สวัสดีค่ะ อยากจะปรึกษาวิธีระงับอารมณ์ร้อนกับคนในครอบครัว
เกริ่นก่อนว่าเราอยู่กับแม่2คนมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่แม่เป็นครู จึงมีแรงกดดันกว่าลูกคนอื่น เวลาสอบได้คะแนนไม่ดี หรือเป็นเด็กดีไม่ได้อย่างที่เขาหวัง แม่จะชอบเปรียบเทียบกับคนที่เก่งกว่าหรือลูกบ้านอื่นที่ดีกว่า จนเราน้อยใจตลอด ทุกครั้งเวลาแม่โมโหหรืออารมณ์เสียชอบมาพาลที่เรา ไม่เคยตบตีนะคะ ส่วนใหญ่จะว่ามากกว่า หรือไม่ก็ไม่ให้ค่าขนมไปโรงเรียน ตอนเด็กๆเราเป็นคนชอบศิลปะกับพวกดนตรี จำได้แม่น ตอน ม.ต้น ไปสมัครเข้าวงโยธวา แต่เขาไม่อยากให้เราเข้าเพราะต้องซ้อมช่วงเย็นและวันเสาร์ เราทะเลาะกันจนแม่ไม่ให้เงินไปโรงเรียนเป็นอาทิตย์ แต่เพราะเราอยากเป็นวงโย ตอนนั้นมีเงิน 50 บาทสุดท้ายที่เก็บ เลยเอาไปเป็นค่ารถไปโรงเรียน แล้วขอข้าวรุ่นพี่กิน จนมันกลายเป็นเรื่องฝังใจว่าทำไมเขาไม่สนับสนุนเราในสิ่งที่เราอยากเป็น ช่วงม.ต้น ทะเลาะกันบ่อยจนเรากลายเป็นเด็กเก็บกดเก็บตัว ถึงขนาดเดินบนสะพานลอยแล้วอยากโดดให้รถทับ ณ ตอนนั้น น้อยใจว่าทำไม เกิดมาในครอบครัวแบบนี้ พอผ่านช่วงมัธยมมาได้ ก็เข้าสู่เลือกเรียนมหาลัย เราอยากเข้าคณะมัณฑนศิลป์ เขาถามมาคำนึง "ว่าจบมาแล้วจะทำงานอะไร" เราเลยแอบไปสมัครทิ้งไว้ ตอนนั้นเราพาแม่ไปธนาคารเพื่อไปจ่ายค่าสมัครแต่ไม่ได้บอกว่าลงสมัครอะไรไป พอแม่รู้ว่าเราแอบไปสมัครคณะนี้ เขาเลือกที่จะไม่จ่ายเงินและให้เราไปสมัครคณะที่น่าจะมีงานรองรับในอนาคต กลายเป็นว่าเราฝังใจมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโต มีความคิดที่อยากเรียนให้จบจะได้ออกไปอยู่คนเดียว ไม่อยากอยู่กับแม่ พอเราเรียนจบมีงานทำกลายเป็นว่าเราต้องเทียวไปกลับที่ทำงาน เพราะแม่ไม่ปล่อยให้เราออกไปอยู่ข้างนอก ช่วงทำงานเราเช่าหอใกล้ๆที่ทำงาน บางครั้งแม่เขาจะอ้างว่าป่วย หรือไม่ก็หาเรื่องให้เราขับรถพาไปเยี่ยมญาติที่พัทยาบ่อย ๆ ตอนนี้เราโตพอที่จะไปไหนมาไหนได้ เวลาทะเลาะกัน เราสามารถออกไปอยู่ข้างนอกได้ ตอนนี้กลายเป็นว่าเรื่องที่ฝังใจมาตั้งแต่เด็กมันย้อนกลับมาหมด จากที่แม่เขาเคยใส่อารมณ์แบบไม่มีเหตุผลกลายเป็นว่าเรามาเป็นซะเอง ไม่รู้ทำไมเราถึงอารมณ์ร้อนทุกครั้งเวลาที่เขาทำไม่ได้ดั้งใจ กับคนอื่นเราไม่เป็น เราเป็นกับแม่แค่คนเดียว เรากลับกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่ายเฉพาะกับแม่ เรารู้ตัวว่ามันบาป พยายามจะเลิกคิดเรื่องอกตัญญูทีไร เรื่องฝังใจสมัยเด็กมันโผล่มาทุกที เราพยายามใช้ธรรมมะเข้าช่วย แต่เหมือนว่าเราอคติกับแม่เราไปแล้ว อย่างน้อยลองปรึกษาในนี้ เพื่อมีคนที่เตือนใจเตือนสติเราได้
ขอวิธีระงับอารมณ์ร้อนกับคนในครอบครัวหน่อยค่ะ
เกริ่นก่อนว่าเราอยู่กับแม่2คนมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่แม่เป็นครู จึงมีแรงกดดันกว่าลูกคนอื่น เวลาสอบได้คะแนนไม่ดี หรือเป็นเด็กดีไม่ได้อย่างที่เขาหวัง แม่จะชอบเปรียบเทียบกับคนที่เก่งกว่าหรือลูกบ้านอื่นที่ดีกว่า จนเราน้อยใจตลอด ทุกครั้งเวลาแม่โมโหหรืออารมณ์เสียชอบมาพาลที่เรา ไม่เคยตบตีนะคะ ส่วนใหญ่จะว่ามากกว่า หรือไม่ก็ไม่ให้ค่าขนมไปโรงเรียน ตอนเด็กๆเราเป็นคนชอบศิลปะกับพวกดนตรี จำได้แม่น ตอน ม.ต้น ไปสมัครเข้าวงโยธวา แต่เขาไม่อยากให้เราเข้าเพราะต้องซ้อมช่วงเย็นและวันเสาร์ เราทะเลาะกันจนแม่ไม่ให้เงินไปโรงเรียนเป็นอาทิตย์ แต่เพราะเราอยากเป็นวงโย ตอนนั้นมีเงิน 50 บาทสุดท้ายที่เก็บ เลยเอาไปเป็นค่ารถไปโรงเรียน แล้วขอข้าวรุ่นพี่กิน จนมันกลายเป็นเรื่องฝังใจว่าทำไมเขาไม่สนับสนุนเราในสิ่งที่เราอยากเป็น ช่วงม.ต้น ทะเลาะกันบ่อยจนเรากลายเป็นเด็กเก็บกดเก็บตัว ถึงขนาดเดินบนสะพานลอยแล้วอยากโดดให้รถทับ ณ ตอนนั้น น้อยใจว่าทำไม เกิดมาในครอบครัวแบบนี้ พอผ่านช่วงมัธยมมาได้ ก็เข้าสู่เลือกเรียนมหาลัย เราอยากเข้าคณะมัณฑนศิลป์ เขาถามมาคำนึง "ว่าจบมาแล้วจะทำงานอะไร" เราเลยแอบไปสมัครทิ้งไว้ ตอนนั้นเราพาแม่ไปธนาคารเพื่อไปจ่ายค่าสมัครแต่ไม่ได้บอกว่าลงสมัครอะไรไป พอแม่รู้ว่าเราแอบไปสมัครคณะนี้ เขาเลือกที่จะไม่จ่ายเงินและให้เราไปสมัครคณะที่น่าจะมีงานรองรับในอนาคต กลายเป็นว่าเราฝังใจมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโต มีความคิดที่อยากเรียนให้จบจะได้ออกไปอยู่คนเดียว ไม่อยากอยู่กับแม่ พอเราเรียนจบมีงานทำกลายเป็นว่าเราต้องเทียวไปกลับที่ทำงาน เพราะแม่ไม่ปล่อยให้เราออกไปอยู่ข้างนอก ช่วงทำงานเราเช่าหอใกล้ๆที่ทำงาน บางครั้งแม่เขาจะอ้างว่าป่วย หรือไม่ก็หาเรื่องให้เราขับรถพาไปเยี่ยมญาติที่พัทยาบ่อย ๆ ตอนนี้เราโตพอที่จะไปไหนมาไหนได้ เวลาทะเลาะกัน เราสามารถออกไปอยู่ข้างนอกได้ ตอนนี้กลายเป็นว่าเรื่องที่ฝังใจมาตั้งแต่เด็กมันย้อนกลับมาหมด จากที่แม่เขาเคยใส่อารมณ์แบบไม่มีเหตุผลกลายเป็นว่าเรามาเป็นซะเอง ไม่รู้ทำไมเราถึงอารมณ์ร้อนทุกครั้งเวลาที่เขาทำไม่ได้ดั้งใจ กับคนอื่นเราไม่เป็น เราเป็นกับแม่แค่คนเดียว เรากลับกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่ายเฉพาะกับแม่ เรารู้ตัวว่ามันบาป พยายามจะเลิกคิดเรื่องอกตัญญูทีไร เรื่องฝังใจสมัยเด็กมันโผล่มาทุกที เราพยายามใช้ธรรมมะเข้าช่วย แต่เหมือนว่าเราอคติกับแม่เราไปแล้ว อย่างน้อยลองปรึกษาในนี้ เพื่อมีคนที่เตือนใจเตือนสติเราได้