ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ แม่เราอารมณ์ร้อนมาก ส่วนเราเพิ่งรับรู้ว่าตัวเองเป็นซึมเศร้า
เริ่มจากตอนเด็กๆ แม่เราเลี้ยงเด็กไม่เป็น+งานยุ่ง ตัวเราจะต้องอยู่กับตาและยาย ถ้าตอนมืดๆแม่เลิกงานก็จะได้อยู่กับแม่ โดยที่แม่เราก็ไม่ได้สนใจธรรมชาติของเด็ก และเราก็เป็นเด็กที่จำเรื่องร้ายๆในชีวิตตัวเองติดตามาก ตั้งแต่ 1 ขวบครึ่งค่ะ
ตอนนั้นเราเพิ่งหัดเดินเลยเห่อเดินมากมั้งค่ะ จำได้แค่แม่จับเเขนเราพยานามขึ้นบันไดเอง แต่หลายรอบมากจนแม่ทนไม่ไหว ตะคอกใส่เราวัย1ขวบครึ่ง และทิ้งเราให้เดินลงมาเอง แน่นอนค่ะ เราตกบันไดจากชั้นสอง ลงมาที่ที่พักชั้น ประมาณ10ขั้นได้
พอเรา3ขวบ ยายเสียชีวิตค่ะ จุดเปลี่ยนในชีวิตเราเลย พอไม่กี่เดือนหลังจากงานศพยาย ตาป่วยหนัก เดินไม่ได้ แม่เราเครียดมากขึ้น พ่อเรามีเมียน้อย แม่รับภาระค่าใช้จ่ายคนเดียว
เราเหมือนเป็นลูกที่แย่ค่ะ ตอน 10 ขวบ ขอไปเที่ยวต่างประเทศ แม่สัญญาว่าถ้าปิดเทอมแล้วจะพาไป แต่แม่ไม่ให้ไป แถมตะคอกใส่ จากนั้นเราเลยเป็นเด็กที่ซีเรียสกับคำสัญญามากๆ พอโตอีกหน่อยก็มีเรื่องคำสัญญาที่แม่ผิดสัญญาบ่อยมากๆค่ะ
ตอนม.ต้น แม่จับได้ว่าพ่อมีเมียน้อย แม่อาละวาด เราเจ็บช้ำจากเหตุการณ์นั้น ถึงพ่อแม่จะกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่แม่กลายเป็นคนขี้ระแวง อารมณ์ร้อนค่ะ
ตอนเด็กๆเราเป็นเด็กมั่นใจในตัวเองมากๆ แต่มาประมาณมัธยม เป็นช่วงที่แม่ด่าเราหนักมาก ทะเลาะกันทุกวันค่ะ แม่จะตีค่าไปแล้วว่าเราแย่ เราเลว พอเราอธิบายว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น แม่จะบอกว่า ไม่ใช่ เราเป็นแบบที่แม่คิด
ผลการเรียนเราอยู่ในระดับดี(มั้ง) ไม่เคยได้เกรดต่ำว่า 3.9 ค่ะ เหมือนการเรียนเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เราทำได้ดี
เวลาปกติแม่เราใจดีมากกกกก แต่เวลาโมโหขึ้นมาเรานี่ทนไม่ไหวเลยค่ะ
มาพักยกตอนม.6 ที่เราต้องอ่านหนังสือหนักๆ แม่จะไม่ค่อยยุ่ง แต่พอคะแนนออกก็จะด่าว่าทำไมได้แค่นี้ เราเลยหว่านยื่นรับตรงไปหมด แค่อยากเห็นแม่ยิ้มให้เรา ให้แม่ชมเราบ้าง ในวันที่ผลการสอบออกในแต่ละมหาวิทยาลัย
จนสุดท้าย เราติดมหาวิทยาลัยที่แม่หวังให้เราติด เป็นมหาวิทยาลัยแถวสามย่านค่ะ เราคิดว่าชีวิตปิดเทอมเราคงดีละแหละ แต่ที่ไหนได้... เราโดนแม่ด่ามากขึ้นไปอีก แม่เครียดกับงาน เครียดเรื่องพ่อและโทรมาด่าเราทุกวัน ถ้าเจอเรานอน จะด่าชุดใหญ่เลยค่ะ ด่าแรงมาก จนเราพกมีดคัตเตอร์ใส่กระเป๋าทุกวัน เวลาแม่โทรมาด่าเราจะร้องไห้แล้วใช้มีดกรีดข้อมือตัวเองเป็นแนวตั้ง...
แย่ไปกว่านั้น เราพกยาพารา 1 กระปุกทุกวัน ถ้าวันไหนเราไม่มีค่า เราจะตายไปเลยแบบที่ไม่ต้องสั่งเสียหรือลาใคร
เราไม่ได้ทำเพราะเรียกร้องความสนใจ เพราะเราจะกรีดถี่แต่ว่ารอยกรีดไม่ยาวมากค่ะ เราพยายามใส่นาฬิกาหรือริชแบนเยอะๆปิดข้อมือข้างซ้ายไว้
** มันเหมือนกับเราเจ็บ เราอยากระบายใส่ใครซักคน แต่เราเถียงแม่ไม่ได้ เราทำร้ายแม่เราไม่ได้เพราะเราก็รักเค้าเกินกว่าที่จะทำเค้าเจ็บ สุดท้าย ทางออกในทางอารมณ์ของเราจึงแสดงออกมาในรูปการทำร้ายตัวเอง ความเจ็บปวดสื่อถึงว่าเรามีตัวตนค่ะ ในแง่ของเด็กแบบเรานะคะ
คำเจ็บๆคือทำไมเป็นแบบนี้ เลี้ยงผิดใช่มั้ย ต่อไปนี้อยู่ด้วยตัวเองไปละกัน บลาๆ
แม่จะคิดว่าเราติดเพื่อนมากกกก แต่เวลาอยู่กับเพื่อนเป็นเวลาเดียวที่เราไม่ร้องไห้ค่ะ
ไม่กี่เดือนก่อน เราแอบเข้าไปพบจิตแพทย์ ตอนที่ไปเฝ้าป้าที่โรงพยาบาล และหมอบอกว่าเราเป็นซึมเศร้าค่ะ เรามาบอกแม่ และแม่บอกว่าไม่ต้องไปรับยา ให้เราไปนั่งสมาธิ สวดมนต์ ไหว้พระบ่อยๆ เราเครียดมาก เราพยายามทำตามแม่ แต่ปรากฏว่าเราฟุ้งซ่านยิ่งกว่าเดิม อยู่ดีๆเราจะนั่งร้องไห้ โดยที่ไม่รู้ว่าร้องไห้เรื่องอะไร ถ้าแม่มาเห็นเราก็จะโดนตะคอกค่ะ เราพยายามขังตัวเองอยู่ในห้องนอน เพราะคิดว่าเป็นที่เดียวที่เราจะปลอดภัย แน่นอนว่าถ้าแม่กลับมาแล้วจะต้องร้องไห้อีกค่ะ
เราจะย้ายไปอยู่หอในเดือนสิงหานี้ และเราหวังว่ามันจะช่วยเยียวยาให้เรากลับเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและยิ้มง่ายอีกครั้งค่ะ ถ้าไม่ดี เราคงไปหาหมอแถวนั้นและออกค่ารักษาตัวเองเอง
มันคงโอเคกว่าการที่เราคิดเรื่องตายทุกวัน
แค่อยากระบายเฉยๆ พิมพ์ไปพิมพ์มา ยาวจนได้ TT
แม่อารมณ์ร้าย กับ ลูกซึมเศร้า
เริ่มจากตอนเด็กๆ แม่เราเลี้ยงเด็กไม่เป็น+งานยุ่ง ตัวเราจะต้องอยู่กับตาและยาย ถ้าตอนมืดๆแม่เลิกงานก็จะได้อยู่กับแม่ โดยที่แม่เราก็ไม่ได้สนใจธรรมชาติของเด็ก และเราก็เป็นเด็กที่จำเรื่องร้ายๆในชีวิตตัวเองติดตามาก ตั้งแต่ 1 ขวบครึ่งค่ะ
ตอนนั้นเราเพิ่งหัดเดินเลยเห่อเดินมากมั้งค่ะ จำได้แค่แม่จับเเขนเราพยานามขึ้นบันไดเอง แต่หลายรอบมากจนแม่ทนไม่ไหว ตะคอกใส่เราวัย1ขวบครึ่ง และทิ้งเราให้เดินลงมาเอง แน่นอนค่ะ เราตกบันไดจากชั้นสอง ลงมาที่ที่พักชั้น ประมาณ10ขั้นได้
พอเรา3ขวบ ยายเสียชีวิตค่ะ จุดเปลี่ยนในชีวิตเราเลย พอไม่กี่เดือนหลังจากงานศพยาย ตาป่วยหนัก เดินไม่ได้ แม่เราเครียดมากขึ้น พ่อเรามีเมียน้อย แม่รับภาระค่าใช้จ่ายคนเดียว
เราเหมือนเป็นลูกที่แย่ค่ะ ตอน 10 ขวบ ขอไปเที่ยวต่างประเทศ แม่สัญญาว่าถ้าปิดเทอมแล้วจะพาไป แต่แม่ไม่ให้ไป แถมตะคอกใส่ จากนั้นเราเลยเป็นเด็กที่ซีเรียสกับคำสัญญามากๆ พอโตอีกหน่อยก็มีเรื่องคำสัญญาที่แม่ผิดสัญญาบ่อยมากๆค่ะ
ตอนม.ต้น แม่จับได้ว่าพ่อมีเมียน้อย แม่อาละวาด เราเจ็บช้ำจากเหตุการณ์นั้น ถึงพ่อแม่จะกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่แม่กลายเป็นคนขี้ระแวง อารมณ์ร้อนค่ะ
ตอนเด็กๆเราเป็นเด็กมั่นใจในตัวเองมากๆ แต่มาประมาณมัธยม เป็นช่วงที่แม่ด่าเราหนักมาก ทะเลาะกันทุกวันค่ะ แม่จะตีค่าไปแล้วว่าเราแย่ เราเลว พอเราอธิบายว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น แม่จะบอกว่า ไม่ใช่ เราเป็นแบบที่แม่คิด
ผลการเรียนเราอยู่ในระดับดี(มั้ง) ไม่เคยได้เกรดต่ำว่า 3.9 ค่ะ เหมือนการเรียนเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เราทำได้ดี
เวลาปกติแม่เราใจดีมากกกกก แต่เวลาโมโหขึ้นมาเรานี่ทนไม่ไหวเลยค่ะ
มาพักยกตอนม.6 ที่เราต้องอ่านหนังสือหนักๆ แม่จะไม่ค่อยยุ่ง แต่พอคะแนนออกก็จะด่าว่าทำไมได้แค่นี้ เราเลยหว่านยื่นรับตรงไปหมด แค่อยากเห็นแม่ยิ้มให้เรา ให้แม่ชมเราบ้าง ในวันที่ผลการสอบออกในแต่ละมหาวิทยาลัย
จนสุดท้าย เราติดมหาวิทยาลัยที่แม่หวังให้เราติด เป็นมหาวิทยาลัยแถวสามย่านค่ะ เราคิดว่าชีวิตปิดเทอมเราคงดีละแหละ แต่ที่ไหนได้... เราโดนแม่ด่ามากขึ้นไปอีก แม่เครียดกับงาน เครียดเรื่องพ่อและโทรมาด่าเราทุกวัน ถ้าเจอเรานอน จะด่าชุดใหญ่เลยค่ะ ด่าแรงมาก จนเราพกมีดคัตเตอร์ใส่กระเป๋าทุกวัน เวลาแม่โทรมาด่าเราจะร้องไห้แล้วใช้มีดกรีดข้อมือตัวเองเป็นแนวตั้ง...
แย่ไปกว่านั้น เราพกยาพารา 1 กระปุกทุกวัน ถ้าวันไหนเราไม่มีค่า เราจะตายไปเลยแบบที่ไม่ต้องสั่งเสียหรือลาใคร
เราไม่ได้ทำเพราะเรียกร้องความสนใจ เพราะเราจะกรีดถี่แต่ว่ารอยกรีดไม่ยาวมากค่ะ เราพยายามใส่นาฬิกาหรือริชแบนเยอะๆปิดข้อมือข้างซ้ายไว้
** มันเหมือนกับเราเจ็บ เราอยากระบายใส่ใครซักคน แต่เราเถียงแม่ไม่ได้ เราทำร้ายแม่เราไม่ได้เพราะเราก็รักเค้าเกินกว่าที่จะทำเค้าเจ็บ สุดท้าย ทางออกในทางอารมณ์ของเราจึงแสดงออกมาในรูปการทำร้ายตัวเอง ความเจ็บปวดสื่อถึงว่าเรามีตัวตนค่ะ ในแง่ของเด็กแบบเรานะคะ
คำเจ็บๆคือทำไมเป็นแบบนี้ เลี้ยงผิดใช่มั้ย ต่อไปนี้อยู่ด้วยตัวเองไปละกัน บลาๆ
แม่จะคิดว่าเราติดเพื่อนมากกกก แต่เวลาอยู่กับเพื่อนเป็นเวลาเดียวที่เราไม่ร้องไห้ค่ะ
ไม่กี่เดือนก่อน เราแอบเข้าไปพบจิตแพทย์ ตอนที่ไปเฝ้าป้าที่โรงพยาบาล และหมอบอกว่าเราเป็นซึมเศร้าค่ะ เรามาบอกแม่ และแม่บอกว่าไม่ต้องไปรับยา ให้เราไปนั่งสมาธิ สวดมนต์ ไหว้พระบ่อยๆ เราเครียดมาก เราพยายามทำตามแม่ แต่ปรากฏว่าเราฟุ้งซ่านยิ่งกว่าเดิม อยู่ดีๆเราจะนั่งร้องไห้ โดยที่ไม่รู้ว่าร้องไห้เรื่องอะไร ถ้าแม่มาเห็นเราก็จะโดนตะคอกค่ะ เราพยายามขังตัวเองอยู่ในห้องนอน เพราะคิดว่าเป็นที่เดียวที่เราจะปลอดภัย แน่นอนว่าถ้าแม่กลับมาแล้วจะต้องร้องไห้อีกค่ะ
เราจะย้ายไปอยู่หอในเดือนสิงหานี้ และเราหวังว่ามันจะช่วยเยียวยาให้เรากลับเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและยิ้มง่ายอีกครั้งค่ะ ถ้าไม่ดี เราคงไปหาหมอแถวนั้นและออกค่ารักษาตัวเองเอง
มันคงโอเคกว่าการที่เราคิดเรื่องตายทุกวัน
แค่อยากระบายเฉยๆ พิมพ์ไปพิมพ์มา ยาวจนได้ TT