คำโปรยห้วงฝันวันรัก :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้'กิรณา' ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ได้เพียงไม่นาน แต่แล้วชีวิตกลับต้องพลิกผันเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง หล่อนได้ข้ามผ่านไปยังช่วงเวลาอนาคต!
ภายใต้ความลึกลับของกาลเวลาที่ชวนพิศวงนั้น ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่าการที่หญิงสาวต้องมารับรู้ถึงการจากไปอย่างกะทันหันของบุพการี โดยไร้ซึ่งต้นสายปลายเหตุ 'ดรัล' ในฐานะเพื่อนบ้านที่แสนดี แม้จะไม่ค่อยถูกชะตากับสาวข้างบ้านอย่างกิรณาตั้งแต่แรกพบเสียเท่าไหร่ แต่จำต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลายเงื่อนงำที่เกิดขึ้น
อดีต ปัจจุบัน อนาคต...เหตุการณ์ในช่วงเวลาใดกันแน่ที่มีแต่ความหลอกลวง...
***นิยายรักโรแมนติก แนวไซไฟฆาตกรรมซ่อนเงื่อน***
บทที่ 1:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/36562845
บทที่ 2(1) :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/36566201
บทที่ 2(2)
“ลาออก !?”
กิรณาถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อมาถึงที่ทำงานแต่เช้าตรู่อยู่ดีไม่ว่าดีกลับมารับรู้ว่าตัวเองลาออกจากงานแล้ว !
“มะ...มันจะเป็นไปได้ไงคะพี่ตา” กิรณาพูดกับเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เสียงสั่นเครือ
ก็หวานตาน่ะสิเป็นคนบอก
“หว้าเนี่ยนะคะยื่นใบลาออก ไม่ค่ะ เป็นไปไม่ได้ ต้องมีใครสักคนเข้าใจผิดแน่ๆ หว้าขอโทร.ถามทางกศน.ก่อนนะคะ”
“ไม่มีประโยชน์จ้ะลูกหว้า” หวานตารีบขัดเมื่อเห็นกิรณาทำท่าจะคว้าโทรศัพท์บนเคาน์เตอร์บรรณารักษ์มาโทร.หาทางหน่วยงานต้นสังกัดที่ดูแล
ท่าทางกิรณาที่ไม่ยอมง่ายๆ หวานตาเลยดึงตัวกิรณาออกมาคุยกันนอกห้องสมุดแทนเพราะไม่อยากทำผิดกฎ เสียงดังรบกวนผู้ใช้บริการเสียเอง
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าลูกหว้ากำลังมีปัญหาอะไรถึงได้อยากกลับมาทำงานที่นี่ แต่เรื่องที่ลูกหว้าลาออก ทางกศน.เขาก็รับรู้แล้ว จู่ๆ ลูกหว้าบุ่มบ่ามเข้ามาโวยวายที่ห้องสมุดแบบนี้จะยิ่งทำให้เสียทั้งงานเสียทั้งตัวลูกหว้าเอง ลูกหว้าเข้าใจที่พี่พูดใช่มั้ย”
“แต่หว้า...เอ่อ...ไม่เคยคิดจะลาออกเลยนะคะ” กิรณายังคงยืนยันคำเดิม
โอเค อาจจะมีบ้างที่หล่อนเคยคิดอยากลาออกจริงๆ แล้วไปตายเอาดาบหน้า งานห้องสมุดใช่ว่าจะสบายอย่างที่ใครๆ เข้าใจ แต่นั่นก็แค่ความคิด ไม่ได้ทำจริงอย่างที่รุ่นพี่กำลังเข้าใจอยู่ตอนนี้ !
หวานตากลับเข้าไปในห้องสมุดแล้ว ขณะที่กิรณายังคงยืนค้างอยู่อย่างนั้น…ก่อนไปหวานตาเล่าว่า กิรณาเป็นคนบอกเรื่องลาออกให้หวานตารู้เอง โดยให้เหตุผลไว้ว่าต้องการกลับไปช่วยครอบครัวดูแลร้านสุขภัณฑ์ที่ลำปาง และทางหน่วยงานต้นสังกัดก็อนุมัติยินยอมให้กิรณาลาออกแล้วด้วย
สิ่งที่เพิ่งรับรู้มาจากหวานตา กิรณาถึงกับเข่าทรุดล้มทั้งยืนบนฟุตปาธแถวนั้นไม่ต่างจากคนหมดกำลัง
แค่เมื่อเช้าหล่อนตื่นขึ้นมาก็เครียดมากพออยู่แล้ว หล่อนเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆ กาแฟพวกนั้นมันไม่ได้ช่วยให้หล่อนหายง่วงเลยสักนิด รู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นมาเจอกับความว่างเปล่าภายในบ้านเช่นเคย หนำซ้ำดันต้องมารับรู้ว่าตัวเองตกงานกะทันหัน !
กิรณาเหลือบมองอาคารกระจกรูปทรงทันสมัยสามชั้นเบื้องหลังด้วยความเจ็บปวด น้ำใสๆ เริ่มระรื้นขึ้นที่ขอบตา กิรณาไม่รู้แล้วว่า ณ ตอนนี้ เวลานี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตหล่อนกันแน่ ความเครียดที่สุมรวมอยู่ในอกจึงระเบิดออกมาเป็นหยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง
...เนิ่นนานที่หญิงสาวปล่อยให้ตัวเองนั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้น...
“หนูต้องมีสติให้มากๆ”
จู่ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนดังอยู่เหนือศีรษะ พลันนั้น มีไม้เท้าคนแก่กลิ้งมากระทบที่ปลายเท้ากิรณา
หญิงสาวกำลังนั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้ เงยหน้าสบมอง เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายชรา แต่งตัวดี เดินงกๆ เงิ่นๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้า ลักษณะเหมือนกำลังก้มหาของบนพื้น กิรณาเลยจำต้องปาดน้ำตาทิ้ง ลุกขึ้นหยิบไม้เท้าให้ชายชราคนนั้น
“เมื่อถึงเวลา หนูก็จะรู้เอง” ชายชราดั่งรู้ความคิด บอกเสียงสั่นตามอายุขัยแล้วรับไม้เท้าไปจากหญิงสาว
“คุณพ่อ ! มองก็ไม่เห็นเดินมาเองได้ไงคะเนี่ย” มีหญิงแปลกหน้าหน้าตาตื่นเข้ามาหาชายชราคนนั้น พร้อมกับจูงมือลูกสาวตัวน้อยมาด้วย กิรณาจึงหลบให้อีกฝ่ายเข้ามาแทนที่แม้ยังงงๆ กับคำพูดของชายชรา
หล่อนไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ชายชราคนนั้นพูดกับหล่อนรึเปล่า
“วันนี้ทางห้องสมุดมีจัดกิจกรรมวาดภาพระบายสีใช่มั้ยคะ” หญิงแปลกหน้าหันมาถามกิรณา เพราะพาลูกสาวมาร่วมกิจกรรม
กิรณาไม่มีอารมณ์มาสนใจใครหรอก หล่อนกำลังตกอยู่ในภาวะเครียดและสับสน แต่ด้วยชุดฟอร์มบรรณารักษ์ที่สวมใส่อยู่นั้นยังค้ำคอจึงฝืนยิ้มให้ ครุ่นคิดเล็กน้อย หล่อนจำไม่ได้ว่าห้องสมุดมีแผนจัดกิจกรรมในช่วงนี้ด้วย
เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนมารดามองมาตาแป๋ว รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ กิรณาเลยอดไม่ได้ขอทำหน้าที่บรรณารักษ์ครั้งสุดท้าย ช่วยเข้าไปดูโปรแกรมให้ซึ่งติดประกาศอยู่ภายในห้องสมุด แต่แล้ววินาทีนั้น กิรณากลับประหลาดใจกับวันเดือนปีที่เห็นในโปรแกรมจัดกิจกรรม มันเลยผ่านวันเวลาที่หล่อนจดจำได้มาร่วมสองเดือน !
ห้วงฝันวันรัก --- บทที่ 2(2)
บทที่ 1: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 2(1) : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“ลาออก !?”
กิรณาถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อมาถึงที่ทำงานแต่เช้าตรู่อยู่ดีไม่ว่าดีกลับมารับรู้ว่าตัวเองลาออกจากงานแล้ว !
“มะ...มันจะเป็นไปได้ไงคะพี่ตา” กิรณาพูดกับเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เสียงสั่นเครือ ก็หวานตาน่ะสิเป็นคนบอก
“หว้าเนี่ยนะคะยื่นใบลาออก ไม่ค่ะ เป็นไปไม่ได้ ต้องมีใครสักคนเข้าใจผิดแน่ๆ หว้าขอโทร.ถามทางกศน.ก่อนนะคะ”
“ไม่มีประโยชน์จ้ะลูกหว้า” หวานตารีบขัดเมื่อเห็นกิรณาทำท่าจะคว้าโทรศัพท์บนเคาน์เตอร์บรรณารักษ์มาโทร.หาทางหน่วยงานต้นสังกัดที่ดูแล
ท่าทางกิรณาที่ไม่ยอมง่ายๆ หวานตาเลยดึงตัวกิรณาออกมาคุยกันนอกห้องสมุดแทนเพราะไม่อยากทำผิดกฎ เสียงดังรบกวนผู้ใช้บริการเสียเอง
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าลูกหว้ากำลังมีปัญหาอะไรถึงได้อยากกลับมาทำงานที่นี่ แต่เรื่องที่ลูกหว้าลาออก ทางกศน.เขาก็รับรู้แล้ว จู่ๆ ลูกหว้าบุ่มบ่ามเข้ามาโวยวายที่ห้องสมุดแบบนี้จะยิ่งทำให้เสียทั้งงานเสียทั้งตัวลูกหว้าเอง ลูกหว้าเข้าใจที่พี่พูดใช่มั้ย”
“แต่หว้า...เอ่อ...ไม่เคยคิดจะลาออกเลยนะคะ” กิรณายังคงยืนยันคำเดิม
โอเค อาจจะมีบ้างที่หล่อนเคยคิดอยากลาออกจริงๆ แล้วไปตายเอาดาบหน้า งานห้องสมุดใช่ว่าจะสบายอย่างที่ใครๆ เข้าใจ แต่นั่นก็แค่ความคิด ไม่ได้ทำจริงอย่างที่รุ่นพี่กำลังเข้าใจอยู่ตอนนี้ !
หวานตากลับเข้าไปในห้องสมุดแล้ว ขณะที่กิรณายังคงยืนค้างอยู่อย่างนั้น…ก่อนไปหวานตาเล่าว่า กิรณาเป็นคนบอกเรื่องลาออกให้หวานตารู้เอง โดยให้เหตุผลไว้ว่าต้องการกลับไปช่วยครอบครัวดูแลร้านสุขภัณฑ์ที่ลำปาง และทางหน่วยงานต้นสังกัดก็อนุมัติยินยอมให้กิรณาลาออกแล้วด้วย
สิ่งที่เพิ่งรับรู้มาจากหวานตา กิรณาถึงกับเข่าทรุดล้มทั้งยืนบนฟุตปาธแถวนั้นไม่ต่างจากคนหมดกำลัง
แค่เมื่อเช้าหล่อนตื่นขึ้นมาก็เครียดมากพออยู่แล้ว หล่อนเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆ กาแฟพวกนั้นมันไม่ได้ช่วยให้หล่อนหายง่วงเลยสักนิด รู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นมาเจอกับความว่างเปล่าภายในบ้านเช่นเคย หนำซ้ำดันต้องมารับรู้ว่าตัวเองตกงานกะทันหัน !
กิรณาเหลือบมองอาคารกระจกรูปทรงทันสมัยสามชั้นเบื้องหลังด้วยความเจ็บปวด น้ำใสๆ เริ่มระรื้นขึ้นที่ขอบตา กิรณาไม่รู้แล้วว่า ณ ตอนนี้ เวลานี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตหล่อนกันแน่ ความเครียดที่สุมรวมอยู่ในอกจึงระเบิดออกมาเป็นหยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง
...เนิ่นนานที่หญิงสาวปล่อยให้ตัวเองนั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้น...
“หนูต้องมีสติให้มากๆ”
จู่ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนดังอยู่เหนือศีรษะ พลันนั้น มีไม้เท้าคนแก่กลิ้งมากระทบที่ปลายเท้ากิรณา
หญิงสาวกำลังนั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้ เงยหน้าสบมอง เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายชรา แต่งตัวดี เดินงกๆ เงิ่นๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้า ลักษณะเหมือนกำลังก้มหาของบนพื้น กิรณาเลยจำต้องปาดน้ำตาทิ้ง ลุกขึ้นหยิบไม้เท้าให้ชายชราคนนั้น
“เมื่อถึงเวลา หนูก็จะรู้เอง” ชายชราดั่งรู้ความคิด บอกเสียงสั่นตามอายุขัยแล้วรับไม้เท้าไปจากหญิงสาว
“คุณพ่อ ! มองก็ไม่เห็นเดินมาเองได้ไงคะเนี่ย” มีหญิงแปลกหน้าหน้าตาตื่นเข้ามาหาชายชราคนนั้น พร้อมกับจูงมือลูกสาวตัวน้อยมาด้วย กิรณาจึงหลบให้อีกฝ่ายเข้ามาแทนที่แม้ยังงงๆ กับคำพูดของชายชรา หล่อนไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ชายชราคนนั้นพูดกับหล่อนรึเปล่า
“วันนี้ทางห้องสมุดมีจัดกิจกรรมวาดภาพระบายสีใช่มั้ยคะ” หญิงแปลกหน้าหันมาถามกิรณา เพราะพาลูกสาวมาร่วมกิจกรรม
กิรณาไม่มีอารมณ์มาสนใจใครหรอก หล่อนกำลังตกอยู่ในภาวะเครียดและสับสน แต่ด้วยชุดฟอร์มบรรณารักษ์ที่สวมใส่อยู่นั้นยังค้ำคอจึงฝืนยิ้มให้ ครุ่นคิดเล็กน้อย หล่อนจำไม่ได้ว่าห้องสมุดมีแผนจัดกิจกรรมในช่วงนี้ด้วย
เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนมารดามองมาตาแป๋ว รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ กิรณาเลยอดไม่ได้ขอทำหน้าที่บรรณารักษ์ครั้งสุดท้าย ช่วยเข้าไปดูโปรแกรมให้ซึ่งติดประกาศอยู่ภายในห้องสมุด แต่แล้ววินาทีนั้น กิรณากลับประหลาดใจกับวันเดือนปีที่เห็นในโปรแกรมจัดกิจกรรม มันเลยผ่านวันเวลาที่หล่อนจดจำได้มาร่วมสองเดือน !