::: ยังไม่ใกล้คำว่า "สติ" :::
“... กิริยาอาการเหมือนกับเป็นผู้เพียร เดินจงกรม นั่งสมาธิ บากบั่นพากเพียร แต่ว่าใจนี้ไม่ประกอบไปด้วยคุณสมบัติของความเพียรเลย ปล่อยจิตปล่อยใจไปตามเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่มีหาแก่นสารสาระในการเพียรในการภาวนา มาปฏิบัติมาสักร้อยครั้งพันครั้ง ก็ยังไม่ได้ชื่อว่าบุคคลนั้นได้ใกล้คำว่า “สติ” อย่าพึ่งว่าธรรม อย่าพึ่งว่าพระพุทธเจ้าเลย ยังไม่ใกล้คำว่าสติคำเดียวซะเลย หรือจะไปปฏิบัติที่ไหนซักเท่าไหร่ก็ตาม แม้แต่พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ปฏิบัติอยู่กับพระองค์อยู่ก็ได้ชื่อว่าบุคคลนั้นไม่ได้พบพระพุทธเจ้า แต่ว่ายุคกาลมาถึงปัจจุบันนี้จะว่าได้พบพระธรรมได้อย่างไร ได้พบพระสงฆ์ได้อย่างไร เพราะเหตุแห่งว่ามันตายในท่าความเพียร กิริยาอาการเป็นท่าความเพียร แต่ใจนี้ล้มเหละๆ หาเป็นสาระแก่นสารไม่ได้ แล้วพิจารณาดูว่าเราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง
ถ้าปล่อยไปอย่างนี้มันก็เหมือนกับว่า ไม่มีอะไรแก่นสารประโยชน์เลย เราก็จะมองเห็นว่าโลกวิสัยเป็นของประเสริฐ วิสัยของโลกเป็นของประเสริฐ เช่น กินเที่ยวนอน เสพกาม มียศฐาบรรดาศักดิ์ คนยกย่อง มีเกียรติยศชื่อเสียง เป็นของประเสริฐ เราก็จะแสวงหาเกียรติยศอย่างที่เขาแสวงหากันอยู่ในโลกนี้ ยศนู้น ตำแหน่งนี้ ฐานะนู้น ฐานะนี้ ทุกอย่างต้องเฟ้อไปด้วยยศทั้งหมด พระพุทธเจ้าทรงรังเกียจสิ่งเหล่านี้ คือยศนี้อย่ามาใกล้ตถาคต แม้ตถาคตก็จะไม่เข้าใกล้สิ่งเหล่านี้ ... นี้ท่านไม่ตามโลกไม่ใช่กระแสโลกวิสัยโลก ท่านนิสัยพุทธะ พุทธะวิสัย
แต่เมื่อเราปฏิบัติไม่ได้ ปฏิบัติไม่ดีขึ้นมา มันก็วิ่งไปหาโลกล่ะ หาเกียรติยศ หาคนยกย่องสรรเสริญ หากามสุข อะไรที่มันสามารถทำให้ตัวเองเป็นสุขได้ก็เสพสิ่งนั้น เช่น สิ่งต่างๆ ในโลก จะเป็นของกิน เสื้อผ้า ข้าวของ อะไรทั้งหมดที่ว่าเป็นกามสุข มันป็นความเพลิดเพลินความพอใจก็หามาใส่ตัว การกิน กินอย่างมีกิน กินมันก็เหมือนกัน อิ่มเหมือนกัน แต่ต้องกินให้แพงเพราะว่าเป็นเกียรติ มันเป็นเกียรติของการกิน ต้องราคาแพงๆ กินถูกๆ ไม่ได้ มันวิ่งไปหากิน หากาม หาเกียรติ วนอยู่เนี่ย ลองพิจารณาดูเถิดเมื่อเราไม่ได้อรรถไม่ได้ธรรมมันก็วิ่งออกไปทางนี้ แม้แต่สมณะผู้ออกบวชแล้วก็ตามเมื่อไม่ได้อรรถไม่ได้ธรรมเป็นที่พักจิตพักใจ ก็จะหากาม หากิน หาเกียรติเนี่ยแหละเป็นที่พักใจ สะสมพอกพูนกองกิเลสไว้ในศาสนาของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นศาสนาอันประเสริฐเลิศเลอที่สุด ... ฉะนั้นเรามาปฏิบัติก็ขอให้ตั้งอกตั้งใจภาวนา ...”
ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชรวชิรมโน (14/04/2555)
ยังไม่ใกล้คำว่าสติ
“... กิริยาอาการเหมือนกับเป็นผู้เพียร เดินจงกรม นั่งสมาธิ บากบั่นพากเพียร แต่ว่าใจนี้ไม่ประกอบไปด้วยคุณสมบัติของความเพียรเลย ปล่อยจิตปล่อยใจไปตามเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่มีหาแก่นสารสาระในการเพียรในการภาวนา มาปฏิบัติมาสักร้อยครั้งพันครั้ง ก็ยังไม่ได้ชื่อว่าบุคคลนั้นได้ใกล้คำว่า “สติ” อย่าพึ่งว่าธรรม อย่าพึ่งว่าพระพุทธเจ้าเลย ยังไม่ใกล้คำว่าสติคำเดียวซะเลย หรือจะไปปฏิบัติที่ไหนซักเท่าไหร่ก็ตาม แม้แต่พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ปฏิบัติอยู่กับพระองค์อยู่ก็ได้ชื่อว่าบุคคลนั้นไม่ได้พบพระพุทธเจ้า แต่ว่ายุคกาลมาถึงปัจจุบันนี้จะว่าได้พบพระธรรมได้อย่างไร ได้พบพระสงฆ์ได้อย่างไร เพราะเหตุแห่งว่ามันตายในท่าความเพียร กิริยาอาการเป็นท่าความเพียร แต่ใจนี้ล้มเหละๆ หาเป็นสาระแก่นสารไม่ได้ แล้วพิจารณาดูว่าเราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง
ถ้าปล่อยไปอย่างนี้มันก็เหมือนกับว่า ไม่มีอะไรแก่นสารประโยชน์เลย เราก็จะมองเห็นว่าโลกวิสัยเป็นของประเสริฐ วิสัยของโลกเป็นของประเสริฐ เช่น กินเที่ยวนอน เสพกาม มียศฐาบรรดาศักดิ์ คนยกย่อง มีเกียรติยศชื่อเสียง เป็นของประเสริฐ เราก็จะแสวงหาเกียรติยศอย่างที่เขาแสวงหากันอยู่ในโลกนี้ ยศนู้น ตำแหน่งนี้ ฐานะนู้น ฐานะนี้ ทุกอย่างต้องเฟ้อไปด้วยยศทั้งหมด พระพุทธเจ้าทรงรังเกียจสิ่งเหล่านี้ คือยศนี้อย่ามาใกล้ตถาคต แม้ตถาคตก็จะไม่เข้าใกล้สิ่งเหล่านี้ ... นี้ท่านไม่ตามโลกไม่ใช่กระแสโลกวิสัยโลก ท่านนิสัยพุทธะ พุทธะวิสัย
แต่เมื่อเราปฏิบัติไม่ได้ ปฏิบัติไม่ดีขึ้นมา มันก็วิ่งไปหาโลกล่ะ หาเกียรติยศ หาคนยกย่องสรรเสริญ หากามสุข อะไรที่มันสามารถทำให้ตัวเองเป็นสุขได้ก็เสพสิ่งนั้น เช่น สิ่งต่างๆ ในโลก จะเป็นของกิน เสื้อผ้า ข้าวของ อะไรทั้งหมดที่ว่าเป็นกามสุข มันป็นความเพลิดเพลินความพอใจก็หามาใส่ตัว การกิน กินอย่างมีกิน กินมันก็เหมือนกัน อิ่มเหมือนกัน แต่ต้องกินให้แพงเพราะว่าเป็นเกียรติ มันเป็นเกียรติของการกิน ต้องราคาแพงๆ กินถูกๆ ไม่ได้ มันวิ่งไปหากิน หากาม หาเกียรติ วนอยู่เนี่ย ลองพิจารณาดูเถิดเมื่อเราไม่ได้อรรถไม่ได้ธรรมมันก็วิ่งออกไปทางนี้ แม้แต่สมณะผู้ออกบวชแล้วก็ตามเมื่อไม่ได้อรรถไม่ได้ธรรมเป็นที่พักจิตพักใจ ก็จะหากาม หากิน หาเกียรติเนี่ยแหละเป็นที่พักใจ สะสมพอกพูนกองกิเลสไว้ในศาสนาของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นศาสนาอันประเสริฐเลิศเลอที่สุด ... ฉะนั้นเรามาปฏิบัติก็ขอให้ตั้งอกตั้งใจภาวนา ...”
ตอนหนึ่งของพระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชรวชิรมโน (14/04/2555)