คือเราคบกันกับแฟนได้นานพอสมควรฐานะทางบ้านเค้าดีกว่าเราค่ะเพราะมีพ่อเป็นข้าราชการ
ชั้นผู้ใหญ่แม่เค้าแต่ก่อนมีธุรกิจแต่เพราะป่วยจึงเป็นแม่บ้าน ถ้าดูตามโปรไฟล์ของเค้าคือดูดีเลยค่ะพี่น้องชาติตระกูลเค้าเป็นราชการกันซะส่วนใหญ่
ส่วนเราเองมาจากครอบครัวธรรมดาๆเรียกได้ว่าเป็นเด็กบ้านนอกแต่เราเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะพ่อแม่จึงส่งให้เข้าเรียนโรงเรียนดังๆมีชื่อเสียงของจังหวัดแต่
พ่อแม่เราเองก็อบรมสั่งสอนให้รู้จักคิดไม่ขี้อิจฉา ให้เป็นเด็กเข้มแข็งและรู้จักการใช้เงินมาตลอด มีน้อยใช้น้อยมีมากใช้มากนั่นคือสิ่งที่เราถูกสั่งสอน
มาตั่งแต่เล็กๆบ้านเราไม่ใช่คนรวยเราจึงต้องประหยัดอดออม แม่เป็นพนักงานบริษัท พ่อเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเล็กๆรายได้ก็ไม่ได้มากค่ะคือพอมีพอกิน
เราเจอกันกับแฟนและตกลงคบกันทุกๆอย่างเป็นไปได้ด้วยดีเลยค่ะ จนกระทั่งเค้าพาเราไปที่บ้าน ตอนแรกเราดีใจและตื่นเต้นมากๆ
แต่พอไปบ่อยๆเรากลับรู้สึกได้ว่าที่บ้านเค้าเองก็ค่อนข้างมีปัญหาทางครอบครัวค่ะ ไม่ใช่เรื่องเงินนะคะเเต่เป็นเรื่องภายในของเค้า แม่เค้าค่อนข้าง
เป็นคนจู้จี้หรือบางครั้งก็จะเป็นเหมือนโรควิตกไปเองค่ะ คนในครอบครัวก็ดูจะทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ ถึงกับด่าทอกันด้วยคำพูดแรงๆ
ที่ช็อคที่สุดคือพ่อแม่เค้าทะเลาะกันต่อหน้าเราเเละใช้คำพูดที่แรงมากๆจนแฟนเราเองต้องมาขอโทษแทนพ่อแม่เค้า ที่ทำให้ตกใจ
แฟนเราเองเค้าก็รู้ตัวนะคะว่าครอบครัวเค้าไม่ค่อยจะดีแต่ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี. เราเองก็เข้าใจและปรับตัวและปรับทัศนคติให้คิดบวกแม่เค้าเอง
ก็สนิทกับเราเวลาแม่เค้าหรือแฟนเรามีปัญหาก็จะมาปรึกษาเรา เราก็รับฟังและให้กำลังใจเค้า คิดซะว่าครอบครัวเค้าเป็นแบบนี้การใช้ทัศนคติ
ของเราอาจจะทำให้เราดีขึ้นก็ได้ แต่การคบกันมันก็มีเรื่องที่ทะเลาะเป็นธรรมดาด้วยความที่เค้าเกิดในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะเค้าจึงถูกอบรม
สั่งสอนแบบลูกคนรวยที่มีให้เห็นในละครอยู่บ้างอีโก้ค่อนข้างสูงแต่ยังขาดการวางแผนที่ดีการคิดที่เป็นระบบ ซึ่งเราเองก็คอยเตือนเค้าตลอด
ว่าคนเราจะก้าวหน้าได้ยากถ้าหากรากฐานไม่มั่นคง เค้าก็เหมือนจะไม่เข้าใจอยู่บ้าง มีอยู่ครั้งนึงที่เราเคยคุยกันถึงถ้าหากในอนาคตมีเงินเก็บสักหน่อย
อยากจะปลูกบ้านสักหลังให้พ่อแม่ซื้อรถสักคันให้เป็นของขวัญตัวเองไม่หวังอยากได้บ้านหลังใหญ่หรือรถหรูหราขอแค่ไม่เป็นหนี้ใครเราก็สบายใจแล้ว
แต่เค้ากลับบอกว่าทำไมถึงคิดแบบนี้คิดได้แค่นี้หรอทำไมไม่อยากได้บ้านหลังใหญ่ๆไม่อยากได้รถแพงหรูๆไว้ขับ ทำไมไม่ตั้งเป้าสูงๆไว้ก่อน
คิดอะไรไม่ก้าวไกลเลยคิดแบบนี้ไงมันถึงไม่รวย เค้าว่าให้เราแบบนี้ค่ะ ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าว่าความคิดของเขาผิดนะ มันความคิดใครความคิดมัน
เกิดมาในครอบครัวสภาพแวดล้อมแตกต่างกันความคิดเห็นในการให้ชีวิตมันไม่เหมือนกัน แต่ที่เราโกรธมากก็คือทำไมเค้าต้องมาใช้คำพูด
ที่เหมือนดูถูกเรา เราคิดแบบนี้แล้วมันผิดตรงไหนเราไม่ใช่ไม่ทะเยอทะยานแต่การคิดการวางแผนแบบนี้ทำให้เรามีความสุขและสบายใจ
แต่ทำไมเขากลับดูถูก.เราเสียใจมากเราต่อว่าเค้าและตำหนิอย่างรุนแรงแต่เค้าก็ขอโทษและบอกเราจะไม่พูดแบบนี้อีก เราช็อคและฝังใจกับคำพูดนี้มาก
แต่ก็พยายามเข้าใจว่าชั่งมันอาจเป็นเพราะเค้าเติบโตมาแบบนั้นเราจึงให้อภัยและอย่าพูดแบบนี้อีกเพราะเราไม่เคยดูถูกหรือต่อว่าความคิดของใคร
เพราะมันคือสิทธิของเค้า จนคบกันมาเรื่อยๆวันหนึ่งเราก็ได้ไปที่บ้านเค้าซึ่งปกติแม่เค้าก็จะแยู่บ้านตลอด เราก็พูดคุยทักทายกันปกติแม่เค้าก็บ่นนู่นบ่นนี่
ตามเคยเราก็เล่าเรื่องต่างๆที่เจอมาในแต่ละวันให้ฟังจนมีคำพูดนึงที่เราบอกเค้าว่าเราไปเจอกล้องตัวนึงราคาสองสามล้านบาท เค้าเอามาให้ลองให้จับ
ดูเราก็บอกว่าเราตื่นเต้นมากๆเพื่อนๆก็ตื่นเต้นกันใหญ่เพราะไม่เคยเห็นกล้องราคาเป็นล้านๆมาก่อน เราแทบไม่กล้าจับเพราะเราซุ่มซ่ามกลัวทำเสียหาย
เราก็พูดๆไปตามภาษาเราแฟนเราก็หัวเราะแต่อยู่ๆแม่แฟนเราก็พูดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาว่า แค่กล้องสองสามล้านทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น
และแม่เค้าก็บอกเราว่าที่เราตื่นเต้นที่เห็นของแพงๆเนี่ยเป็นเพราะ เราเป็นคน"คิดไม่สูง " "ไม่รู้จักหวังสูง" ถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้านถือดูคิดแบบคน
ใฝ่ต่ำ. เเม่เค้าก็บอกว่าทำไมไม่คิดว่าทำยังไงถึงจะได้สิ่งนั้นมาครองหรือเราจะทำยังไงถึงจะได้สิ่งที่แพงกว่านั้น ทำไมไม่คิดแบบนี้ไม่คิดแบบคนมีจะกิน
เค้าคิดกัน พอเราได้ยินเราก็อึ้งไปเลยบอกไม่ถูกเลยว่าเราควรรู้สึกยังไงมันจะเป็นเรื่องเล็กๆก็จริงแต่การที่พูดมาแบบนี้เราเสียความรู้สึกมากๆๆๆ
เหมือนเค้ากำลังดูถูกความคิดของเราอยู่ การที่เราคิดต่างจากทัศนคติของครอบครัวเค้ากลายเป็นว่าเราคิดเหมือนคนใฝ่ต่ำ เรารู้สึกแย่มาก
เราคิดว่าเมื่อก่อนที่เราเคยถูกแฟนเราดูถูกอาจเพราะเค้าแค่เจอสภาพแวดล้อมหรือคบเพื่อนรวยสมัยเด็กๆจึงทำให้เค้าไม่เข้าใจคนที่มีฐานะต่ำกว่า
แต่เราเข้าใจแล้วว่าเค้าถูกอบรมทัศนคติกันมาแบบนั้น ซึ่งเราเองก็ผิดหวังกับคำพูดของแม่เค้ามาก หลังจากนั้นเราก็กลับไปบ้านเล่าให้แม่ฟังและร้องไห้
ต่อหน้าแม่เเบบไม่อายเลย แม่เราก็บอกว่าให้เข้มแข็ง. คนเราไม่เหมือนกัน การที่เขาคิดกันแบบนั้นครอบครัวเขาเองก็ไม่ได้มีความสุขพ่อแม่ลูกไม่มีความผูกพันธ์ไม่รักไม่สามัคคีกันเพราะฉะนั้นอย่าไปใส่ใจคำพูดเค้าเลย เราก็เชื่อแม่เรา
ทุกวันนี้เรากับแฟนก็ยังรักกันอยู่เหมือนเดิมค่ะเพราะนอกจากเรื่องนี้แล้วที่เหลือเค้าก็ดีกับเราทุกอย่าง
ดูแลดีและใส่ใจไม่เที่ยวไม่สูบบุหรี่กินเหล้าบ้างตามปกติที่มีโอกาสได้ไปเจอเพื่อนๆเค้า แม่เราก็ชอบเค้า
เพราะเค้าก็เหมือนเป็นผู้ชายที่ดีคนนึง แต่ติดที่เราอาจจะมีทัศนคติที่ไม่ตรงกันบ้างแต่ก็ปรับความเข้าใจได้
แต่ปัญหาสำหรับเราคือแม่เค้าค่ะ แม่เค้าจะเป็นจอมบงการอยากให้เราเป็นอย่างนู้นทำอย่างนี้ตามใจท่านตลอด
จู้จี้กับเรามากกกก จนบางทีเราก็ลำบากใจเพราะเราถูกเลี้ยงมาให้อิสระคิดเองทำเองเป็น แต่แม่เค้าจะเป็นคนคอยชี้นิ้ว
สั่งตลอดพอออกความเห็นก็ไม่ฟัง ดื้อมากๆแฟนเรายังเครียดกับตัวเเม่เค้าเอง จนเค้าเลือกที่จะเรียนไกลบ้าน
เพราะที่บ้านมีแต่ปัญหาวุ่นวาย พี่น้องเเฟนรวมทั้งแฟนเราเองก็ขาดความเคารพนับถือในตัวแม่เค้าเอง
เราก็สงสารนะแต่เราก็ไม่อยากเข้าไปวุ่นวายกับเค้าอีก
ส่วนเรื่องที่แม่เค้าบอกว่าเราคิดไม่สูงเรายังคงฝังใจอยู่ตลอดเเต่เราก็ไม่กล้าบอกแฟนว่าเราเสียใจและเริ่มรู้สึก
ว่าเราคงอยู่กับสภาพแวดล้อมบ้านเค้าไม่ไหว เพราะคำพูดของแม่เค้าทำให้เราเสียความมั่นใจในตัวตนของเราไปเลย
และเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อจากนี้จะจัดการกับตัวเองยังเวลาอยู่กับที่บ้านเค้า และถ้าถูกว่าแบบแรงๆอีกจะทำยังไง
ฝังใจมากเลยค่ะ แต่ก็สงสารแฟนเหมือนกัน
ทัศนคติระหว่างเรากับครอบครัวเค้าแตกต่างกันมาก ทำไงดี
ชั้นผู้ใหญ่แม่เค้าแต่ก่อนมีธุรกิจแต่เพราะป่วยจึงเป็นแม่บ้าน ถ้าดูตามโปรไฟล์ของเค้าคือดูดีเลยค่ะพี่น้องชาติตระกูลเค้าเป็นราชการกันซะส่วนใหญ่
ส่วนเราเองมาจากครอบครัวธรรมดาๆเรียกได้ว่าเป็นเด็กบ้านนอกแต่เราเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะพ่อแม่จึงส่งให้เข้าเรียนโรงเรียนดังๆมีชื่อเสียงของจังหวัดแต่
พ่อแม่เราเองก็อบรมสั่งสอนให้รู้จักคิดไม่ขี้อิจฉา ให้เป็นเด็กเข้มแข็งและรู้จักการใช้เงินมาตลอด มีน้อยใช้น้อยมีมากใช้มากนั่นคือสิ่งที่เราถูกสั่งสอน
มาตั่งแต่เล็กๆบ้านเราไม่ใช่คนรวยเราจึงต้องประหยัดอดออม แม่เป็นพนักงานบริษัท พ่อเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเล็กๆรายได้ก็ไม่ได้มากค่ะคือพอมีพอกิน
เราเจอกันกับแฟนและตกลงคบกันทุกๆอย่างเป็นไปได้ด้วยดีเลยค่ะ จนกระทั่งเค้าพาเราไปที่บ้าน ตอนแรกเราดีใจและตื่นเต้นมากๆ
แต่พอไปบ่อยๆเรากลับรู้สึกได้ว่าที่บ้านเค้าเองก็ค่อนข้างมีปัญหาทางครอบครัวค่ะ ไม่ใช่เรื่องเงินนะคะเเต่เป็นเรื่องภายในของเค้า แม่เค้าค่อนข้าง
เป็นคนจู้จี้หรือบางครั้งก็จะเป็นเหมือนโรควิตกไปเองค่ะ คนในครอบครัวก็ดูจะทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ ถึงกับด่าทอกันด้วยคำพูดแรงๆ
ที่ช็อคที่สุดคือพ่อแม่เค้าทะเลาะกันต่อหน้าเราเเละใช้คำพูดที่แรงมากๆจนแฟนเราเองต้องมาขอโทษแทนพ่อแม่เค้า ที่ทำให้ตกใจ
แฟนเราเองเค้าก็รู้ตัวนะคะว่าครอบครัวเค้าไม่ค่อยจะดีแต่ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี. เราเองก็เข้าใจและปรับตัวและปรับทัศนคติให้คิดบวกแม่เค้าเอง
ก็สนิทกับเราเวลาแม่เค้าหรือแฟนเรามีปัญหาก็จะมาปรึกษาเรา เราก็รับฟังและให้กำลังใจเค้า คิดซะว่าครอบครัวเค้าเป็นแบบนี้การใช้ทัศนคติ
ของเราอาจจะทำให้เราดีขึ้นก็ได้ แต่การคบกันมันก็มีเรื่องที่ทะเลาะเป็นธรรมดาด้วยความที่เค้าเกิดในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะเค้าจึงถูกอบรม
สั่งสอนแบบลูกคนรวยที่มีให้เห็นในละครอยู่บ้างอีโก้ค่อนข้างสูงแต่ยังขาดการวางแผนที่ดีการคิดที่เป็นระบบ ซึ่งเราเองก็คอยเตือนเค้าตลอด
ว่าคนเราจะก้าวหน้าได้ยากถ้าหากรากฐานไม่มั่นคง เค้าก็เหมือนจะไม่เข้าใจอยู่บ้าง มีอยู่ครั้งนึงที่เราเคยคุยกันถึงถ้าหากในอนาคตมีเงินเก็บสักหน่อย
อยากจะปลูกบ้านสักหลังให้พ่อแม่ซื้อรถสักคันให้เป็นของขวัญตัวเองไม่หวังอยากได้บ้านหลังใหญ่หรือรถหรูหราขอแค่ไม่เป็นหนี้ใครเราก็สบายใจแล้ว
แต่เค้ากลับบอกว่าทำไมถึงคิดแบบนี้คิดได้แค่นี้หรอทำไมไม่อยากได้บ้านหลังใหญ่ๆไม่อยากได้รถแพงหรูๆไว้ขับ ทำไมไม่ตั้งเป้าสูงๆไว้ก่อน
คิดอะไรไม่ก้าวไกลเลยคิดแบบนี้ไงมันถึงไม่รวย เค้าว่าให้เราแบบนี้ค่ะ ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าว่าความคิดของเขาผิดนะ มันความคิดใครความคิดมัน
เกิดมาในครอบครัวสภาพแวดล้อมแตกต่างกันความคิดเห็นในการให้ชีวิตมันไม่เหมือนกัน แต่ที่เราโกรธมากก็คือทำไมเค้าต้องมาใช้คำพูด
ที่เหมือนดูถูกเรา เราคิดแบบนี้แล้วมันผิดตรงไหนเราไม่ใช่ไม่ทะเยอทะยานแต่การคิดการวางแผนแบบนี้ทำให้เรามีความสุขและสบายใจ
แต่ทำไมเขากลับดูถูก.เราเสียใจมากเราต่อว่าเค้าและตำหนิอย่างรุนแรงแต่เค้าก็ขอโทษและบอกเราจะไม่พูดแบบนี้อีก เราช็อคและฝังใจกับคำพูดนี้มาก
แต่ก็พยายามเข้าใจว่าชั่งมันอาจเป็นเพราะเค้าเติบโตมาแบบนั้นเราจึงให้อภัยและอย่าพูดแบบนี้อีกเพราะเราไม่เคยดูถูกหรือต่อว่าความคิดของใคร
เพราะมันคือสิทธิของเค้า จนคบกันมาเรื่อยๆวันหนึ่งเราก็ได้ไปที่บ้านเค้าซึ่งปกติแม่เค้าก็จะแยู่บ้านตลอด เราก็พูดคุยทักทายกันปกติแม่เค้าก็บ่นนู่นบ่นนี่
ตามเคยเราก็เล่าเรื่องต่างๆที่เจอมาในแต่ละวันให้ฟังจนมีคำพูดนึงที่เราบอกเค้าว่าเราไปเจอกล้องตัวนึงราคาสองสามล้านบาท เค้าเอามาให้ลองให้จับ
ดูเราก็บอกว่าเราตื่นเต้นมากๆเพื่อนๆก็ตื่นเต้นกันใหญ่เพราะไม่เคยเห็นกล้องราคาเป็นล้านๆมาก่อน เราแทบไม่กล้าจับเพราะเราซุ่มซ่ามกลัวทำเสียหาย
เราก็พูดๆไปตามภาษาเราแฟนเราก็หัวเราะแต่อยู่ๆแม่แฟนเราก็พูดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาว่า แค่กล้องสองสามล้านทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น
และแม่เค้าก็บอกเราว่าที่เราตื่นเต้นที่เห็นของแพงๆเนี่ยเป็นเพราะ เราเป็นคน"คิดไม่สูง " "ไม่รู้จักหวังสูง" ถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้านถือดูคิดแบบคน
ใฝ่ต่ำ. เเม่เค้าก็บอกว่าทำไมไม่คิดว่าทำยังไงถึงจะได้สิ่งนั้นมาครองหรือเราจะทำยังไงถึงจะได้สิ่งที่แพงกว่านั้น ทำไมไม่คิดแบบนี้ไม่คิดแบบคนมีจะกิน
เค้าคิดกัน พอเราได้ยินเราก็อึ้งไปเลยบอกไม่ถูกเลยว่าเราควรรู้สึกยังไงมันจะเป็นเรื่องเล็กๆก็จริงแต่การที่พูดมาแบบนี้เราเสียความรู้สึกมากๆๆๆ
เหมือนเค้ากำลังดูถูกความคิดของเราอยู่ การที่เราคิดต่างจากทัศนคติของครอบครัวเค้ากลายเป็นว่าเราคิดเหมือนคนใฝ่ต่ำ เรารู้สึกแย่มาก
เราคิดว่าเมื่อก่อนที่เราเคยถูกแฟนเราดูถูกอาจเพราะเค้าแค่เจอสภาพแวดล้อมหรือคบเพื่อนรวยสมัยเด็กๆจึงทำให้เค้าไม่เข้าใจคนที่มีฐานะต่ำกว่า
แต่เราเข้าใจแล้วว่าเค้าถูกอบรมทัศนคติกันมาแบบนั้น ซึ่งเราเองก็ผิดหวังกับคำพูดของแม่เค้ามาก หลังจากนั้นเราก็กลับไปบ้านเล่าให้แม่ฟังและร้องไห้
ต่อหน้าแม่เเบบไม่อายเลย แม่เราก็บอกว่าให้เข้มแข็ง. คนเราไม่เหมือนกัน การที่เขาคิดกันแบบนั้นครอบครัวเขาเองก็ไม่ได้มีความสุขพ่อแม่ลูกไม่มีความผูกพันธ์ไม่รักไม่สามัคคีกันเพราะฉะนั้นอย่าไปใส่ใจคำพูดเค้าเลย เราก็เชื่อแม่เรา
ทุกวันนี้เรากับแฟนก็ยังรักกันอยู่เหมือนเดิมค่ะเพราะนอกจากเรื่องนี้แล้วที่เหลือเค้าก็ดีกับเราทุกอย่าง
ดูแลดีและใส่ใจไม่เที่ยวไม่สูบบุหรี่กินเหล้าบ้างตามปกติที่มีโอกาสได้ไปเจอเพื่อนๆเค้า แม่เราก็ชอบเค้า
เพราะเค้าก็เหมือนเป็นผู้ชายที่ดีคนนึง แต่ติดที่เราอาจจะมีทัศนคติที่ไม่ตรงกันบ้างแต่ก็ปรับความเข้าใจได้
แต่ปัญหาสำหรับเราคือแม่เค้าค่ะ แม่เค้าจะเป็นจอมบงการอยากให้เราเป็นอย่างนู้นทำอย่างนี้ตามใจท่านตลอด
จู้จี้กับเรามากกกก จนบางทีเราก็ลำบากใจเพราะเราถูกเลี้ยงมาให้อิสระคิดเองทำเองเป็น แต่แม่เค้าจะเป็นคนคอยชี้นิ้ว
สั่งตลอดพอออกความเห็นก็ไม่ฟัง ดื้อมากๆแฟนเรายังเครียดกับตัวเเม่เค้าเอง จนเค้าเลือกที่จะเรียนไกลบ้าน
เพราะที่บ้านมีแต่ปัญหาวุ่นวาย พี่น้องเเฟนรวมทั้งแฟนเราเองก็ขาดความเคารพนับถือในตัวแม่เค้าเอง
เราก็สงสารนะแต่เราก็ไม่อยากเข้าไปวุ่นวายกับเค้าอีก
ส่วนเรื่องที่แม่เค้าบอกว่าเราคิดไม่สูงเรายังคงฝังใจอยู่ตลอดเเต่เราก็ไม่กล้าบอกแฟนว่าเราเสียใจและเริ่มรู้สึก
ว่าเราคงอยู่กับสภาพแวดล้อมบ้านเค้าไม่ไหว เพราะคำพูดของแม่เค้าทำให้เราเสียความมั่นใจในตัวตนของเราไปเลย
และเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อจากนี้จะจัดการกับตัวเองยังเวลาอยู่กับที่บ้านเค้า และถ้าถูกว่าแบบแรงๆอีกจะทำยังไง
ฝังใจมากเลยค่ะ แต่ก็สงสารแฟนเหมือนกัน