เล่าสู่กันฟังครับ ไม่ได้คุยโวโอ้อวดแต่ประการใด
คันที่ 1 Suzuki Flash
สมัยผมอยู่ ปวช ใช้ยันเรียนจบจนทำงาน เป็นรถมือสองที่โดนเค้าหลอกขายในราคา 15000 บาท ตอนนั้นแม่ซื้อให้
ผมได้ครูที่เป็นคนพิการขาลีบเดินไม่ได้สอนซ่อมนั่นนี่ โดยใช้รถคันนี้เป็นอาจารย์ใหญ่ ทำตั้งแต่งานสียันผ่าเครื่องกันเลยทีเดียว
ผมใช้รถคันนี้ทนสุดๆ ยกเว้นเรื่องขาสตาร์ทที่เฟืองมันรูดบ่อยจนต้องถอดทิ้งแล้วเวลาจะติดเครื่องต้องเข็นกระตุกๆ เอา แต่ติดเครื่องง่ายมาก
ผมใช้มันมาเกือบๆ สิบปี ยางแบนก็เข็นหนีแฟนเพราะกลัวเค้าอาย เค้าก็งงและวิ่งตามเราเพราะว่ากลัว เวลาเครื่องดับตอนติดไฟแดงก็กระตุกๆ เอา จนแฟนเอามาล้อและหัวเราะกันจนถึงทุกวันนี้
คันที่ 2 Honda Sonic
หลังจากที่เรียนจบและทำงานได้สามสี่เดือนก็มีเงินพอที่จะดาวน์คันนี้ได้ ผมก็ต้องรีบซื้อเพราะ Flash เริ่มจะงอแงและเข้าสู่ยุค 4 จังหวะครองมือแล้ว
จำได้ว่าช่วงนั้นเหมือนจะไม่มีรถสองจังหวะขายแล้ว ส่วนเจ้า Flash ก็โดนลูกน้องขอซื้อไปเพราะว่าไม่มีรถใช้ขี่มาทำงาน ด้วยความสงสารผมก็ขายให้ 2500 บาท แฟนผมก็เสียดายและอยากจะซื้อคืนมาเก็บไว้เพราะว่ารู้สึกผูกพันธ์มาก (สามสี่ปีต่อมารู้มาว่ามันขี่ไม่ได้แล้วจนต้องทิ้งเป็นเศษเหล็ก) Sonic คันนี้เป็นรถคันแรกที่ผมหาเงินซื้อมาด้วยตัวเอง ก็ใช้มาเกือบๆ แปดปี เลขไมล์วิ่งแค่ 45000 เพราะว่าเริ่มมีรถยนต์แล้ว ผมก็ขาย Sonic ไปเกือบๆสองปีที่แล้ว ในสภาพเดิมๆ ไม่มีแต่ง ไม่เคยล้มเลย ขายไปในราคา 14000 บาท
คันที่ 3 Toyota Yaris (โฉมเก่า ปี2006)
นี่เป็นรถยนต์คันแรกของผมและเมีย (แต่งงานกันแล้ว) ที่ร่วมกันหาเงินดาวน์มา คันนี้รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ที่ได้มีรถยนต์คันแรกกับเค้า ใจจริงผมอยากได้รถกระบะแต่แฟนไม่ชอบเพราะที่บ้านเธอก็มีแล้ว อยากได้ฟิลลิ่งขี่รถเก๋งว่างั้น จะเอาวิออสเธอก็ไม่ชอบ บอกว่าเกลื่อนแล้ว-บร๊ะ เรื่องมากจริง
พอใช้ๆไปก็พบว่ามีแต่คนหัวเราะและชอบถามว่าทำไมเอาคันนี้ ถึงแม้มันจะสวยงามแต่มันก็คันเล็กมากเมื่อเทียบกับหุ่นเราสองคน
กลับบ้านนอกทีจะพาพ่อแม่ไปไหนก็ไม่สะดวก นั่งเบียดๆกัน ก็เลยตัดสินใจขายเพื่อเทิร์นเอาคันที่ 4
คันที่ 4 Mitsubishi Pajero Sport (2009)
ตอนนี้ก็ยังใช้อยู่ เข้าปีที่เจ็ดแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านั้นเราพยายามจะมีลูกหลังจากแต่งงานกันมาสามสี่ปี
แต่ก็ไม่เป็นผล (ไม่เคยปรึกษาหมอนะครับ) ก็เลยคิดว่าเราไม่น่าจะมีทายาทแน่นอนแล้ว ก็เลยคิดว่าจะซื้อรถคันใหญ่ๆ
เพื่อที่จะขับไปเที่ยวสบายๆ พาพ่อแม่ญาติพี่น้องไปเที่ยวได้หลายๆคน ซึ่งตอนนี้เป็นอะไรที่ตัดสินใจยากมากระหว่างความพอเพียงกับกิเลส
ผมนั่งคิดนอนคิดหลายวันมาก หาข้อมูลนั่นนี่ ใจนึงก็กลัวเป็นหนี้ก้อนโต ใจนึงก็อยากได้ ตอนนี้ผมยังไม่ซื้อบ้านนะครับ (กลัวหลายๆอย่างซึ่งเป็นความ
ผิดพลาดอย่างมาก) คิดดูเอาว่าผมคิดมากจนไม่กินข้าวอร่อยน้ำหนักลดลงไปห้ากิโล จริงจริ๊ง ส่วนเหตุผลว่าทำไมผมตัดสินใจซื้อแบบเด็ดขาดจะเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ
หลังจากซื้อมานี่แหละครับ ชีวิตเปลี่ยนเลย สวรรค์ส่งลูกมาเกิดพร้อมกันกับหนี้ก้อนใหญ่เลย เรียกว่าเกิดมาพร้อมรถเลยก็ว่าได้ พอลูกสาวเกิดมาก็ไม่มีคนช่วยเลี้ยง แฟนผมต้องออกจากงาน ผมทำงานคนเดียว ก็ถูไถส่งรถมาเรื่อยๆ ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน แต่ขณะเดียวกันก็โครตมีความสุขเพราะลูกสาวก็โตมา
แบบว่านอนในรถกันเลยทีเดียว ผมก็เอาช่วงเวลานี้ไปชดเชยส่วนที่ขาดหายไปในวัยเด็กของผม และเพิ่มเติมประสบการณ์ให้ลูกด้วยการเที่ยวไปยังที่ต่างๆ
เรียกว่าอยู่ไม่ติดบ้าน (เช่า) กันเลยทีเดียว
คันที่ 5 Toyota Vios (2014)
คันนี้ซื้อมาและยังใช้อยู่ เข้าปีที่สองแล้ว เนื่องจากเราซื้อบ้านเพราะขี้เกียจตะลอนๆ เช่าแล้ว พอดีกับมีไอ้ตัวเล็กอีกคน ชีวิตก็เริ่มต้องใช้รถสองคันแล้วเพราะผมต้องขับรถไปทำงาน ส่วนแฟนก็ต้องเอาไว้ใช้ส่งลูกที่โรงเรียน ก็เลยต้องซื้อ ส่วนมอเตอร์ไซค์ Sonic ก็ขายไปเพราะไม่ค่อยได้ใช้
คันนี้ผมรู้สึกเฉยๆ เพราะข้างในมันแคบสำหรับครอบครัวผมถ้าไปไหนสี่คน แต่มันก็ประหยัดดี ใช้ง่ายๆ ไม่มีอะไรพิเศษเล๊ยยย แต่ไม่เคยงอแง
ใจก็ค่ำๆอยากเปลี่ยนคันใหม่ แต่ก็เริ่มมีภาระให้คิดพิจารณาดีๆแล้วก่อนที่ตัดสินใจเป็นหนี้อะไร
คันที่ 6 Kawasaki Versys-X 300
สาเหตุที่ต้องซื้อเพราะว่าต้องการความรวดเร็วกว่ารถยนต์เวลาไปส่งลูกที่โรงเรียน และเพื่อเอาไว้ใช้เวลาไปไหนใกล้ๆ
คันนี้ไม่ใช่ว่าอยากได้เพราะจำเป็นอย่างเดียว ที่อยากได้เพราะผมอยากจะทำอะไรเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองในช่วงวิกฤตวัยกลางคน
ผมก็ศึกษาอยู่นานกว่าจะตัดสินใจซื้อ ใจก็อยากได้แรงๆ เรียกว่า Big bike ได้เต็มปาก แต่สุดท้ายก็ต้องเอาเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมกับกระเป๋าตังค์
แต่ผมบอกเลยว่าผมโคตรมีความสุขที่ได้ขี่มันออกจากร้าน พอมาถึงบ้านผมนี่ต้องกอดต้องหอมแก้มเมียเพื่อขอบคุณที่อนุญาตและเข้าใจผม
ทุกวันนี้ผมแทบจะไม่ได้ใช้รถยนต์เลย ยกเว้นเมียต้องขับไปรับลูกๆ ที่โรงเรียน
ส่วนตอนเช้าน่ะเหรอครับ เด็กสองคนนั่นต้องแย่งกันกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์เลย ขอบใจกันมาก แค่นี้แหละชีวิต
คันที่ 7 ยังไม่มีแผน แต่อาจจะลดจำนวนรถยนต์ลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายและขึ้นอยู่กับเหตุผลในอนาคต
ที่พิมพ์มายืดยาวก็เพื่อจะบอกว่า คนเรามีเหตุผลหลายอย่างในการใช้ชีวิตและใช้รถ เราเป็นบุคคลภายนอกของชีวิตคนอื่น เราไม่อาจจะเอาเหตุผลของเราไปตัดสินการใช้ชีวิตของคนอื่นได้
สวัสดี ง่วงละครับ
คุณเป็นเจ้าของรถมาแล้วกี่คัน ผูกพันธ์กับมันอย่างไร
คันที่ 1 Suzuki Flash
สมัยผมอยู่ ปวช ใช้ยันเรียนจบจนทำงาน เป็นรถมือสองที่โดนเค้าหลอกขายในราคา 15000 บาท ตอนนั้นแม่ซื้อให้
ผมได้ครูที่เป็นคนพิการขาลีบเดินไม่ได้สอนซ่อมนั่นนี่ โดยใช้รถคันนี้เป็นอาจารย์ใหญ่ ทำตั้งแต่งานสียันผ่าเครื่องกันเลยทีเดียว
ผมใช้รถคันนี้ทนสุดๆ ยกเว้นเรื่องขาสตาร์ทที่เฟืองมันรูดบ่อยจนต้องถอดทิ้งแล้วเวลาจะติดเครื่องต้องเข็นกระตุกๆ เอา แต่ติดเครื่องง่ายมาก
ผมใช้มันมาเกือบๆ สิบปี ยางแบนก็เข็นหนีแฟนเพราะกลัวเค้าอาย เค้าก็งงและวิ่งตามเราเพราะว่ากลัว เวลาเครื่องดับตอนติดไฟแดงก็กระตุกๆ เอา จนแฟนเอามาล้อและหัวเราะกันจนถึงทุกวันนี้
คันที่ 2 Honda Sonic
หลังจากที่เรียนจบและทำงานได้สามสี่เดือนก็มีเงินพอที่จะดาวน์คันนี้ได้ ผมก็ต้องรีบซื้อเพราะ Flash เริ่มจะงอแงและเข้าสู่ยุค 4 จังหวะครองมือแล้ว
จำได้ว่าช่วงนั้นเหมือนจะไม่มีรถสองจังหวะขายแล้ว ส่วนเจ้า Flash ก็โดนลูกน้องขอซื้อไปเพราะว่าไม่มีรถใช้ขี่มาทำงาน ด้วยความสงสารผมก็ขายให้ 2500 บาท แฟนผมก็เสียดายและอยากจะซื้อคืนมาเก็บไว้เพราะว่ารู้สึกผูกพันธ์มาก (สามสี่ปีต่อมารู้มาว่ามันขี่ไม่ได้แล้วจนต้องทิ้งเป็นเศษเหล็ก) Sonic คันนี้เป็นรถคันแรกที่ผมหาเงินซื้อมาด้วยตัวเอง ก็ใช้มาเกือบๆ แปดปี เลขไมล์วิ่งแค่ 45000 เพราะว่าเริ่มมีรถยนต์แล้ว ผมก็ขาย Sonic ไปเกือบๆสองปีที่แล้ว ในสภาพเดิมๆ ไม่มีแต่ง ไม่เคยล้มเลย ขายไปในราคา 14000 บาท
คันที่ 3 Toyota Yaris (โฉมเก่า ปี2006)
นี่เป็นรถยนต์คันแรกของผมและเมีย (แต่งงานกันแล้ว) ที่ร่วมกันหาเงินดาวน์มา คันนี้รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ที่ได้มีรถยนต์คันแรกกับเค้า ใจจริงผมอยากได้รถกระบะแต่แฟนไม่ชอบเพราะที่บ้านเธอก็มีแล้ว อยากได้ฟิลลิ่งขี่รถเก๋งว่างั้น จะเอาวิออสเธอก็ไม่ชอบ บอกว่าเกลื่อนแล้ว-บร๊ะ เรื่องมากจริง
พอใช้ๆไปก็พบว่ามีแต่คนหัวเราะและชอบถามว่าทำไมเอาคันนี้ ถึงแม้มันจะสวยงามแต่มันก็คันเล็กมากเมื่อเทียบกับหุ่นเราสองคน
กลับบ้านนอกทีจะพาพ่อแม่ไปไหนก็ไม่สะดวก นั่งเบียดๆกัน ก็เลยตัดสินใจขายเพื่อเทิร์นเอาคันที่ 4
คันที่ 4 Mitsubishi Pajero Sport (2009)
ตอนนี้ก็ยังใช้อยู่ เข้าปีที่เจ็ดแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านั้นเราพยายามจะมีลูกหลังจากแต่งงานกันมาสามสี่ปี
แต่ก็ไม่เป็นผล (ไม่เคยปรึกษาหมอนะครับ) ก็เลยคิดว่าเราไม่น่าจะมีทายาทแน่นอนแล้ว ก็เลยคิดว่าจะซื้อรถคันใหญ่ๆ
เพื่อที่จะขับไปเที่ยวสบายๆ พาพ่อแม่ญาติพี่น้องไปเที่ยวได้หลายๆคน ซึ่งตอนนี้เป็นอะไรที่ตัดสินใจยากมากระหว่างความพอเพียงกับกิเลส
ผมนั่งคิดนอนคิดหลายวันมาก หาข้อมูลนั่นนี่ ใจนึงก็กลัวเป็นหนี้ก้อนโต ใจนึงก็อยากได้ ตอนนี้ผมยังไม่ซื้อบ้านนะครับ (กลัวหลายๆอย่างซึ่งเป็นความ
ผิดพลาดอย่างมาก) คิดดูเอาว่าผมคิดมากจนไม่กินข้าวอร่อยน้ำหนักลดลงไปห้ากิโล จริงจริ๊ง ส่วนเหตุผลว่าทำไมผมตัดสินใจซื้อแบบเด็ดขาดจะเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ
หลังจากซื้อมานี่แหละครับ ชีวิตเปลี่ยนเลย สวรรค์ส่งลูกมาเกิดพร้อมกันกับหนี้ก้อนใหญ่เลย เรียกว่าเกิดมาพร้อมรถเลยก็ว่าได้ พอลูกสาวเกิดมาก็ไม่มีคนช่วยเลี้ยง แฟนผมต้องออกจากงาน ผมทำงานคนเดียว ก็ถูไถส่งรถมาเรื่อยๆ ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน แต่ขณะเดียวกันก็โครตมีความสุขเพราะลูกสาวก็โตมา
แบบว่านอนในรถกันเลยทีเดียว ผมก็เอาช่วงเวลานี้ไปชดเชยส่วนที่ขาดหายไปในวัยเด็กของผม และเพิ่มเติมประสบการณ์ให้ลูกด้วยการเที่ยวไปยังที่ต่างๆ
เรียกว่าอยู่ไม่ติดบ้าน (เช่า) กันเลยทีเดียว
คันที่ 5 Toyota Vios (2014)
คันนี้ซื้อมาและยังใช้อยู่ เข้าปีที่สองแล้ว เนื่องจากเราซื้อบ้านเพราะขี้เกียจตะลอนๆ เช่าแล้ว พอดีกับมีไอ้ตัวเล็กอีกคน ชีวิตก็เริ่มต้องใช้รถสองคันแล้วเพราะผมต้องขับรถไปทำงาน ส่วนแฟนก็ต้องเอาไว้ใช้ส่งลูกที่โรงเรียน ก็เลยต้องซื้อ ส่วนมอเตอร์ไซค์ Sonic ก็ขายไปเพราะไม่ค่อยได้ใช้
คันนี้ผมรู้สึกเฉยๆ เพราะข้างในมันแคบสำหรับครอบครัวผมถ้าไปไหนสี่คน แต่มันก็ประหยัดดี ใช้ง่ายๆ ไม่มีอะไรพิเศษเล๊ยยย แต่ไม่เคยงอแง
ใจก็ค่ำๆอยากเปลี่ยนคันใหม่ แต่ก็เริ่มมีภาระให้คิดพิจารณาดีๆแล้วก่อนที่ตัดสินใจเป็นหนี้อะไร
คันที่ 6 Kawasaki Versys-X 300
สาเหตุที่ต้องซื้อเพราะว่าต้องการความรวดเร็วกว่ารถยนต์เวลาไปส่งลูกที่โรงเรียน และเพื่อเอาไว้ใช้เวลาไปไหนใกล้ๆ
คันนี้ไม่ใช่ว่าอยากได้เพราะจำเป็นอย่างเดียว ที่อยากได้เพราะผมอยากจะทำอะไรเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองในช่วงวิกฤตวัยกลางคน
ผมก็ศึกษาอยู่นานกว่าจะตัดสินใจซื้อ ใจก็อยากได้แรงๆ เรียกว่า Big bike ได้เต็มปาก แต่สุดท้ายก็ต้องเอาเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมกับกระเป๋าตังค์
แต่ผมบอกเลยว่าผมโคตรมีความสุขที่ได้ขี่มันออกจากร้าน พอมาถึงบ้านผมนี่ต้องกอดต้องหอมแก้มเมียเพื่อขอบคุณที่อนุญาตและเข้าใจผม
ทุกวันนี้ผมแทบจะไม่ได้ใช้รถยนต์เลย ยกเว้นเมียต้องขับไปรับลูกๆ ที่โรงเรียน
ส่วนตอนเช้าน่ะเหรอครับ เด็กสองคนนั่นต้องแย่งกันกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์เลย ขอบใจกันมาก แค่นี้แหละชีวิต
คันที่ 7 ยังไม่มีแผน แต่อาจจะลดจำนวนรถยนต์ลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายและขึ้นอยู่กับเหตุผลในอนาคต
ที่พิมพ์มายืดยาวก็เพื่อจะบอกว่า คนเรามีเหตุผลหลายอย่างในการใช้ชีวิตและใช้รถ เราเป็นบุคคลภายนอกของชีวิตคนอื่น เราไม่อาจจะเอาเหตุผลของเราไปตัดสินการใช้ชีวิตของคนอื่นได้
สวัสดี ง่วงละครับ