แค่ไซโคว่าอาจจะเกิดวิกฤต พวกขาเชียร์ อมหุ้นไว้ ก็กลัวกันจนลนลานแล้ว ถ้าเกิดขึ้นจริงคงมีโดดตึก เอาปืนไปจ่อที่ ตลท.

เมื่อถึงรอบวัฏจักรของมัน จะช้าหรือเร็ว ยังไงมันก็ต้องเกิด
กงล้อประวัติศาสตร์ ย่อมหมุนกลับทับรอยเดิม
ไม่มีมูล หมาไม่ขี้
อยู่ดีๆ คนที่เค้าทำงาน คนที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับด้านนี้
ทำไมถึงต้องออกมาพูดผ่านสื่อกันด้วย
ทั้งๆ ที่ผ่านมา ไม่เห็นมีใครจะสนใจเสียด้วยซ้ำ
เค้าออกมาพูดทำไม พูดแล้วไม่เป็นผลดีต่อตนเองด้วยซ้ำ แต่ก็ยอมออกมาพูด

ตอนที่เกิดแฮมเบอร์เกอร์ ไคซิส ก็มีคนออกมาเตือน
แต่ไม่มีใครเชื่อ แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง
คนที่ออกมาเตือน ก็ได้รับโนเบลไป

ทำไมปีนี้ นักลงทุนรายย่อย กับหลักทรัพย์ ถึงขาย แล้วไม่ซื้อกลับ ทั้งที่ปกติ นักลงทุนรายย่อย (เม่า) ต้องถือหุ้นกันมากกว่าขายเสียด้วยซ้ำ
ทำไมปีนี้ นักลงทุนต่างชาติ ถือหุ้นกันแค่หมื่นล้าน ทั้งที่ปกติต้องเป็นแสนล้าน
ทำไมอยู่ดีๆ ถึงต้องเก็บภาษีเพิ่มมากกว่าเดิม
ทำไมอยู่ดีๆ ถึงต้องออกมาตราการ ลดวงเงินเครดิต สกัดการก่อหนี้
ทำไมอยู่ดีๆ เอกชนที่เคยลงทุน กลับไม่ยอมลงทุน ทั้งๆ ที่ผ่านมาร่วม 3 ปี
ทำไมถึงเอาแต่บอกว่า นั่นดี นู่นดี แต่ความเป็นจริง มันตรงกันข้าม
ทำไมหลายๆ คน ถึงมาตั้งกระทู้ว่า ขายของไม่ดี โทษเศรษฐกิจว่าไม่ดี
รอบนี้ หากวิกฤตเกิดขึ้นจริง คนที่ออกมาเตือนออกสื่อ จะได้รับรางวัลอะไรกับเค้าบ้างไหม
ทำไม ทำไม แล้วก็ทำไม มีแต่ว่าทำไม