ้นส่งยิ้มใจดีกลับมาแล้วตอบว่า "ได้เลยเอามือถือมาสิ" พอแลกเฟสกันเสร็จผมจึงส่งสติ๊กเกอร์ไปทักทางเฟส อ้นส่งยิ้มให้ผม แล้วก็ขอตัวกลับบ้านก่อน
และนั่นก็คือวันแรกที่ผม ก๊อตได้เจอกับ อ้น ผู้ที่ทำให้ใจผมต้องหวั่นไหวอีกครั้ง
*มีต่อครับ
My memory box (ชาย-ชาย)
ซึ่งก่อนที่ผมจะมาโพสท์เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ผมได้ขออนุญาตคู่กรณีของผมในเรื่อง หรือ "อ้น" เรียบร้อยแล้วครับ
ที่ผมอยากจะนำเรื่องนี้มาแบ่งปันส่วนหนึ่งก็เพื่อเก็บไว้เป็นกล่องความทรงจำสำหรับช่วงเวลาดีๆ และประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีจากความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ซึ่งไม่ได้หวานจนโลกเป็นสีชมพู ฟินจิกหมอนขนาดนั้น หรือดราม่าจนดาร์ค แต่ออกจะสีเทาๆ และสะท้อนความเห็นแก่ตัวของผมซะมากกว่า ซึ่งมันก็จริงเท่าที่จะจริงได้ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตคนๆ นึง
1.ผมเองชื่อก๊อตเป็นคนเชื้อสายจีน อยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิด อายุอยู่ในช่วงกลาง 20 ทำงานในสถานศึกษาแห่งหนึ่งมาได้ประมาณปีกว่าๆ
ผมเป็นโสดมาได้หลายปีแล้วล่ะครับไม่ใช่ว่าไม่มีคนมาชอบผมหรือผมไม่อยากมีแฟนนะแต่ที่ผ่านมาคนที่เข้ามาหาก็ไม่ใช่สเป๊กผม ส่วนที่ผมไปชอบเค้าก็ไม่ชอบผมกลับจนเริ่มจะชินกับความเป็นโสดของตัวเองแล้วล่ะ เบื่อๆ ก็หากิจกรรมอะไรทำไปออกกำลังกาย เข้าฟิตเนสบ้าง ว่ายน้ำบ้าง
โสดไปโสดมาก็เริ่มขี้เกียจมองหาใครแล้วเหมือนกันนะ (ถึงจริงๆในใจจะรอใครสักคนนึงอยู่ตลอดก็ตามเถอะ)
ผมมักจะโดนเพื่อนของผมแซวอยู่เสมอว่าผมเลือกมากเลือกเยอะ ผมก็จะเถียงกลับไปว่า ก็เคยไม่เลือกมากแล้วมันก็ไปไม่รอดอยู่ดีนี่ทำไงได้ล่ะ ก็เป็นคนอย่างงี้นี่นา จนกระทั่งเช้าวันนั้นที่ผมได้พบกับเขาคนนั้นที่ทำให้ความรู้สึกในใจของผมเริ่มจะเปลี่ยนแปลงไป...
วันนั้นเป็นเช้าวันจันทร์ครับเป็นวันหยุดราชการด้วย แต่ที่ทำงานผมดั๊นไม่หยุด ปรากฏว่าพอผมโผล่หน้ามาตอน 9 โมงนั้น.... ฝ่ายผมเกือบ 10 คน โผล่หน้ามา.... 2 คนถ้วนไม่รวมผม ผมนึกในใจโอ้ จริงหรือนี่ เฮ้ออออ! เอาเถอะไหนๆ ก็มาแล้วบ่นไปก็ไม่เสร็จงาน ผมทักทายเพื่อนอีกสองคนพร้อมคว้าอุปกรณ์ต่างๆดูว่าต้องทำอะไรบ้าง และต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
ทันใดนั้นเขาคนนั้นก็เดินโผล่มาจากด้านหลังของเพื่อนในฝ่ายผม เขาตัวใหญ่กว่าผมนิดหน่อย ดูมีมาดเท่ห์ๆ นิดนึง แต่ก็ไม่ได้มากจนทำให้ดูเก๊ก ด้วยท่าทางที่ดูแข็งแรงกับอุปกรณ์ในมืออีกสองสามชิ้น พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมจ้องไม่วางตา แต่แล้วก็ต้องรีบหลบตาก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าผมคิดอะไร ผมหันกลับไปยิ้มให้เขาเบาๆ แล้วก็หันไปกระซิบถามเพื่อนในฝ่ายผมว่า "นี่ใครหรอ" เพื่อนผมก็รีบตอบมาว่า "อ๋อ เขาเป็นฟรีแลนซ์น่ะ พี่อีกคนนึงมาไม่ได้เลยวานให้รุ่นน้องเขามาช่วยงานแทน" ผมจึงหันไปยิ้มทักทาย แนะนำตัว "สวัสดีครับ ผมชื่อก๊อตครับ" เสียงที่ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มบอกว่า "ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ผมอ้นครับ"
วันนั้นเราทุกคนต่างก็ยุ่งกัน ผมก็ไม่แน่ใจว่าอะไรเหมือนกันที่ดึงดูดให้ผมจะต้องเข้าไปพูดคุยกับอ้นเสมอๆ เลยสินะ... นี่มาช่วยงานบ่อยมั้ย... ทำฟรีแลนซ์ที่ไหนยังไงมั่งหรอ... เอาน้ำมั้ยคอแห้งป่าว... มาช่วยยกของทางนี้หน่อยสิ... แล้วพอยิ่งคุย ก็ยิ่งคุยกันถูกคอ
จนถึงตอนเที่ยง ผมหยิบข้าวกล่องมากิน หันมาอีกทีก็หาอ้นไม่เจอแล้ว เอ หายไปไหนล่ะผมเลยเดินออกหาอ้น ว่าจะชวนกินข้าว พอผมเดินอ้อมหัวมุมไป เลยเห็นอ้นนั่งอยู่ตรงฟุตบาทข้างๆ หมาจรจัดตัวหนึ่งที่กำลังพยายามเลียน้ำที่เจิ่งอยู่ตรงพื้นอย่างยากลำบาก อ้นจึงช่วยหมาตัวนั้นโดยเทน้ำจากขวดใส่ถุงก๊อบแก๊บที่แผ่ไว้บนพื้น ผมนั่งลงข้างๆ แล้วก็ยื่นกล่องข้าวให้อ้น "ขอบคุณครับ" อ้นรับกล่องข้าวไว้แต่ก็หันไปเทน้ำให้หมาจรจัดเพิ่ม ผมเอ่ยปากไปว่า "ใจดีจังนะครับ" อ้นจึงตอบมาว่า "ครับเห็นแล้วสงสารมันน่ะ ผมอดช่วยไม่ได้ทุกที" อ้นก็ยังคอยเติมน้ำลงในถุงสลับกับกินข้าวกลางวันจนหมาตัวนั้นเดินจากไป ผมอดอมยิ้มไม่ได้กับภาพที่ผมเห็นระหว่างกินข้าวนั้น แล้วเราก็กลับไปลุยงานกันต่อ
เวลาล่วงเลยไปจนงานจะเสร็จ ผมอึกอักลังเลอยู่หลายรอบว่าจะขอคอนแทคอ้นดีไหม อ้นจะให้ไหม อ้นเขาจะชอบผู้ชายไหม คิดวนไปวนมาจนสุดท้ายเอาวะ เป็นไงเป็นกัน ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังคุยกันเสียงดังแล้วกัน จะได้ไม่เขิน "อ้นๆ ขอเฟสอ้นหน่อยสิ" อ้นส่งยิ้มใจดีกลับมาแล้วตอบว่า "ได้เลยเอามือถือมาสิ" พอแลกเฟสกันเสร็จผมจึงส่งสติ๊กเกอร์ไปทักทางเฟส อ้นส่งยิ้มให้ผม แล้วก็ขอตัวกลับบ้านก่อน
และนั่นก็คือวันแรกที่ผม ก๊อตได้เจอกับ อ้น ผู้ที่ทำให้ใจผมต้องหวั่นไหวอีกครั้ง
*มีต่อครับ