[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/36532443
บทที่ 3 ขอเก็บภาพโค้ชได้ไหม ?
“คาราเมลมัคคิอาโต้ของคุณลูกค้าได้แล้วครับ”
เสียงพนักงานขานชื่อเครื่องดื่มพร้อมวางกาแฟที่เพิ่งทำเสร็จบนเคาน์เตอร์ โดยบังเหียนคอยมองเป็นระยะ และเมื่อลูกค้ารับเครื่องดื่มแก้วนั้นไปแล้ว เขาจึงดูนาฬิกาข้อมือก่อนเดินเข้าหลังร้าน พอเห็นคณินทร์กำลังนั่งทำความสะอาดกล้องถ่ายรูปอย่างขะมักเขม้น เขาจึงถามด้วยความแปลกใจ
“ทำอะไรน่ะ?”
“ทำความสะอาดกล้องครับ” ลูกน้องรูปหล่อตอบสั้นๆ มือยังคงสาละวนอยู่กับกล้องถ่ายรูป บังเหียนจึงเดินเข้าไปใกล้อีกนิด
“วันนี้คุณไม่ไปฝึกว่ายน้ำหรือ” ที่ถามเพราะรู้ดีว่าลองคณินทร์พกกล้องคู่ใจมาทำงาน พอออกกะ เป็นต้องตะลอนไปทั่วเพื่อเก็บภาพทิวทัศน์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ถูกใจ บาริสต้าหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ
“ไปสิครับ”
“แล้วคุณพกกล้องมาด้วยทำไม?” ผู้จัดการร้านถาม คณินทร์ชะงักมือ หยุดคิด นั่นสิ วันนี้เขาต้องไปฝึกว่ายน้ำนี่นา แล้วจะเอากล้องมาเพื่อ ?
ภาพท่วงท่าการว่ายน้ำอันงดงามของโทยะ ผุดขึ้นมาในหัวทันที
เขาเคยเห็นนักกีฬาว่ายน้ำจากการแข่งขันที่ถ่ายทอดทางทีวี แต่ละคนก็มักจะมีหน้าตาดี มีรูปร่างสมส่วน ลีลาของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ไม่มีใครว่ายได้งามจับตาอย่างโตยธร
ท่าผีเสื้อนั่น มันคือปลาโลมาชัดๆ
ความคิดนั้นทำให้ชายหนุ่มเผลออมยิ้มโดยไม่รู้ตัว ทำให้บังเหียนยิ่งแปลกใจหนักขึ้นไปอีก
“ยิ้มแบบนี้ไปเจอสาวที่ไหนถูกใจมาละสิ”
คณินทร์หุบปากฉับ ส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน “ไม่มีหรอกครับพี่”
ถ้าเป็นคนอื่น ผู้จัดการร้านคงไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่พอเป็นคำพูดจากลูกน้องที่เป็นคนตรงไปตรงมา เขาจึงผงกศีรษะ ก่อนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
“ว่ายได้แค่ไหนแล้วล่ะ พอจะสู้คนอื่นได้หรือยัง”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ลงสระเลยครับ” คณินทร์ตอบไปตามตรง บังเหียนเบิกตาโพลง
“ห๊ะ! ยังไม่ได้ลงน้ำ” เขาพูดเสียงดัง “นี่มันห้าวันแล้วนะโว้ย ไอ้โทยะมันมัวทำอะไรอยู่ จริงสิ มันไม่ค่อยอยากสอนคุณเท่าไหร่นี่หว่า แบบนี้ต้องโทร.ไปด่ากันหน่อยแล้ว”
ไม่พูดเปล่ายังทำท่าจะดึงมือถือขึ้นมา คณินทร์เลยรีบห้าม
“ใจเย็นพี่ โค้ชเขาต้องการให้ผมปรับสภาพร่างกายก่อนครับ” ชายหนุ่มให้เหตุผล ฝ่ายผู้จัดการจึงชะงัก มองหน้าเขม็งคล้ายไมค่อยเชื่อ
“จริงดิ”
“จริงครับ ผมไม่ได้ว่ายน้ำมาเป็นสิบปี ร่างกายเลยไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ โค้ชเลยสั่งให้ออกกำลังกายจนกว่ากล้ามเนื้อจะอยู่ตัว”
เพราะเป็นคนพูดน้อย แต่พอหลุดปากออกมาแต่ละครั้งคนฟังจึงเชื่อทุกคำที่คณินทร์อธิบาย บังเหียนพยักหน้าช้าๆ อย่างคล้อยตาม
“งั้นเหรอ แต่เหลือเวลาเรียนแค่สองวันเองนะ”
“ครับ ผมคิดว่าจะลงเรียนต่อ แต่พี่ไม่ต้องช่วยแล้วนะครับ” บาริสต้าหนุ่มพูดด้วยความเกรงใจ เพราะค่าเรียนแต่ละคอร์สไม่ใช่ถูกๆ ขณะเดียวกันเงินเดือนของบาริสต้าเองก็ไม่ได้มากมายอะไร ผู้จัดการร้านจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“จะไหวเหรอ”
“ไหวครับ” คณินทร์ตอบด้วยความมั่นใจ ที่จริงแล้วเขามีความลับที่ไม่เคยบอกคนในที่ทำงานเลยว่า เขามีรายได้จากการขายภาพในเพจของตัวเองด้วย ซึ่งบางรูปมีราคาเกินครึ่งของเงินเดือน เมื่อลูกน้องขอเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง บังเหียนจึงไม่ขัดใจ
“ก็แล้วแต่คุณนะ” เขาพูดเรียบๆ ก่อนยกนาฬิกาขึ้นมาดู “สี่โมงกว่าแล้ว ไปเถอะ”
“ครับ” คณินทร์รับคำพลางเก็บกล้องใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวังก่อนจะใส่ลงไปในเป้อีกที กล่าวลาลูกพี่แล้วชายหนุ่มจึงนั่งรถไฟฟ้าไปยังจุดหมาย เมื่อถึงแล้วและยังไม่ได้เวลาเรียนเขาจึงนั่งมองคนเล่นน้ำอยู่ครู่หนึ่ง จึงเห็นโทยะในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวแบบพนักงานบริษัทเดินเข้าไปห้องติดต่อ-สอบถาม เขามองเป้ของตัวเองพลางนึกถึงสิ่งที่พกมาด้วย สระว่ายน้ำส่วนบุคคลแบบนี้ขืนถือกล้องถ่ายรูปเดินทะเร่อทะร่าไปมา มีหวังถูกไล่หรือไม่ก็โดนจับข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ดังนั้นเขาควรขออนุญาตกันตรงๆ ก่อน ได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที
คิดแล้วบาริสต้าหนุ่มจึงเดินตรงไปยังห้องติดต่อ พอเห็นแววตากับโตยธรกำลังสนทนากัน เขาจึงส่งยิ้มให้ หญิงสาวรีบยิ้มตอบพร้อมกับถามเสียงหวาน
“มีอะไรหรือคะคุณคณินทร์”
เธอพยายามเอียงคอเพื่อให้ดูน่ารัก ขณะที่โตยธรยืนกอดอกตีหน้าบูดแต่ไม่พูดอะไรออกมา ถึงจะพอรู้ว่าแท้จริงแล้วคนตรงหน้าใจดีกว่าที่คิด แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นครูฝึกและท่าทางที่ดูเหมือนพร้อมจะหักเขาให้เป็นสองท่อนได้ตลอดเวลาทำให้บาริสต้าหนุ่มจำต้องเอ่ยทัก
“สวัสดีครับโค้ช” น้ำเสียงนุ่ม ละมุนละไมอย่างที่ตัวคนพูดเองยังแปลกใจ โตยธรยังคงไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ กิริยาของโค้ชหนุ่มสร้างความกดดันต่อคณินทร์จนทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก แววตาจึงเรียก
“คุณคณินทร์คะ”
“ครับ” ชายหนุ่มขานรับก่อนหันไปหาเธอ สมองประมวลประโยคที่ฟังดูเหมาะสมก่อนพูดออกมา “เอ่อ...คือว่าผมมีปัญหาเรื่องน้ำนิดหน่อย เลยอยากจะขอบันทึกภาพการว่ายน้ำเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ”
แววตาขมวดคิ้วนั่งอึ้งเหมือนคิดไม่ถึงว่าจะมีใครเข้ามาขอเรื่องพรรค์นี้ในสระว่ายน้ำ ส่วนโทยะจ้องด้วยสายตาแสดงความไม่ชอบใจ
“อย่ามาหาข้ออ้างดีกว่า บอกมาตรงๆเลยว่าคุณจะถ่ายรูปสาวๆ ในชุดว่ายน้ำเอาไปดูเล่น ฮี! โรคจิต”
คณินทร์หน้าถอดสีและรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่นะครับ” เขาหันไปทางแววตาที่ทำหน้าไม่ต่างจากโตยธร “ผมไม่ได้จะเดินถือกล้องถ่ายทุกคน แค่โค้ชโทยะคนเดียวเท่านั้นครับแล้วก็เป็นสระด้านในที่ไม่มีคนอื่น ผมอยากได้รูปเพื่อสร้างแรงบันดาลใจจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
ถึงจะไม่ได้เป็นคนรู้จักกันอย่างบังเหียน แต่จากสองสามวันที่คุยกันทำให้โตยธรพอจะรู้ว่า ศิษย์ผิวแทนรูปหล่อคนนี้เป็นพวกมีนิสัยไม่ช่างพูด คำอธิบายดังกล่าวคือการแสดงเจตนาอันบริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวกับความลามกหรือโรคจิตอย่างที่คิด แต่มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องเป็นนายแบบจำเป็นด้วย ถ้าเกิดหมอนี่ถ่ายรูปออกมาไม่ดีหรือมีภาพน่าเกลียดหลุดออกไป ภาพพจน์ที่อุตส่าห์สร้างไว้คงพังพินาศ
“ทำไมถึงต้องเป็นผม” โตยธรถามออกไปตามตรง คณินทร์หันมาส่งยิ้มละลายใจให้
“คุณเป็นโค้ชของผมครับ”
เออ เหตุผลง่ายดีนะ โค้ชหนุ่มคิดก่อนจะหันไปทางแววตา ซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะปฏิเสธหรืออนุญาตดี ที่นี่เป็นสระว่ายน้ำ จะบอกว่าเป็นที่ส่วนบุคคลทีเดียวก็ไม่เต็มปากนัก เพราะมีบางคนพกสมาร์ตโฟนไปเซลฟี่ตัวเองริมสระ แต่การที่จะให้ใครถือกล้องเดินไปมานั้นดูไม่เหมาะสักเท่าไหร่
“คุณจะถ่ายตอนผมสอนเด็กไม่ได้นะ”
“ผมบอกแล้วไงครับว่า แค่โค้ชคนเดียว” บาริสต้าหนุ่มพูดตอบกลับทันที โตยธรหันไปมองแววตาแวบหนึ่งก่อนหันกลับมาที่เขาอีกครั้ง
“งั้นก็ได้ แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า อย่าเอารูปผมไปโพสต์ลงเน็ตอย่างเด็ดขาด ถ้าเจอผมจะจับคุณยัดตู้ล็อกเกอร์แล้วโยนลงแม่น้ำเจ้าพระยา”
“ครับ” ขานรับด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มดีใจแต้มตรงมุมปาก โตยธรจ้องเขม็งอย่างคาดโทษก่อนคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้อง คณินทร์มองตามจนอีกฝ่ายพ้นไปแล้วจึงหันมาถามหญิงสาวด้วยความสงสัย
“ผมคิดว่าโค้ชโทยะสอนประจำที่นี่”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณโทยะเป็นครูฝึกพิเศษ มาสอนแค่วันละหนึ่งหรือสองชั่วโมง แต่เห็นแบบนี้ลูกศิษย์รอต่อคิวขอเรียนกับคุณโทยะยาวยิ่งกว่าคิวเอ็มเคอีกนะคะ ก็แหม โค้ชระดับนักกีฬาเหรียญทองแถมยังรูปหล่ออีกต่างหาก แววเองยังอยากเรียนด้วยเลย”
นักกีฬาเหรียญทอง! คณินทร์ร้องในใจก่อนถาม “โค้ชโทยะนามสุกลอะไรหรือครับ”
“กุลโรจน์ค่ะ” แววตาซึ่งทำหน้างง กับคำถามให้คำตอบ ซึ่งพอได้ยินแล้ว บาริสต้าหนุ่มต้องใจเต้น
โตยธร กุลโรจน์ นักกีฬาว่ายน้ำที่คว้าเหรียญทองมาแล้วทั้งในและต่างประเทศคนนั้นเองหรือ ตอนได้ยินชื่อทีแรก เขาเองยังรู้สึกคุ้นหู แต่เพราะไม่ได้ติดตามข่าวอย่างจริงจัง และไม่คิดว่านักกีฬาชื่อดังจะมาเป็นโค้ชสอนเด็กเลยไม่นึกเอะใจ งั้นก็หมายความว่าโตยธรเป็นดาวเด่นของที่นี่น่ะสิ มิน่าล่ะ ถึงได้มีสิทธิในการตัดสินใจรับคนเข้าเรียน และสามารถอนุญาตให้เขาพกกล้องเข้าไปในสระว่ายน้ำได้
“ถึงคุณโทยะจะอนุญาต คุณคณินทร์ก็ต้องระวังหน่อยนะคะ อย่าให้คนอื่นเห็นกล้องเป็นอันขาด เดี๋ยวสมาชิกจะเข้าใจผิดคิดว่าโดนถ่ายรูปไปขายในเน็ต”
แววตาซึ่งเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่พูดไม่จาเอ่ยปากเตือน บาริสต้าหนุ่มจึงยิ้มพร้อมกับกล่าวรับคำ
“ครับ”
เขาฉวยเป้พาดบ่าเดินไปเปลี่ยนชุด จากนั้นจึงหิ้วกระเป๋ากล้องมานั่งดูโทยะที่กำลังสอนเด็กๆ ตรงเก้าอี้ห่างจากสระพอควร เสียงหัวเราะอันสดใสของศิษย์ตัวน้อยยามได้ยินคำพูดหยอกเล่นของโค้ชทำให้ร่างกายที่คอยจะเกร็งตอนเห็นน้ำในสระผ่อนคลายลง ยิ่งเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างใจดีของโทยะด้วยแล้ว มันทำให้คณินทร์รู้สึกสุขใจขึ้นมาอย่างประหลาด ดีเหลือเกินที่เขากลับมาเรียนว่ายน้ำอีกครั้ง หากเป็นไปได้เขาอยากมานั่งตรงนี้ เฝ้ามองโตยธรเงียบๆ ทุกวัน ถึงแม้จะโดนดุบ้างแต่ทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดล้วนมาจากความหวังดี
ระหว่างที่นั่งดู มือก็กำกระเป๋าใส่กล้องแน่น บาริสต้าหนุ่มพยายามข่มใจบังคับไม่ให้ตัวเองหยิบมันขึ้นมาบันทึกอิริยาบถที่ดูเป็นธรรมชาติของโตยธร โดยบอกตัวเองซ้ำๆ ว่า อดทนรออีกนิด พอสอนเสร็จโค้ชของเขาก็จะมาเป็นนายแบบให้
โค้ชของเขา
คณินทร์ใจเต้นกับประโยคนั้น เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนโตยธรมีความสำคัญ และเป็นของเขาเพียงคนเดียว ถึงจะแค่หนึ่งชั่วโมง แต่ทุกนาทีที่มองหน้า ทุกคำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมา มันกลับสร้างความแช่มชื่น ทำให้ชีวิตที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสีเดียวกันของเขา สดใสขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ จากที่ไม่ชอบหน้าในตอนแรก เวลานี้ชายหนุ่มอยากเห็นหน้าโทยะทุกวัน อยากให้มีความรู้สึกแบบนี้ตลอดไป ความคิดนี้ทำให้คณินทร์เผลอยิ้มอย่างมีความสุข แต่เมื่อนึกได้ว่า พรุ่งนี้เขาจะได้เรียนกับโตยธรเป็นวันสุดท้าย รอยยิ้มนั้นก็มลาย
ถึงจะบอกกับบังเหียนว่าเขาจะเรียนต่อ แต่ก็ใช่ว่าจะได้โทยะเป็นคนสอน จากที่ได้ยินโค้ชคนนี้มีคิวยาว และที่ยอมมาดูแลเขาก็เพราะเป็นคำขอร้องของผู้จัดการ หากครั้งหน้าเขาลงเรียนต่อแล้วไม่ได้โตยธรเป็นโค้ช ก็คงหมดหวังในเรื่องการกลับมาว่ายน้ำได้อีก
“คณินทร์”
บาริสต้าหนุ่มรู้สึกเหมือนแว่วเสียงใครสักคนกำลังเรียก แต่ตอนนี้เขากำลังจมดิ่งอยู่กับความกังวล เลยไม่ได้สนใจ ทำให้ผู้เรียกเพิ่มระดับความดังมากขึ้นอีกหลายเดซิเบล
“คณินทร์!!!”
ได้ผลเพราะครั้งนี้ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว พอหันไปมองต้นเสียง ก็เห็นโตยธรกำลังยืนกอดอกทำหน้าบูดจนปากยื่น
“โค้ช”
“ใจลอยไปไหน ผมเรียกตั้งหลายครั้ง เสียเวลาเป็นบ้า”
บ่นอุบอิบเป็นหมีกินผึ้งแถมยังยืนหน้าง้ำ น่าแปลกที่คณินทร์กลับมองว่ามันเป็นท่าทางที่น่ารักจนเขาอยากจะบันทึกภาพเก็บเอาไว้
“ผมกำลังตั้งสมาธิอยู่ครับ”
ชายหนุ่มตอบสั้นๆ อีกฝ่ายลดสายตาลงมองมือที่จับสายกระเป๋าสะพายกล้องไว้แน่น และมุ่นคิ้วก่อนเลื่อนขึ้นมองหน้า
“ตั้งสมาธิหรือวางแผนส่องสาวกันแน่”
พูดเสียงกระด้างพลางมองเขม็งอย่างจ้องจับผิด แต่พอเห็นคณินทร์มองกลับมาด้วยดวงตาแสนซื่อหากมีประกายบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ลึกๆ ทำให้โตยธรเกิดความประหม่าจนต้องเบนหน้าหนีไปทางอื่น
“ผมบอกแล้วไงครับว่า จะถ่ายแค่โค้ชคนเดียว”
ภารกิจพิชิตใจโค้ช (yaoi) บทที่ 3 ขอเก็บภาพโค้ชได้ไหม
บทที่ 3 ขอเก็บภาพโค้ชได้ไหม ?
“คาราเมลมัคคิอาโต้ของคุณลูกค้าได้แล้วครับ”
เสียงพนักงานขานชื่อเครื่องดื่มพร้อมวางกาแฟที่เพิ่งทำเสร็จบนเคาน์เตอร์ โดยบังเหียนคอยมองเป็นระยะ และเมื่อลูกค้ารับเครื่องดื่มแก้วนั้นไปแล้ว เขาจึงดูนาฬิกาข้อมือก่อนเดินเข้าหลังร้าน พอเห็นคณินทร์กำลังนั่งทำความสะอาดกล้องถ่ายรูปอย่างขะมักเขม้น เขาจึงถามด้วยความแปลกใจ
“ทำอะไรน่ะ?”
“ทำความสะอาดกล้องครับ” ลูกน้องรูปหล่อตอบสั้นๆ มือยังคงสาละวนอยู่กับกล้องถ่ายรูป บังเหียนจึงเดินเข้าไปใกล้อีกนิด
“วันนี้คุณไม่ไปฝึกว่ายน้ำหรือ” ที่ถามเพราะรู้ดีว่าลองคณินทร์พกกล้องคู่ใจมาทำงาน พอออกกะ เป็นต้องตะลอนไปทั่วเพื่อเก็บภาพทิวทัศน์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ถูกใจ บาริสต้าหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ
“ไปสิครับ”
“แล้วคุณพกกล้องมาด้วยทำไม?” ผู้จัดการร้านถาม คณินทร์ชะงักมือ หยุดคิด นั่นสิ วันนี้เขาต้องไปฝึกว่ายน้ำนี่นา แล้วจะเอากล้องมาเพื่อ ?
ภาพท่วงท่าการว่ายน้ำอันงดงามของโทยะ ผุดขึ้นมาในหัวทันที
เขาเคยเห็นนักกีฬาว่ายน้ำจากการแข่งขันที่ถ่ายทอดทางทีวี แต่ละคนก็มักจะมีหน้าตาดี มีรูปร่างสมส่วน ลีลาของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป แต่ไม่มีใครว่ายได้งามจับตาอย่างโตยธร
ท่าผีเสื้อนั่น มันคือปลาโลมาชัดๆ
ความคิดนั้นทำให้ชายหนุ่มเผลออมยิ้มโดยไม่รู้ตัว ทำให้บังเหียนยิ่งแปลกใจหนักขึ้นไปอีก
“ยิ้มแบบนี้ไปเจอสาวที่ไหนถูกใจมาละสิ”
คณินทร์หุบปากฉับ ส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน “ไม่มีหรอกครับพี่”
ถ้าเป็นคนอื่น ผู้จัดการร้านคงไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่พอเป็นคำพูดจากลูกน้องที่เป็นคนตรงไปตรงมา เขาจึงผงกศีรษะ ก่อนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
“ว่ายได้แค่ไหนแล้วล่ะ พอจะสู้คนอื่นได้หรือยัง”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ลงสระเลยครับ” คณินทร์ตอบไปตามตรง บังเหียนเบิกตาโพลง
“ห๊ะ! ยังไม่ได้ลงน้ำ” เขาพูดเสียงดัง “นี่มันห้าวันแล้วนะโว้ย ไอ้โทยะมันมัวทำอะไรอยู่ จริงสิ มันไม่ค่อยอยากสอนคุณเท่าไหร่นี่หว่า แบบนี้ต้องโทร.ไปด่ากันหน่อยแล้ว”
ไม่พูดเปล่ายังทำท่าจะดึงมือถือขึ้นมา คณินทร์เลยรีบห้าม
“ใจเย็นพี่ โค้ชเขาต้องการให้ผมปรับสภาพร่างกายก่อนครับ” ชายหนุ่มให้เหตุผล ฝ่ายผู้จัดการจึงชะงัก มองหน้าเขม็งคล้ายไมค่อยเชื่อ
“จริงดิ”
“จริงครับ ผมไม่ได้ว่ายน้ำมาเป็นสิบปี ร่างกายเลยไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ โค้ชเลยสั่งให้ออกกำลังกายจนกว่ากล้ามเนื้อจะอยู่ตัว”
เพราะเป็นคนพูดน้อย แต่พอหลุดปากออกมาแต่ละครั้งคนฟังจึงเชื่อทุกคำที่คณินทร์อธิบาย บังเหียนพยักหน้าช้าๆ อย่างคล้อยตาม
“งั้นเหรอ แต่เหลือเวลาเรียนแค่สองวันเองนะ”
“ครับ ผมคิดว่าจะลงเรียนต่อ แต่พี่ไม่ต้องช่วยแล้วนะครับ” บาริสต้าหนุ่มพูดด้วยความเกรงใจ เพราะค่าเรียนแต่ละคอร์สไม่ใช่ถูกๆ ขณะเดียวกันเงินเดือนของบาริสต้าเองก็ไม่ได้มากมายอะไร ผู้จัดการร้านจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“จะไหวเหรอ”
“ไหวครับ” คณินทร์ตอบด้วยความมั่นใจ ที่จริงแล้วเขามีความลับที่ไม่เคยบอกคนในที่ทำงานเลยว่า เขามีรายได้จากการขายภาพในเพจของตัวเองด้วย ซึ่งบางรูปมีราคาเกินครึ่งของเงินเดือน เมื่อลูกน้องขอเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง บังเหียนจึงไม่ขัดใจ
“ก็แล้วแต่คุณนะ” เขาพูดเรียบๆ ก่อนยกนาฬิกาขึ้นมาดู “สี่โมงกว่าแล้ว ไปเถอะ”
“ครับ” คณินทร์รับคำพลางเก็บกล้องใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวังก่อนจะใส่ลงไปในเป้อีกที กล่าวลาลูกพี่แล้วชายหนุ่มจึงนั่งรถไฟฟ้าไปยังจุดหมาย เมื่อถึงแล้วและยังไม่ได้เวลาเรียนเขาจึงนั่งมองคนเล่นน้ำอยู่ครู่หนึ่ง จึงเห็นโทยะในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวแบบพนักงานบริษัทเดินเข้าไปห้องติดต่อ-สอบถาม เขามองเป้ของตัวเองพลางนึกถึงสิ่งที่พกมาด้วย สระว่ายน้ำส่วนบุคคลแบบนี้ขืนถือกล้องถ่ายรูปเดินทะเร่อทะร่าไปมา มีหวังถูกไล่หรือไม่ก็โดนจับข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ดังนั้นเขาควรขออนุญาตกันตรงๆ ก่อน ได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที
คิดแล้วบาริสต้าหนุ่มจึงเดินตรงไปยังห้องติดต่อ พอเห็นแววตากับโตยธรกำลังสนทนากัน เขาจึงส่งยิ้มให้ หญิงสาวรีบยิ้มตอบพร้อมกับถามเสียงหวาน
“มีอะไรหรือคะคุณคณินทร์”
เธอพยายามเอียงคอเพื่อให้ดูน่ารัก ขณะที่โตยธรยืนกอดอกตีหน้าบูดแต่ไม่พูดอะไรออกมา ถึงจะพอรู้ว่าแท้จริงแล้วคนตรงหน้าใจดีกว่าที่คิด แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นครูฝึกและท่าทางที่ดูเหมือนพร้อมจะหักเขาให้เป็นสองท่อนได้ตลอดเวลาทำให้บาริสต้าหนุ่มจำต้องเอ่ยทัก
“สวัสดีครับโค้ช” น้ำเสียงนุ่ม ละมุนละไมอย่างที่ตัวคนพูดเองยังแปลกใจ โตยธรยังคงไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ กิริยาของโค้ชหนุ่มสร้างความกดดันต่อคณินทร์จนทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก แววตาจึงเรียก
“คุณคณินทร์คะ”
“ครับ” ชายหนุ่มขานรับก่อนหันไปหาเธอ สมองประมวลประโยคที่ฟังดูเหมาะสมก่อนพูดออกมา “เอ่อ...คือว่าผมมีปัญหาเรื่องน้ำนิดหน่อย เลยอยากจะขอบันทึกภาพการว่ายน้ำเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ”
แววตาขมวดคิ้วนั่งอึ้งเหมือนคิดไม่ถึงว่าจะมีใครเข้ามาขอเรื่องพรรค์นี้ในสระว่ายน้ำ ส่วนโทยะจ้องด้วยสายตาแสดงความไม่ชอบใจ
“อย่ามาหาข้ออ้างดีกว่า บอกมาตรงๆเลยว่าคุณจะถ่ายรูปสาวๆ ในชุดว่ายน้ำเอาไปดูเล่น ฮี! โรคจิต”
คณินทร์หน้าถอดสีและรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่นะครับ” เขาหันไปทางแววตาที่ทำหน้าไม่ต่างจากโตยธร “ผมไม่ได้จะเดินถือกล้องถ่ายทุกคน แค่โค้ชโทยะคนเดียวเท่านั้นครับแล้วก็เป็นสระด้านในที่ไม่มีคนอื่น ผมอยากได้รูปเพื่อสร้างแรงบันดาลใจจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
ถึงจะไม่ได้เป็นคนรู้จักกันอย่างบังเหียน แต่จากสองสามวันที่คุยกันทำให้โตยธรพอจะรู้ว่า ศิษย์ผิวแทนรูปหล่อคนนี้เป็นพวกมีนิสัยไม่ช่างพูด คำอธิบายดังกล่าวคือการแสดงเจตนาอันบริสุทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวกับความลามกหรือโรคจิตอย่างที่คิด แต่มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องเป็นนายแบบจำเป็นด้วย ถ้าเกิดหมอนี่ถ่ายรูปออกมาไม่ดีหรือมีภาพน่าเกลียดหลุดออกไป ภาพพจน์ที่อุตส่าห์สร้างไว้คงพังพินาศ
“ทำไมถึงต้องเป็นผม” โตยธรถามออกไปตามตรง คณินทร์หันมาส่งยิ้มละลายใจให้
“คุณเป็นโค้ชของผมครับ”
เออ เหตุผลง่ายดีนะ โค้ชหนุ่มคิดก่อนจะหันไปทางแววตา ซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะปฏิเสธหรืออนุญาตดี ที่นี่เป็นสระว่ายน้ำ จะบอกว่าเป็นที่ส่วนบุคคลทีเดียวก็ไม่เต็มปากนัก เพราะมีบางคนพกสมาร์ตโฟนไปเซลฟี่ตัวเองริมสระ แต่การที่จะให้ใครถือกล้องเดินไปมานั้นดูไม่เหมาะสักเท่าไหร่
“คุณจะถ่ายตอนผมสอนเด็กไม่ได้นะ”
“ผมบอกแล้วไงครับว่า แค่โค้ชคนเดียว” บาริสต้าหนุ่มพูดตอบกลับทันที โตยธรหันไปมองแววตาแวบหนึ่งก่อนหันกลับมาที่เขาอีกครั้ง
“งั้นก็ได้ แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า อย่าเอารูปผมไปโพสต์ลงเน็ตอย่างเด็ดขาด ถ้าเจอผมจะจับคุณยัดตู้ล็อกเกอร์แล้วโยนลงแม่น้ำเจ้าพระยา”
“ครับ” ขานรับด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มดีใจแต้มตรงมุมปาก โตยธรจ้องเขม็งอย่างคาดโทษก่อนคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้อง คณินทร์มองตามจนอีกฝ่ายพ้นไปแล้วจึงหันมาถามหญิงสาวด้วยความสงสัย
“ผมคิดว่าโค้ชโทยะสอนประจำที่นี่”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณโทยะเป็นครูฝึกพิเศษ มาสอนแค่วันละหนึ่งหรือสองชั่วโมง แต่เห็นแบบนี้ลูกศิษย์รอต่อคิวขอเรียนกับคุณโทยะยาวยิ่งกว่าคิวเอ็มเคอีกนะคะ ก็แหม โค้ชระดับนักกีฬาเหรียญทองแถมยังรูปหล่ออีกต่างหาก แววเองยังอยากเรียนด้วยเลย”
นักกีฬาเหรียญทอง! คณินทร์ร้องในใจก่อนถาม “โค้ชโทยะนามสุกลอะไรหรือครับ”
“กุลโรจน์ค่ะ” แววตาซึ่งทำหน้างง กับคำถามให้คำตอบ ซึ่งพอได้ยินแล้ว บาริสต้าหนุ่มต้องใจเต้น
โตยธร กุลโรจน์ นักกีฬาว่ายน้ำที่คว้าเหรียญทองมาแล้วทั้งในและต่างประเทศคนนั้นเองหรือ ตอนได้ยินชื่อทีแรก เขาเองยังรู้สึกคุ้นหู แต่เพราะไม่ได้ติดตามข่าวอย่างจริงจัง และไม่คิดว่านักกีฬาชื่อดังจะมาเป็นโค้ชสอนเด็กเลยไม่นึกเอะใจ งั้นก็หมายความว่าโตยธรเป็นดาวเด่นของที่นี่น่ะสิ มิน่าล่ะ ถึงได้มีสิทธิในการตัดสินใจรับคนเข้าเรียน และสามารถอนุญาตให้เขาพกกล้องเข้าไปในสระว่ายน้ำได้
“ถึงคุณโทยะจะอนุญาต คุณคณินทร์ก็ต้องระวังหน่อยนะคะ อย่าให้คนอื่นเห็นกล้องเป็นอันขาด เดี๋ยวสมาชิกจะเข้าใจผิดคิดว่าโดนถ่ายรูปไปขายในเน็ต”
แววตาซึ่งเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่พูดไม่จาเอ่ยปากเตือน บาริสต้าหนุ่มจึงยิ้มพร้อมกับกล่าวรับคำ
“ครับ”
เขาฉวยเป้พาดบ่าเดินไปเปลี่ยนชุด จากนั้นจึงหิ้วกระเป๋ากล้องมานั่งดูโทยะที่กำลังสอนเด็กๆ ตรงเก้าอี้ห่างจากสระพอควร เสียงหัวเราะอันสดใสของศิษย์ตัวน้อยยามได้ยินคำพูดหยอกเล่นของโค้ชทำให้ร่างกายที่คอยจะเกร็งตอนเห็นน้ำในสระผ่อนคลายลง ยิ่งเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างใจดีของโทยะด้วยแล้ว มันทำให้คณินทร์รู้สึกสุขใจขึ้นมาอย่างประหลาด ดีเหลือเกินที่เขากลับมาเรียนว่ายน้ำอีกครั้ง หากเป็นไปได้เขาอยากมานั่งตรงนี้ เฝ้ามองโตยธรเงียบๆ ทุกวัน ถึงแม้จะโดนดุบ้างแต่ทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดล้วนมาจากความหวังดี
ระหว่างที่นั่งดู มือก็กำกระเป๋าใส่กล้องแน่น บาริสต้าหนุ่มพยายามข่มใจบังคับไม่ให้ตัวเองหยิบมันขึ้นมาบันทึกอิริยาบถที่ดูเป็นธรรมชาติของโตยธร โดยบอกตัวเองซ้ำๆ ว่า อดทนรออีกนิด พอสอนเสร็จโค้ชของเขาก็จะมาเป็นนายแบบให้
โค้ชของเขา
คณินทร์ใจเต้นกับประโยคนั้น เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนโตยธรมีความสำคัญ และเป็นของเขาเพียงคนเดียว ถึงจะแค่หนึ่งชั่วโมง แต่ทุกนาทีที่มองหน้า ทุกคำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมา มันกลับสร้างความแช่มชื่น ทำให้ชีวิตที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสีเดียวกันของเขา สดใสขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ จากที่ไม่ชอบหน้าในตอนแรก เวลานี้ชายหนุ่มอยากเห็นหน้าโทยะทุกวัน อยากให้มีความรู้สึกแบบนี้ตลอดไป ความคิดนี้ทำให้คณินทร์เผลอยิ้มอย่างมีความสุข แต่เมื่อนึกได้ว่า พรุ่งนี้เขาจะได้เรียนกับโตยธรเป็นวันสุดท้าย รอยยิ้มนั้นก็มลาย
ถึงจะบอกกับบังเหียนว่าเขาจะเรียนต่อ แต่ก็ใช่ว่าจะได้โทยะเป็นคนสอน จากที่ได้ยินโค้ชคนนี้มีคิวยาว และที่ยอมมาดูแลเขาก็เพราะเป็นคำขอร้องของผู้จัดการ หากครั้งหน้าเขาลงเรียนต่อแล้วไม่ได้โตยธรเป็นโค้ช ก็คงหมดหวังในเรื่องการกลับมาว่ายน้ำได้อีก
“คณินทร์”
บาริสต้าหนุ่มรู้สึกเหมือนแว่วเสียงใครสักคนกำลังเรียก แต่ตอนนี้เขากำลังจมดิ่งอยู่กับความกังวล เลยไม่ได้สนใจ ทำให้ผู้เรียกเพิ่มระดับความดังมากขึ้นอีกหลายเดซิเบล
“คณินทร์!!!”
ได้ผลเพราะครั้งนี้ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว พอหันไปมองต้นเสียง ก็เห็นโตยธรกำลังยืนกอดอกทำหน้าบูดจนปากยื่น
“โค้ช”
“ใจลอยไปไหน ผมเรียกตั้งหลายครั้ง เสียเวลาเป็นบ้า”
บ่นอุบอิบเป็นหมีกินผึ้งแถมยังยืนหน้าง้ำ น่าแปลกที่คณินทร์กลับมองว่ามันเป็นท่าทางที่น่ารักจนเขาอยากจะบันทึกภาพเก็บเอาไว้
“ผมกำลังตั้งสมาธิอยู่ครับ”
ชายหนุ่มตอบสั้นๆ อีกฝ่ายลดสายตาลงมองมือที่จับสายกระเป๋าสะพายกล้องไว้แน่น และมุ่นคิ้วก่อนเลื่อนขึ้นมองหน้า
“ตั้งสมาธิหรือวางแผนส่องสาวกันแน่”
พูดเสียงกระด้างพลางมองเขม็งอย่างจ้องจับผิด แต่พอเห็นคณินทร์มองกลับมาด้วยดวงตาแสนซื่อหากมีประกายบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ลึกๆ ทำให้โตยธรเกิดความประหม่าจนต้องเบนหน้าหนีไปทางอื่น
“ผมบอกแล้วไงครับว่า จะถ่ายแค่โค้ชคนเดียว”