ตำนานคัมภีร์กีตาร์เทพยุทธ์

กระทู้สนทนา
ตำนานคัมภีร์กีตาร์เทพยุทธ์
Psycho G.



            ถนนสายหนึ่ง บ้านหลังหนึ่ง คนผู้หนึ่ง   กะปอมตัวหนึ่ง  แมงจินูนตัวหนึ่ง  กีตาร์ตัวหนึ่ง สุราป้านหนึ่ง ยุงตัวหนึ่ง  สุราเย็นชืดไปนานแล้ว คนกลับเย็นชากว่า ตลอดร่างของมันคล้ายผนึกค้างดูไปคล้ายรูปปั้นไร้ชีวิต

            มันกำลังรอคอย

            ขอเพียงมีหูต้องเคยได้ยินฉายา กีตาร์เดือนแปด อีกเพียงสี่เดือนมันจะเป็นกีตาร์เดือนสิบสอง เพียงแต่คำว่าเดือนสิบสองทิ่มแทงจิตใจจนไม่อาจยอมรับ  ยุงที่เกาะแก้มซ้ายของมันดูดเลือดจนตัวโป่ง แต่มันกระทั่งหนังตาไม่กะพริบเนื่องเพราะมันกำลังวางมาด

            ลมโชยวูบ ยุงพลันบินผละออก บินโซเซไปที่กีตาร์

            ประกายตาตายด้านปรากฏแววเกรี้ยวกราด สะบัดมือขวาเสียง ซี-ชาร์ป ของโน้ตกรีดเสียงขึ้นดุจสายฟ้าฟาด ยุงเคราะห์ร้ายมิทันส่งเสียง ลำตัวพลันแยกออกเป็นสองซีก ซีกซ้ายพุ่งไปทางซ้าย ซีกขวาพุ่งไปทางขวา

            “ฝีมือเยี่ยม”

            เสียงมิทันจางหาย คนพุ่งปราดลงมาด้วยท่วงท่าร่างงดงามดั่งวิหคเหิน แล้วหล่นตุ้บลงก่อนจะรีบตะกายลุกขึ้นมาฝืนยิ้ม   กีตาร์เดือนแปดใช้สายตาขูดไปทั่วร่างผู้มาใหม่ ในที่สุดแค่นหัวร่อเอ่ยด้วยบันไดเสียง เอไมเนอร์

            “กีตาร์เดือนสิบสอง ในที่สุดท่านก็มา”    ผู้มาใหม่ยอมรับฉายาเดือนสิบสองได้อย่างจริงแท้แน่นอน  พวกมันต่างกันเพียงสี่เดือน

            “ในที่สุดเราก็มา”   ผู้มาใหม่แสยะยิ้มพูด

            “ท่านมิอาจไม่มา”

            “เรามิอาจไม่มา”

            “เมื่อมาท่านมิอาจไม่ลงมือ”

            “ท่านยิ่งมิอาจไม่ลงมือ”

            แว่วเสียงดังโพล้ะเบาๆ สุนัขไร้แซ่ตัวหนึ่งที่แอบฟังอยู่ ถูกคำพูดสับสนวกวนก่อกวนจนสมองแตกตาย  สีหน้ามึนงงชาค้างอยู่เช่นนั้น…

            กีตาร์เดือนสิบสอง (ฉายาค่อนข้างน่าเกลียด) หัวร่อโค่กๆ กล่าว

            “เราผู้มาเยือนขอเอาเปรียบก่อน หนึ่งเพลงยุทธ์”

             ปากกล่าวแต่มือพลันลงมือ…มันสะบัดมือวูบก็จับคอร์ด อี ไมเนอร์ขึ้นมาทันที

            กีตาร์เดือนแปดชมดูจนสีหน้าแปรเปลี่ยน การลงมือของกีตาร์เดือนสิบสองร้ายกาจจนน่าขนลุก จับคอร์ดหากเร็วกว่านี้ก็จะดูเร่งร้อน ช้ากว่านี้ก็จะดูอืดอาด แรงกว่านี้ก็จะดูดุดัน ค่อยกว่านี้ก็จะดูอ่อนล้า ทุกอย่างล้วนเหมาะเจาะจนสุดบรรยาย…น่ากลัวในโลกนี้มีคนกระทำได้ไม่เกินสิบคน…

            พลิกมือขวับ ปิ๊คสีเงินติดมือขึ้นมา เป็นปิ๊คบินไม่เคยพลาดเป้า สะบัดร้อยครั้งถูกสายร้อยครา

            พริบตาต่อมา ประกายสีเงินสาดประกายเจิดจ้าทิ่มแทงนัยน์ตาผู้คน คลื่นเสียงกระหึ่มอึงอลไปรอบด้าน นั่นเป็นการสับคอร์ดหนึ่งร้อยสามสิบสองครั้งภายในหนึ่งวินาที ความเร็วขนาดนี้ต่อให้เทวดาก็ทำไม่ได้ แล้วหมาตัวไหนจะทำได้…

            กีตาร์เดือนสิบสองทำได้

            มันแหงนหน้าหัวเราะเคี้ยกๆ ออกมาอย่างภาคภูมิใจ กระทั่งเสียงหัวเราะยังแตกสนั่นเหมือนผ่านเอฟเฟคดิสทอร์ชั่น ในที่สุดหันมาถามว่า

            “ความเร็วเยี่ยงนี้ ท่านทำได้หรือไม่…”

            กีตาร์เดือนแปดตอบเสียงหนักแน่นไม่ลังเลแม้แต่น้อยว่า

            “ทำไม่ได้”

            “เช่นนั้นท่านยอมรับความพ่ายแพ้”

            กีตาร์เดือนแปดใช้สายตาดั่งมองคนตายจับจ้องกีตาร์เดือนสิบสองอยู่ครึ่งค่อนวัน  ในที่สุดปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากทีละน้อย จนกลายเป็นเสียงหัวร่อกึกก้อง

            “ฮา ฮา…และ ฮา..ท่านต่างหากเป็นฝ่ายแพ้พ่ายแพ้”

            “ท่านอย่ากล่าวเหลวไหล…”

            “หาไม่…ท่านเร็วก็จริง แต่…ท่านลืมตั้งสายกีตาร์…”

            “อา…”

            กีตาร์เดือนสิบสองอุทานอย่างแตกตื่น ใบหน้าบิดเบี้ยวปั้นยาก เซถอยหลังตึงๆไปสี่ก้าว มันเพิ่งนึกได้ว่า เมื่อเช้าเปลี่ยนสายกีตาร์ทั้งชุด ด้วยความรีบร้อนจึงลืมตั้งสายทั้งหกสาย แต่ถึงลืมตั้งสายก็ไม่น่ามีมนุษย์ตนใดสังเกตได้ กับข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเช่นนี้  โลกนี้ฟั่นเฟื่อนไปแล้ว

            “ท่านถึงกับฟังออกว่าเราลืมตั้งสาย…ร้ายกาจ…ในโลกยังมีคนเยี่ยงนี้จริงๆ ถึงกับฟังออกว่ากีตาร์ไม่ได้ตั้งสาย เรายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว”

            กล่าวจบ กีตาร์เดือนสิบสองหันกายกลับ ออกวิ่งปุเลงๆ ออกไปในมือยังถือกีตาร์ อา…มันเป็นภาพน่ารันทดหดหู่ชวนร่ำไห้สุดแสน ใครเล่าจะคาดคิดว่าโลกนี้จะมีเรื่องราวสะเทือนอารมณ์เช่นนี้…

            กีตาร์เดือนแปดยังคงยืนนิ่ง ใช้สายตากวาดไปด้านขวาเอ่ยเสียงเย็นชาว่า

            “ท่านมาแล้วใยไม่ปรากฏตัว ลับๆล่อๆอยู่ดั่งภูตผี เป็นยอดฝีมือเยี่ยงไร”

            “ยอดเยี่ยม เราใช้สุดยอดวิชาการพรางตัว เมื่อครู่เราอุตส่าห์ยืนหลับตากระทั่งตัวเรายังมองไม่เห็นตัวเอง ท่านกลับสังเกตได้”

            คนผู้หนึ่งค่อยก้าวออกมาจากด้านข้าง แต่ละก้าวกระเบื้องแตกไปตามรอยเท้า  นั่นคือ”วิชาตัวหนัก” ขั้นสุดยอด รูปร่างอ้วนฉุราวโอ่งน้ำ

            “ที่แท้เป็นท่าน กีตาร์ช่างเขาเถอะ…”

            “สายตาท่านแหลมคมยิ่ง”

            “ท่านก็ต้องการคัมภีร์กีตาร์ โคตรบรมมหาอภิมหากีตาร์”

            ควรทราบว่า คัมภีร์ “โคตรบรมมหาอภิมหากีตาร์” เป็นคัมภีร์เร้นลับ เล่ากันว่าหลายสิบปีมาแล้ว  จิมมี่ เฮนดริกซ์ ได้ค้นพบคัมภีร์เล่มนี้ในโรงจำนำพันปีแห่งหนึ่ง ในคัมภีร์บันทึกเทคนิควิธีเล่นกีตาร์ชั้นสุดยอดเอาไว้ และเขาได้ฝึกมันอย่างหลงใหลจนฝีมือขึ้นสู่แนวหน้า ไม่มีใครบนพื้นพิภพจะทาบได้ แต่จากการฝึกแนวทางเร้นลับทำให้ธาตุสุราในร่างแตกสลาย ก่อนเสียชีวิตเขาได้พยายามจะทำลายคัมภีร์เล่มนี้  เพราะเห็นภัยร้ายของมันต่อมนุษยชาติ แต่ไม่สำเร็จ คัมภีร์กระจายไปสู่มือคนรุ่นหลังต่อมา เช่น ริชชี่ แบล็คมอร์, จิมมี่ เพจ, โทนี่ ไอออมมี่ , อีริค แคลปตัน เป็นต้น ทำให้เขาเหล่านั้นมีฝีมือและอุปนิสัยผิดธรรมชาติไปคนละแนว และส่วนที่เหลือยังตกมาถึงเด็กรุ่นหลังอีกหลายคน

            “ท่านมอบคัมภีร์ให้เราเสียโดยดี”

            “ผายลมใต้ฝุ่นมารดาท่าน…ท่านมีฝีมืออันใด”

            กีตาร์ช่างเขาเถอะตาลุกวาวดังสายฟ้า คำรามว่า

            “เช่นนั้นเตรียมรับมือ”

            กีตาร์เดือนแปดตาลุกโพลงปานไข่ห่าน คำรามว่า

            “เชิญท่าน…แต่กีตาร์ท่านเล่า…”

            “กีตาร์เราอยู่ที่ใจ…”

            “อา…”

            กีตาร์เดือนแปดเซถอยหลังตึงๆไปสามก้าว กีตาร์ช่างเขาเถอะถึงกับใช้สุดยอดวิชาจู่โจมอย่างน่าเกลียด กีตาร์อยู่ที่ใจ ท่านไม่มีปัญญาเห็นมัน ย่อมจะดีดอย่างไรเล่นอย่างไรก็ได้เพราะมันอยู่ในใจ โหดเหี้ยม อำมหิต และขี้โกงสิ้นดี

            กีตาร์ช่างเขาเถอะแค่นหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียมกล่าว

            “ท่านพ่ายแพ้แล้ว…”

            สีหน้าของกีตาร์เดือนแปดแปรเปลี่ยนไปมามิหยุดยั้ง ขณะจะพ่ายแพ้พลันนึกถึงเรื่องราวใดขึ้นมาได้กระโดดปราดขึ้นร้องสุดเสียง

            “กีตาร์ท่านมิได้อยู่ที่ใจ…”

            รอยยิ้มบนใบหน้ากีตาร์ช่างเขาเถอะชะงักค้าง กีตาร์เดือนแปดแค่นเสียงทีละคำว่า

            “กีตาร์ท่านมิได้อยู่ที่ใจ…กีตาร์ท่านอยู่ที่โรงจำนำ…”

            กีตาร์ช่างเขาเถอะพลันคล้ายลูกหนังที่ปล่อยลม ร่างอ้วนใหญ่ปรากฏลมพ่นฟูออกทางปาก ร่างพลันแฟบลงพริบตาคล้ายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ใบหน้าแดงก่ำดั่งตำลึงสุก แผดเสียงโหยหวนแหบแห้ง

            “ท่านอำมหิตยิ่ง กลับเอาเรื่องนี้มากล่าว แผ่นดินนี้น่ากลัวไม่มีที่ให้เราซุกหน้าแล้ว” วาจามิทันจางหาย ร่างของมันก็พุ่งปราดออกไปเร็วกว่าขามายิ่งนัก

            “ร้ายกาจ…กีตาร์เดือนแปดมิเสียทีเป็นกีตาร์เดือนแปด มิทันลงมือก็สามารถขับไล่ยอดฝีมือหลายคนไปได้ แต่ครานี้ท่านแพ้แน่แล้ว”

            สายลมโชยวูบ กลิ่นหอมจางๆทำให้กีตาร์เดือนแปดหันไปตามกลิ่น พลันตะลึงลานไปทันที ผู้มาใหม่กลับเป็นสตรี มิหนำซ้ำเป็นสตรีที่งดงามอย่างยิ่ง

            “…ที่แท้เป็นท่าน แม่นางลำซิ่ง”

            “มิผิดแม้แต่น้อย” นางรับคำอย่างยิ้มแย้ม นางสะพายหีบเหล็กไว้กลางหลังใบหนึ่ง หีบเหล็กซึ่งบรรจุอาวุธพิสดารสามารถรับมือได้ทั้ง ดาบ กระบี่ ทวน หรืออาวุธในตำราได้ทุกชนิด จนเป็นที่กล่าวขวัญร่ำลือทั่วยุทธภพ

            “ยอดคนอย่างท่านก็ต้องการคัมภีร์เทพยุทธ์ กีตาร์”

            “เรามิต้องการ แต่มันต้องการ”

            จวบจนบัดนี้มันจึงพบเห็นชายผู้หนึ่งอยู่ด้านหลังของนาง เป็นคนมิมีรังสีอำมหิตใดๆ ไม่มีที่ใดสะดุดตา ตลอดร่างคล้ายน้ำเปล่าแก้วหนึ่ง
            แม่นางลำซิ่งเห็นสีหน้างุนงงของกีตาร์เดือนแปด จึงยิ้มเล็กน้อยอธิบายว่า

            “มันเป็นยอดฝีมือพิสดารจากแดนไกล ฝีมือขบวนท่าของมันล้วนต่างจากท่าน ถ้ามันได้คัมภีร์ไปน่ากลัวโลกต้องสั่นสะเทือนแน่” กล่าวจบพลันปลดหีบเหล็กออกจากหลัง ค่อยเปิดฝาออกอย่างแช่มช้าแล้วหยิบอาวุธพิสดารออกมา

            เป็นกีตาร์ตัวหนึ่ง แต่เป็นกีตาร์พิสดารอย่างยิ่ง มิเพียงเล็กจนเกินไป ยังสั้นเกินไป สายน้อยเกินไป แต่กีตาร์เดือนแปดไม่มีความคิดเย้ยหยันแม้น้อยนิด มันทราบว่ายิ่งพิสดารยิ่งน่ากลัว อีกส่วนเดียวจะถึงขั้นสุดยอดคืนสู่สามัญแล้ว

            บุรุษนั้นรับกีตาร์ไป พลันตลอดร่างคล้ายผนึกหล่อหลอมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกีตาร์ประหลาด

            แม่นางลำซิ่งพลันเอ่ยปากว่า

            “ท่านควรลงมือก่อน มิฉะนั้นไม่มีโอกาสแล้ว”

            กีตาร์เดือนแปดมิอาจไม่เชื่อ เกร็งนิ้วหงิกงอบิดเบี้ยวตวาดสุดเสียง  ตวัดมือใส่คอกีตาร์จับคอร์ดขึ้นมาคอร์ดหนึ่ง อา…กลับเป็นคอร์ด เอช-ไมเนอร์ 36-22-36 อันร้ายกาจที่ฝึกจากคัมภีร์นี้ จ้างแสนหนึ่งก็ไม่มีใครรู้จัก เพราะเป็นคอร์ดนอกตำรา เป็นคอร์ดฝ่ายมารซาตานร้าย

            จับคอร์ดนิ้วยังหงิกงอน่าเกลียดขนาดนี้ เสียงจะน่าเกลียดขนาดไหน…ปิ๊คในมือขวาถูกยกขึ้นทีละน้อยดั่งหนักพันชั่ง เส้นเอ็นทั่วร่างปูดโปนเหงื่อซัดดั่งห่าฝน เพียงฟาดลงไปมิอาจมีสิ่งใดต้านรับได้

            มันมิอาจสับคอร์ดกีตาร์ได้ นิ้วมือของมันคล้ายตายด้านไปแล้ว อันเนื่องมาจากการจับคอร์ดบิดเบี้ยวพิสดารจนเกินไป

            ดังนั้นบุรุษลึกลับพลันลงมือก่อน มันสะบัดปิ๊คในมือหยุดยั้งใส่กีตาร์ประหลาด พริบตาคล้ายสรรพสิ่งล้วนหยุดนิ่งชะงักค้าง ใบไม้หยุดไหว สายลมหยุดพัด ด้วยทำนองที่หลั่งไหลออกมามิขาดตอนเป็นทางเดินสเกลของตัวโน้ตที่ไม่คุ้นเคยไม่รู้จัก แต่แฝงรังสีเร้นลับ มือของกีตาร์เดือนแปดเริ่มคลายออก กล้ามเนื้อทั่วร่างล้วนผ่อนคลาย จิตใจผ่อนคลาย ท่าร่างพิสดารพลันเริ่มขึ้น

            กีตาร์เดือนแปดถึงกับถูกคลื่นเสียงบังคับให้เหยียดมือก้าวเท้าไปมาเป็นจังหวะ บิดม้วนไปมาและในที่สุด…..ก็รำเฉิบๆ ป้ออยู่กลางลาน แต่มันรู้สึกสนุกอย่างยิ่ง สนุกอย่างบอกมิถูก ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก


            เสียงดนตรีหยุดลง กีตาร์เดือนแปดร่ำร้องอย่างลืมตัว

            “ฮ่วย..อย่าเพิ่งหยุด กำลังมัน”

            “ท่านแพ้แล้ว…”

            “อา…” กีตาร์เดือนแปดคล้ายตื่นจากฝันร้าย มันไม่เชื่อแต่มิอาจไม่เชื่อว่ามันแพ้แล้ว

            “นั่นเป็นกีตาร์ใดกัน”

            “บ้านข้อยเอิ้นว่า พิณ เด้อ…ที่ท่านกำลังทำอยู่นั่นเรียกว่า ลำเซิ้งลำซิ่ง เด้อ สิบอกไห่ เด้อนางเดอ เด้อๆ นางเดอ...”

            ในที่สุดเจ้าหนุ่มคนนั้นก็ได้คัมภีร์ไป หลายปีต่อมามันก็ปรากฏโฉมในฐานะเซียนพิณผู้นำเทคนิคใหม่ๆมาใช้กับพิณ เช่น พูล-ออน , พูล-อ้อฟ , สไลด์พิณ , จิ้มสาย แบบเอ็ดดี้ แวนฮาเลน , ดันสาย , ไล่นิ้วเป็นพายุแบบอิงวี่ ฯลฯ  ทำให้เกิดหมอลำแตกสาขามากมาย  เช่น  หมอลำโปรเกรสซีฟ  หมอลำเพลินบลูส์ หมอลำคลาสสิค  นีโอ-หมอลำ  หมอลำเฮฟวี่   เต้ยเมทัล สปีดหมอลำ ฮาร์ดคอร์หมอลำ หมอลำแนวซาตาน แพทย์ลำ พิณได้รับความนิยมสูงสุดไม่กี่ปีต่อมา อาเมน...เด้อนางเดอ เด้อๆ นางเดอ





จบแล้วเด้อ

เคยตีพิมพ์ครั้งแรก ในวารสารพายุเงียบ Quiet storm   นานมาแล้ว พอดีเจอ เลยเอามาให้อ่านกันครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่