อยากให้พ่อแม่ที่รักลูกม๊ากมากกกก มาอ่านกันจัง

มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง คือ เรื่องความสัมพันธ์ของเรากับพ่อ
เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะ

พ่อรักเรามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มีอะไรปกป้องทุกอย่าง กังวลซะทุกอย่าง
และน่ารำคาญทุกเรื่องด้วย

เอ้าาาา เปิดเรื่องก็มาแบบนี้ดูเป็นเด็กอกตัญญูซะจริง ๆ

คือ เรารู้สึกแบบนี้กับพ่อเราจริง ๆนะ

ปีนี้เราอายุ 19 ปี จะเข้ามหาวิทยาลัยปีที่ 1 ล่ะ
แต่เชื่อไหม เราไปค่ายสามวัน สองคืน  พ่อโทรจิก ๆ ๆ ๆ ๆ  พี่สาวที่อยู่คอนโดตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะค่ายมันเลิกดึก แล้วเขาให้ปิดโทรศัพท์
เราขอพ่อไปร่วมกิจกรรมสมาพันธ์นศพ.นานาชาติ ให้ดูกำหนดการ
แล้วมีกำหนดการนึงมันเขียนว่า "คอนเสิร์ตปิดท้าย"
พ่อก็ไม่ให้ บอกว่าอันตราย คอนเสิร์ตเดี๋ยวมีเหล้ายาปลาปิ้งแน่ ๆ
พอเราอยากจะย้อมผม แค่สีน้ำตาลอ่อน ๆ นะ โหยยยยย พ่อแกก็บอกว่า สมัยพ่อคนที่ย้อมหัวแบบนั้นมีแต่คนทำอาชีพน้องโส ฯ
เราคุยกับเพื่อนผู้ชายที่รู้จักกันมาตั้งแต่ม.4 พ่อก็ไม่ชอบใจ
เรานัดเพื่อนไปทานข้าว และก็ดูหนังกัน กลุ่มนึงมีชาย 1 หญิง 3 พ่อก็ไม่ชอบใจ
เรมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชาย สนิทกันตั้งแต่ประถม พอเราเอนท์ติด มันนัดไปเลี้ยงข้าว พ่อก็ไม่ชอบใจ (คือ ถ้ามันจะจีบเรา มันจีบนานแล้วค่ะ)
ขอไปเล่นสงกรานต์กับเพื่อน ๆ พ่อก็ไม่ชอบใจ (เราอายุ 19 ปี และเราขอพ่อเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนอายุ 13 ปี)

เราชอบร้องเพลง ชอบงานแนวศิลป์ ทั้งวาดภาพ ดนตรี และถ่ายภาพ รวมไปถึงแต่งกลอน
เขียนนิยาย เขียนกวี
แต่พ่อเรากลับไม่ชอบร้องเพลง
พ่อติดภาพเก่า ๆ พวกประกวดร้องเพลง วงการดารา
พอเราไปเรียนร้องเพลง
พ่อก็บ่น ก็โมโห บอกว่า "ไร้สาระ พ่อไม่อยากให้เรียน"

คือ เราแค่ชอบร้องเพลงเฉย ๆ อยากให้มันฟังออกมาดี แล้วเราสบายใจ
เหมือนวาดภาพสักภาพก็อยากวาดให้สวย
ใครไม่ชมเราชมเอง มีความสุขจะตายไป
ไม่ได้จะเอาไปประชัดขันแข่งกับใคร
แต่พ่อเรากลับติดภาพเก่า ๆ ทำนองว่า คนร้องเพลง
ต้องไปวงการบันเทิง ดารา นักร้อง

ตอนช่วงปิดเทอม เราขอพ่อไปปฏิบัติธรรมที่สวนโมกข์ กับสำนักธรรมโกเอนก้า
พ่อเราเป็นพวกไม่เชื่อเรื่องศาสนา
แกค้านหัวชนฝา แล้วบอกว่า นั่นมันงมงาย วัดสมัยนี้ คือ เอาแต่เงินเข้ากระเป๋าเพ
ไม่ยอมดูรายละเอียดสถานที่ ไม่ยอมดูลิสต์กิจกรรมที่นั่น

สวนโมกข์กับโกเอ็นก้านะเห้ยยยยยยยย ที่จะดูดเงิน
บ้าไปแล้ว !!!!!

เวลาเราอ่านหนังสือธรรมะ ของว.วชิรเมธี  ของท่านพระพุทธทาสแบบนี้
บางทีเวลาไปเล่าพ่อ อยากหาคนแลกเปลี่ยน ก็ถูกขำ ถูกหัวเราะก็มี
เออ ความคิดไม่ตรงกัน คือ ไม่ว่าค่ะ แต่อย่ามาหัวเราะเยาะแบบนี้
ในฐานะที่เป็นลูกมันรู้สึกแย่มาก

ตั้งแต่เกิดมา เราเคยไปนอนค้างบ้านเพื่อนแค่ครั้งเดียว คือ ตอนอายุ 16 ปีแล้ว...ขอโทษเถอะ...เพื่อนคนนั้นบ้างอยู่ห่างซอยเราไป 1 ซอยค่ะ

เอ...บางคนอาจจะสงสัย เราเป็นเด็กเลวไหม พ่อเลยกังวลมากขนาดนี้

ถ้าอยากรู้ว่า เราเป็นคนยังไงโดยคร่าว ๆ ให้ลองไปตามอ่านข้อเขียนเก่า ๆ ของเราใน Storylog หรือไม่ก็กระทู้เก่า ๆ ในพันทิปดูได้
ถ้ายังมีข้อสงสัย ก็ขอตอบแบบภาพรวมว่า
เราเป็นเด็กดี ไม่เที่ยว ไม่กินเหล้ากับเพื่อน เป็นเด็กบ้าเรียน และบ้ากิจกรรม
กลับดึก คือ โทรบอกตลอด ไม่เคยหายไปเฉย ๆ บอกตลอดว่า ทำอะไรอยู่ที่ไหน เพราะไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง ผู้ใหญ่จะได้สบายใจ
การเรียนก็กล้าอวดเลยว่า อยู่ในระดับดีเยี่ยมมาก (ถึงตอนเรียนมหาวิทยาลัยมันอาจจะต้องวัดกันใหม่ก็ตาม แต่ที่แน่นอน คือ เราเป็นเด็กรับผิดชอบ และใส่ใจต่อการเรียนมาก ๆ)

คือ แต่ก่อนเราไม่เคยว่า พ่อนะ
ไม่เลย เราคิดว่า เรายังอยู่ม.ปลาย พ่อห้ามเรื่องพวกนี้ โทรจิก คือ โอเค
ข่มใจไว้
แต่พักหลัง ๆ นี้เรารู้สึกว่า มันเริ่มมากไปหรือเปล่า
เรารู้สึกว่าเราก็เริ่มโตแล้ว อยากมีโลกของเราบ้าง
แบบ กลายเป็นรำคาญมาก ไปเลยจากที่ปรกติเราไม่เคยเป็น

รำคาญมากขนาดนี้ สิ่งที่เกิดตามมาคือ อะไร
เออ เราต่อต้านพ่อล่ะ

เรื่องย้อมหัวสีน้ำตาลอ่อนเนี่ย
พ่อแกก็บ่น ๆ ๆ ๆ ๆ ว่าน่าเกลียด ทั้ง ๆ ที่ทั้งญาติที่สนิทมากกกกก เพื่อนสนิท
เขาก็ทักกันว่าสวย เราก็เห็นว่าสวย
พ่อก็ยัง บ่น ๆ  ๆ ๆ ๆ ไม่ปล่อยวาง
เราเลยไปย้อมหัวทองสะท้อนแสงมาเลย

หลัง ๆ เราเริ่มทำหูทวนลม ถ้าไม่มีเหตุผลอันหนักแน่นและดีพอมาค้าน
เราไม่แคร์
พ่อเห็นเราอ่านการ์ตูนมังงะ พ่อก็ถามอย่างระแวงว่า การ์ตูนโป๊ป่าว
เออ บ้าเหรอ
ถ้าการ์ตูนโป๊ไม่มาอ่านให้เห็นหรอก คิดว่า ตัวเองเลี้ยงลูกมาให้บริโภคสื่อพวกนี้งั้นหรือ
และคิดว่าตัวเองเลี้ยงให้ลูกสิ้นคิดขนาดที่ว่า ถ้าอยากอ่านการ์ตูนโป๊ต้องมาอ่านต่อหน้าพ่อแม่หรือ

เราก็พยายามทำความเข้าใจพ่อ
พยายามเข้าใจว่า พ่อเราอายุ 70 กว่า แต่งงานช้า
เกิดมาในยุคสมัยที่ต่างกับเรา
เรื่องย้อมผมที่สมัยพ่อมีแต่คนเป็นน้องโสฯเท่านั้นที่ย้อม พ่อเลยติดภาพเก่า ๆ

เราพยายามแล้วนะ พยายามจะอดทน ไม่โมโห
บางทีอิจฉาเพื่อน ๆ ที่ได้ไปร่วมกิจกรรม
ได้เที่ยวสงกรานต์ แค่สาดน้ำสนุก ๆ ไม่ได้เข้าไปในแหล่งที่มีคนเปลือยแบบกทม.
อิจฉาเพื่อน ๆ ที่พอจบม.6 ได้ไปเที่ยวโฮมสเตย์ที่อำเภอใกล้ๆ ข้าง ๆ
พยายามอดทนว่า เออ พ่อเป็นห่วงเรา
เราต้องเข้าใจพ่อ

เพื่อนเวลาจะไปเที่ยวไหน ก็จะชวนแบบเกรงใจ
เพราะพวกมันก็รู้ว่าพ่อเราเป็นยังไง
พวกมันรู้ว่า ถ้าเราไปขอ พ่อก็ปฏิเสธ

แต่เราอึดอัดมากจริง ๆ จนทนไม่ไหวแล้ว
เราไม่อยากคุยกับพ่อเลย
รู้สึกแย่มาก เพราะเราไม่เคยรู้สึกกับพ่อเราแบบนี้
เรารู้สึกว่า พ่อเรารักเรามากเกินไป
แต่เราก็รู้ด้วยว่า มันถึงเวลาที่เราจวนจะไม่ไหวแล้ว

บางคนอ่านแล้วอาจจะตลกกกกก
แหม...เด็กอะไร เด็กจริง ๆ โมโหพ่อขนาดนี้
เด็กพ่องงงงง
ลองมาเป็นเราที่อยู่แบบนี้มาตลอดบ้างดิ
ยังงงเลยว่า ทำไมตัวเองเพิ่งมารำคาญตอนอายุ 19 ปี
วัยต่อต้านมาถึงช้าไปป่าว หรือเป็นเพราะแต่ก่อนเราเอาแต่เรียนกับกิจกรรมเลยไม่สนใจ

บางคนถาม เออ ทำไมไม่ไปแอบทำอะไรลับหลัง
ยอมรับว่า เคยทำแล้วจริง (ครั้งเดียวเท่านั้น)
วันนั้นไปนอนค้างบ้านเพื่อนที่ห่างไปซอยนึง (เพื่อยผญ.นะคะ)
แล้วมันพาซ้อนมอไซต์ออกไปตอนสามทุ่ม
ไปนั่งกินนมปั่นที่ร้านหน้าโรงเรียน แล้วกลับตอนเที่ยงคืน
มีเพื่อน ๆ ที่นอนหอมาสมทบประมาณสิบกว่าคน ทั้งผู้ชาย และหญิง

คือ รู้สึกผิดนะ เพราะถ้าเกิดเราเป็นอะไรไปแล้วไม่บอกพ่อ พ่อต้องเสียใจมากแน่ ๆ เลย
แต่ว่า ถ้าเราไปขอพ่อก็ไม่ให้แน่ ๆ เลย
(คิดดู ขนาดพ่อไปเล่นสงกรานต์ยังไม่ให้ บรรยากาศการเล่นสงกรานต์แถวบ้านเรา ไม่มีโชว์นม เต้นเปลื้องผ้า ข่าวสาดน้ำกรดก็ไม่มี อยู่แบบบ้าน ๆ สุด ๆ)

ตอนนี้เราอึดอัดมาก
เรารอวันที่เราจะได้ย้ายเข้าหอ มหาวิทยาลัยเปิดเทอม
กิจกรรมหนัก ๆ เรียนหนัก ๆ
เราจะรอวันนั้นล่ะ

ตอนนี้ก็ได้แต่ทนโว้ยยยยยยยย
ทนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

แต่ก็คิดในใจนะ ว่าวิธีต่อต้านขั้นสุดท้าย
คือ จะไปย้อมหัวน้ำเงินให้หมดหัวเลย !!!!

เอาล่ะ ที่เขียนขึ้นมาส่วนนึงก็เพราะอยากจะระบาย
และอีกส่วน คือ อยากเขียนให้เด็ก ๆ และพ่อแม่อ่านกันด้วย

ในส่วนของเด็ก ๆ ถ้าจะต่อต้านอะไรก็คิดให้ดี ๆ นะว่า พ่อแม่รักเราจริง
อย่าต่อต้านออกมาในรูปแบบที่ทำร้ายตัวเอง อะไรหยวน ๆ ได้ก็ปล่อยไปบ้าง
อึดอัดก็มาพิมพ์ระบายในเม้นก็ได้ ไม่ว่ากัน
พยายามเข้าใจผู้ใหญ่นะ ว่าเขาเป็นห่วงเราจริง ๆ ถึงจะน่ารำคาญไป (มากโคตรรรร)
อย่าทำอะไรที่มันไม่เข้าท่า เช่น ผลาญเงินเล่น เผาธนบัตร ทำลายข้าวของ พิมพ์ด่าหยาบ ๆ ลงในเฟสบุ๊ค หรือทวิตเตอร์ เข้าผับทุกวันจนถึงเช้า
อย่างนี้ไม่ไหวนะ ไม่เอา จะต่อต้านก็ทำแบบที่คนที่รักเราจริง ๆ เขาไม่เสียใจดีกว่า
อย่าใช้คำพูดที่ทำร้ายน้ำใจกัน
เป็นกำลังใจให้เด็ก ๆ วัยต่อต้านนะ

ในส่วนของผู้ใหญ่
ก็ขอให้ระวังด้วย บางทีเราเป็นห่วงลูก
แต่ถ้ามากไประวัง ! จะกลายเป็นกรงขังลูกไม่รู้ตัว
รังไหมที่อบอุ่นปลอดภัย ก็ย่อมเป็นกรงขังที่โหดร้ายด้วย !!
อันไหนที่ไม่ชอบก็กรุณา "อธิบายเหตุผล" ที่ชัดเจน และ "จริงในปัจจุบัน"
ยกตัวอย่างเรื่องย้อมหัวของเรากับพ่อก็ได้ พ่อให้เหตุผลว่า "มันน่าเกลียด เหมือนโสเพณี"
ขอโทษเถอะ เหตุผลนี้อาจใช้ได้ดีเมื่อ 50 ปีก่อนก็ได้ค่ะ
แต่ ไม่ จริง ใน ปัจจุบัน !!!!!!!!!!!!

อยากให้พ่อแม่ ผู้ใหญ่ ยอมเปิดรับโลกของเด็ก ๆ บ้าง
อย่ามองแบบ "เหมารวม" ไม่มีเหตุผล
อยากให้ฟังว่า เด็ก ๆ เขาคิดยังไง

อย่าให้อึดอัดแบบเรากับพ่อ
ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน
กินข้าวกัน คือ ต่างคนต่างกิน ไม่มองหน้า
บางทีเกิดอาการต่อต้านแบบไร้เหตุผล
แค่พ่อสั่งก็อยากจะไม่ทำตามแล้ว
กลายเป็นเด็กงี่เง่าไปซะงั้น
แต่กว่าจะกลายเป็นลูกงี่เง่า
มันต้องใช้การสะสมมา 18 ปีนะเฮ้ย อย่าลืม !!!

จบค่ะ ระบายจบล่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่