คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1.เมืองทอง เล่น เอซีแอล แท็กติกที่เค้าเล่น คือ รับแล้วโต้ (เหมือนทีมชาติ ยุคราเยวัช).....ไม่ได้เน้นคอนโทรลเกม หรือ ครองบอลให้มากกว่าคู่แข่ง แต่จะเน้นรับแน่น แล้ว โจมตีเร็ว
แต่ในไทยลีก จะเล่นเกมรุก แบบคอนโทรลเกม ต่อบอลตามช่องเป็นหลัก......แต่เจอทีมใหญ่ บางเกมก็หันมาเล่นรับแล้วโต้(ถล่ม บีจี บียู มาจากเกมโต้กลับทั้งนั้น)
2.ทีมของ ราเยวัช ทั้งสอง เกม ยังขาดจิ๊กซอร์ สำคัญ ที่เป็นตัวพลิกเกมในจังหวะโต้กลับครับ..........เจ มุ้ย อุ้ม และโด............ทำให้เกมกับยูเออี ประสิทธิภาพ การโต้กลับ ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ
แต่ในไทยลีก จะเล่นเกมรุก แบบคอนโทรลเกม ต่อบอลตามช่องเป็นหลัก......แต่เจอทีมใหญ่ บางเกมก็หันมาเล่นรับแล้วโต้(ถล่ม บีจี บียู มาจากเกมโต้กลับทั้งนั้น)
2.ทีมของ ราเยวัช ทั้งสอง เกม ยังขาดจิ๊กซอร์ สำคัญ ที่เป็นตัวพลิกเกมในจังหวะโต้กลับครับ..........เจ มุ้ย อุ้ม และโด............ทำให้เกมกับยูเออี ประสิทธิภาพ การโต้กลับ ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ
แสดงความคิดเห็น
ทีมชาติไทย ยุคราเยวัช ยังสู้เมืองทองของพี่ตะวัน ไม่ได้เลยนะ
แม้ ราเยวัช จะมีเวลาน้อยนะ แต่ถือว่า ยังไม่เห็นทีเด็ดที่น่าจะมีมากกว่านี้ อาจจะเพราะรูปเกมและผลสกอร์ มันทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงการเล่นมากมายก็ได้
ตะวัน ทำทีมได้ดีกว่าเพราะนักเตะดีกว่า มีเวลาจูนมากกว่า สมแล้วที่โค้ชเฮง สนับสนุนให้คุมทีมชาติ แต่ตะวันปฏิเสธ...
เกมรับราเยวัชที่ว่าดีๆ ก็พอๆ กับเมืองทองในรอบแรกนะ เมืองทองมีเซลิโอ้ มีกลางรับ (ก็เอามาปิดจุดอ่อนทีมชาติไทยยุคซิโก้) เกมสวนกลับและเกมบุกเมืองทอง และความเร็วสมดุลมีมากกว่าเยอะ
แต่เมืองทองก็ยังมีจุดที่ต้องปรับ คือ การควบคุมเกม แบ่งย่อยได้3แนวทาง
1 การแย่งบอลคืน เพื่อจะควบคุมความได้เปรียบของเกมยังไม่ดี
2 เมื่อครองบอลได้ ก็ไม่สามารถควบคุมเกมส่วนใหญ่ในทุกพท.ได้ต่อเนื่องแบบที่ทีมในระดับอาชีพทำไว้
3 ขาดพลังในการเล่น ที่คุมเกมได้แล้วพลังตรงนี้จะทำให้ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามยุบ และตั้งฟอร์มขึ้นมาอีกไม่ได้อีก ตรงนี้จะคล้ายๆ การเล่นของบุรีรัมย์ในบางนัด
ถ้าทำได้... ก็ถือว่า เป็นทีมชั้นนำในเอเชียได้เลย..
3สิ่งเหล่านี้ ก็น่าจะทำได้ในการเจอกันกับทีม ระดับไทยลีก ก่อน ทำได้เยอะและบ่อย มันจะส่งผลให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น เมื่อเจอทีมระดับเอเชียมันก็จะยกระดับเมืองทองขึ้นมาอีก