ในที่ทำงาน มีคนอยู่ 2 คนที่ใครๆก็ไม่อยากทำงานด้วย
คนหนึ่งเป็นคนปากร้าย เอาแต่ใจตัวเอง พอไม่ได้อย่างใจ ก็ว่าเพื่อนร่วมงานแรงๆ อีกคนก็อีโก้สูง ใครๆต้องให้ความสำคัญ จะให้ทำอะไรที ก็เยอะ....เรื่องมาก....เป็นที่เหนื่อยหน่ายไม่มีใครอยากจะร่วมงานด้วย
เรื่องของเรื่องคือ.. 2 คนที่ทุกคนเบ้ปาก เขาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมทุกปี
เวลาคนมาตำหนิพฤติกรรมของ 2 คนนี้ให้ฟัง ก็มักจะต่อด้วย... เข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้วทำไมยังเป็นอย่างนี้....
ฟังแล้วไม่สบายใจ..กลัวเขาจะไม่เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็พยายามเปรียบเทียบไปว่า...
เปรียบเหมือนนักเรียนเพิ่งแอดมิชชั่นติดคณะแพทย์
เดือนแรกเดินเข้ามหาวิทยาลัย เรียนวิชาแพทย์ทุกวัน หากมีคนมาขอให้ผ่าตัดหัวใจ
มันจะเป็นไปได้ไหม ก็เพิ่งเข้าเรียนเดือนเดียว ยังเรียนไม่ถึงไหนเลย
เข้าวัดปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน แต่ยากกว่า ตรงที่เราไม่รู้ว่าเขาเรียนรู้ถึงระดับไหน
เขาอาจจะสอบซ้ำชั้นปี 1 อยู่... จะคาดหวังให้เขาปล่อยวางอัตตา ลดละความโกรธ เปลี่ยนเป็นคนละคน
ก็เหมือนให้นิสิตแพทย์ปี 1 ผ่าตัดหัวใจ นั่นแหละ มันเป็นไปไม่ได้
แต่..เพื่อนก็มองหน้าเฉยเมย แล้วบอกว่า แสดงว่าปฏิบัติธรรมแล้วมันไม่เวิร์ค
เออ...ไม่เข้าใจอยู่นั่นแหละ
ทีนี้เวลาตัวเองไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมเลยไม่กล้าบอกใคร อ้างว่าลาไปเที่ยวพักผ่อน ไปอบรมสัมมนา ฯลฯ
กลัวเวลาเราขาดสติ ทำนิสัยไม่ดี (ยังเรียนไม่จบ รู้ตัว) คนจะว่าวัด ว่าแนวปฏิบัติของพระพุทธเจ้า มันปวดใจ...
เรามันศิษย์ด้อยปัญญา เรียนไม่เก่ง ไม่พากเพียรเอง ด่าเราดีกว่า แต่...เขาคงไม่เข้าใจ...
เฮ้อ...จะบอกกับคนที่คิดแบบนี้ยังไงดี...
จะอธิบายคนที่ตำหนิว่า คนเข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้วยังนิสัยไม่ดี ยังไงดี?
คนหนึ่งเป็นคนปากร้าย เอาแต่ใจตัวเอง พอไม่ได้อย่างใจ ก็ว่าเพื่อนร่วมงานแรงๆ อีกคนก็อีโก้สูง ใครๆต้องให้ความสำคัญ จะให้ทำอะไรที ก็เยอะ....เรื่องมาก....เป็นที่เหนื่อยหน่ายไม่มีใครอยากจะร่วมงานด้วย
เรื่องของเรื่องคือ.. 2 คนที่ทุกคนเบ้ปาก เขาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมทุกปี
เวลาคนมาตำหนิพฤติกรรมของ 2 คนนี้ให้ฟัง ก็มักจะต่อด้วย... เข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้วทำไมยังเป็นอย่างนี้....
ฟังแล้วไม่สบายใจ..กลัวเขาจะไม่เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็พยายามเปรียบเทียบไปว่า...
เปรียบเหมือนนักเรียนเพิ่งแอดมิชชั่นติดคณะแพทย์
เดือนแรกเดินเข้ามหาวิทยาลัย เรียนวิชาแพทย์ทุกวัน หากมีคนมาขอให้ผ่าตัดหัวใจ
มันจะเป็นไปได้ไหม ก็เพิ่งเข้าเรียนเดือนเดียว ยังเรียนไม่ถึงไหนเลย
เข้าวัดปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน แต่ยากกว่า ตรงที่เราไม่รู้ว่าเขาเรียนรู้ถึงระดับไหน
เขาอาจจะสอบซ้ำชั้นปี 1 อยู่... จะคาดหวังให้เขาปล่อยวางอัตตา ลดละความโกรธ เปลี่ยนเป็นคนละคน
ก็เหมือนให้นิสิตแพทย์ปี 1 ผ่าตัดหัวใจ นั่นแหละ มันเป็นไปไม่ได้
แต่..เพื่อนก็มองหน้าเฉยเมย แล้วบอกว่า แสดงว่าปฏิบัติธรรมแล้วมันไม่เวิร์ค
เออ...ไม่เข้าใจอยู่นั่นแหละ
ทีนี้เวลาตัวเองไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมเลยไม่กล้าบอกใคร อ้างว่าลาไปเที่ยวพักผ่อน ไปอบรมสัมมนา ฯลฯ
กลัวเวลาเราขาดสติ ทำนิสัยไม่ดี (ยังเรียนไม่จบ รู้ตัว) คนจะว่าวัด ว่าแนวปฏิบัติของพระพุทธเจ้า มันปวดใจ...
เรามันศิษย์ด้อยปัญญา เรียนไม่เก่ง ไม่พากเพียรเอง ด่าเราดีกว่า แต่...เขาคงไม่เข้าใจ...
เฮ้อ...จะบอกกับคนที่คิดแบบนี้ยังไงดี...