ครบรอบการทำงาน 1 ปีในหน้าที่"นักกายภาพบำบัด" จขกท.อยากแบ่งปันประสบการณ์ เรื่องราวดีๆ มุมมองของเด็กจบใหม่แล้วทำงานเลย
(ไฟแรงไง ยังไม่อยากเรียนต่อ ฮ่าๆๆ)
นักกายภาพบำบัด คือ ผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตรวจประเมินและวินิจฉัย การบำบัด การป้องกัน การแก้ไข และการฟื้นฟู ความบกพร่องของร่างกายที่เกิดจากภาวะของโรค หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ รวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจ ด้วยวิธีการทางกายภาพบำบัด
นักกายภาพบำบัดอย่างเราๆ สามารถทำงานได้หลากหลายสาขา เช่น ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ระบบประสาท ระบบหัวใจและการหายใจ เด็ก กีฬา เป็นต้น แล้วทำอะไรบ้าง... มันก็ย้อนกลับไปคำนิยามด้านบน ยิ้ม ซึ่งที่รู้ๆกันคือ ฝึกผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต แต่เราทำได้เยอะกว่านั้นค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
--------------------- ขอย้ำว่า งานของเราเยอะกว่านั้นค่ะ -----------------------
พอล่ะเรื่องบอกเล่าหน้าที่การทำงาน ถ้าว่างๆจะมาพิมพ์เพิ่มนะคะ (แอบติดไว้ก่อน ไม่ว่ากันเนอะ)
สำหรับความตั้งใจที่จะเขียนกระทู้นี้จริงๆคือ อยากบอกเล่าประสบการณ์การทำงานทางด้านกายภาพบำบัด ลองอ่านดูละกันค่ะ น่าจะสนุกดี
1. ความเสี่ยง... เด็กจบใหม่ที่อายุ 22 -23 ปี เข้าสู่การทำงานแบบปุ๊บปั๊บ ตัดสินใจโฉะๆๆๆ มีความเสี่ยงที่จะโดนญาติมาบรีฟ มากดดันว่า เรียนปริญญาตรีแค่นี้มันไม่พอหรอก คนอื่นเค้าเรียนสูงๆกัน ทำไมไม่เรียนต่อ บลาๆ ค่ะ
------------- เราก็เอาเหตุผลมาคุยกันค่ะ เราอยากหาประสบการณ์ก่อน มันดีคนละแบบนะ แล้วก็ทำหน้ายิ้มสวยๆ ความจริงแล้วในใจโอดโอย เชื่อใจกันมั่งสิ โธ่วววว
2. ใจเย็นๆ... เอาแล้วไงพอยื่นไปหลายๆที่ ตอนไม่มีงานก็ไม่มี พอจะมีก็เข้ามาชนกันปังๆๆๆ โอยปวดหัว ฉะนั้น ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ หางานทำในที่ที่เราชอบมากที่สุด ใครพูดอะไร ไม่ต้องเครียด คนเรามีดีกันคนละแบบ พุ่งชนกันเข้าไป
3. ใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด... ก็ใช่ไงคะ ก็ต้องนำความรู้มาใช้ ฮ่าๆๆๆ ใช้ให้รู้ท่องแท้ไปเลยค่ะ เพราะว่าในตำรากับชีวิตจริงไม่เหมือนกัน เคสมีทั้งง่ายๆและอัพเกรดขึ้นเรื่อยๆ
4. อายุ... ยิ่งคุณอายุน้อย คุณก็จะต้องยิ่งพิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ยอมรับของคนที่เคยอยู่มาเก่าก่อน ถ้าในแผนกมีแต่คนอายุมาก generation ต่างกัน การทำงานต่างกัน เราต้องทำให้เห็นว่า เรามีความสามารถนะ อย่างมองกันที่อายุสิ เด็กใหม่อย่างเราก็มีความคิดนะ ประเทศไทย 4.0 แล้วจะมาล้าหลังไม่ได้นะ แต่เราต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เติบโตให้สมวัย จะมางอแงไม่ได้นะจ๊ะ เพราะที่แผนกไม่มีใครให้อ้อน ฮ่าๆๆๆ ไม่ใช่ค่ะ เดี๋ยวจะมองว่าเรายังเด็กวุฒิภาวะไม่พอ
5. เพศ... เหมือนจะไม่เกี่ยว แต่ก็เกี่ยวอยู่นะ เพศชาย เหมือนจะเป็นที่ยอมรับกว่าเพศหญิง ได้อภิสิทธิ์มากกว่า
เอาเป็นว่าข้อนี้ รอให้หลายๆคนมาแสดงความคิดเห็นดีกว่าค่ะ
6. ชีวิตจริงคล้ายๆละคร... เหมือนสังคมที่คุณอยู่จะสอนให้คุณเล่นละครเป็น (ขอยักคิ้วซ้ายหนึ่งครั้ง) ไม่เชื่อลองคิดดู
7. ต้องรู้จักหลับตาข้างหนึ่ง ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาบ้าง แต่ความจริงในใจหรอ เข้าทวิตเตอร์รัวๆ (อุ่ย... HRจะมาตามส่องมั้ย ฮ่าๆๆๆ)
8. นักกายภาพบำบัดไม่อดตาย มีแต่อ้วนขึ้นๆ ยิ่งๆขึ้นไป เราอยู่ได้เพราะคนไข้ค่ะ อาหารคาวเอย หวานเอย ผลไม้เอย ทุเรียนงี้
สะสมแต้มบุญวนไปค่ะ
9. พูดจาคะขาเข้าไป ดีที่สุดค่ะ ใครจะมองเรายังไง แต่คำพูดที่เสนาะหูคือยาอีกชนิดนึงนะที่จะทำให้คนไข้หายจากอาการเจ็บป่วยได้
10. ทำงานแล้ว แต่งหน้าได้ หวานๆ ใสๆ กำลังดี นี่ก็เป็นยาอีกชนิดนึงที่ทำให้คนไข้หายป่วยได้ จริงมั้ย ใครอยากจะเห็นอะไรที่โทรมๆ ไม่สดใส
11. อยากทาเล็บจะได้มั้ย... อันนี้จขกท.อยากทาเหมือนกัน โอยยย ชีวิตอยากมีสีสัน ซึ่งก็แล้วแต่แผนก แล้วแต่โรงพยาบาลนะ
-------------- นอกเรื่องมาเยอะเหมือนกัน ฮ่าๆๆ -------------
อยากบอกทุกคน จบใหม่ ไม่ใหม่ เก่าแล้ว ไม่เก่ายังไง คือล้วนแล้วต้องการการเจริญเติบโตในที่ๆเหมาะสม ต้นไม้จะใหญ่ รากจะชอนไชได้อยู่ที่การได้รับน้ำ การพรวนดิน รวมไปถึงขนาดกระถาง ไม่แปลกที่เราจะเปลี่ยนกระถางเพื่อรองรับการเจริญเติบโต (ยักคิ้วซ้ายสองครั้ง ยิ้มสวยๆ)
---------------- ได้เงินเดือนแล้ว อย่าลืมให้พ่อแม่ท่านด้วยนะคะ จุ๊บๆ ----------------------
ครบรอบ 1 ปีในการทำงานเป็นนักกายภาพบำบัด... เด็กจบใหม่ไง จำไม่ได้หรอ???
(ไฟแรงไง ยังไม่อยากเรียนต่อ ฮ่าๆๆ)
นักกายภาพบำบัด คือ ผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตรวจประเมินและวินิจฉัย การบำบัด การป้องกัน การแก้ไข และการฟื้นฟู ความบกพร่องของร่างกายที่เกิดจากภาวะของโรค หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ รวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจ ด้วยวิธีการทางกายภาพบำบัด
นักกายภาพบำบัดอย่างเราๆ สามารถทำงานได้หลากหลายสาขา เช่น ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ระบบประสาท ระบบหัวใจและการหายใจ เด็ก กีฬา เป็นต้น แล้วทำอะไรบ้าง... มันก็ย้อนกลับไปคำนิยามด้านบน ยิ้ม ซึ่งที่รู้ๆกันคือ ฝึกผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต แต่เราทำได้เยอะกว่านั้นค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
--------------------- ขอย้ำว่า งานของเราเยอะกว่านั้นค่ะ -----------------------
พอล่ะเรื่องบอกเล่าหน้าที่การทำงาน ถ้าว่างๆจะมาพิมพ์เพิ่มนะคะ (แอบติดไว้ก่อน ไม่ว่ากันเนอะ)
สำหรับความตั้งใจที่จะเขียนกระทู้นี้จริงๆคือ อยากบอกเล่าประสบการณ์การทำงานทางด้านกายภาพบำบัด ลองอ่านดูละกันค่ะ น่าจะสนุกดี
1. ความเสี่ยง... เด็กจบใหม่ที่อายุ 22 -23 ปี เข้าสู่การทำงานแบบปุ๊บปั๊บ ตัดสินใจโฉะๆๆๆ มีความเสี่ยงที่จะโดนญาติมาบรีฟ มากดดันว่า เรียนปริญญาตรีแค่นี้มันไม่พอหรอก คนอื่นเค้าเรียนสูงๆกัน ทำไมไม่เรียนต่อ บลาๆ ค่ะ
------------- เราก็เอาเหตุผลมาคุยกันค่ะ เราอยากหาประสบการณ์ก่อน มันดีคนละแบบนะ แล้วก็ทำหน้ายิ้มสวยๆ ความจริงแล้วในใจโอดโอย เชื่อใจกันมั่งสิ โธ่วววว
2. ใจเย็นๆ... เอาแล้วไงพอยื่นไปหลายๆที่ ตอนไม่มีงานก็ไม่มี พอจะมีก็เข้ามาชนกันปังๆๆๆ โอยปวดหัว ฉะนั้น ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ หางานทำในที่ที่เราชอบมากที่สุด ใครพูดอะไร ไม่ต้องเครียด คนเรามีดีกันคนละแบบ พุ่งชนกันเข้าไป
3. ใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด... ก็ใช่ไงคะ ก็ต้องนำความรู้มาใช้ ฮ่าๆๆๆ ใช้ให้รู้ท่องแท้ไปเลยค่ะ เพราะว่าในตำรากับชีวิตจริงไม่เหมือนกัน เคสมีทั้งง่ายๆและอัพเกรดขึ้นเรื่อยๆ
4. อายุ... ยิ่งคุณอายุน้อย คุณก็จะต้องยิ่งพิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ยอมรับของคนที่เคยอยู่มาเก่าก่อน ถ้าในแผนกมีแต่คนอายุมาก generation ต่างกัน การทำงานต่างกัน เราต้องทำให้เห็นว่า เรามีความสามารถนะ อย่างมองกันที่อายุสิ เด็กใหม่อย่างเราก็มีความคิดนะ ประเทศไทย 4.0 แล้วจะมาล้าหลังไม่ได้นะ แต่เราต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เติบโตให้สมวัย จะมางอแงไม่ได้นะจ๊ะ เพราะที่แผนกไม่มีใครให้อ้อน ฮ่าๆๆๆ ไม่ใช่ค่ะ เดี๋ยวจะมองว่าเรายังเด็กวุฒิภาวะไม่พอ
5. เพศ... เหมือนจะไม่เกี่ยว แต่ก็เกี่ยวอยู่นะ เพศชาย เหมือนจะเป็นที่ยอมรับกว่าเพศหญิง ได้อภิสิทธิ์มากกว่า
เอาเป็นว่าข้อนี้ รอให้หลายๆคนมาแสดงความคิดเห็นดีกว่าค่ะ
6. ชีวิตจริงคล้ายๆละคร... เหมือนสังคมที่คุณอยู่จะสอนให้คุณเล่นละครเป็น (ขอยักคิ้วซ้ายหนึ่งครั้ง) ไม่เชื่อลองคิดดู
7. ต้องรู้จักหลับตาข้างหนึ่ง ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาบ้าง แต่ความจริงในใจหรอ เข้าทวิตเตอร์รัวๆ (อุ่ย... HRจะมาตามส่องมั้ย ฮ่าๆๆๆ)
8. นักกายภาพบำบัดไม่อดตาย มีแต่อ้วนขึ้นๆ ยิ่งๆขึ้นไป เราอยู่ได้เพราะคนไข้ค่ะ อาหารคาวเอย หวานเอย ผลไม้เอย ทุเรียนงี้
สะสมแต้มบุญวนไปค่ะ
9. พูดจาคะขาเข้าไป ดีที่สุดค่ะ ใครจะมองเรายังไง แต่คำพูดที่เสนาะหูคือยาอีกชนิดนึงนะที่จะทำให้คนไข้หายจากอาการเจ็บป่วยได้
10. ทำงานแล้ว แต่งหน้าได้ หวานๆ ใสๆ กำลังดี นี่ก็เป็นยาอีกชนิดนึงที่ทำให้คนไข้หายป่วยได้ จริงมั้ย ใครอยากจะเห็นอะไรที่โทรมๆ ไม่สดใส
11. อยากทาเล็บจะได้มั้ย... อันนี้จขกท.อยากทาเหมือนกัน โอยยย ชีวิตอยากมีสีสัน ซึ่งก็แล้วแต่แผนก แล้วแต่โรงพยาบาลนะ
-------------- นอกเรื่องมาเยอะเหมือนกัน ฮ่าๆๆ -------------
อยากบอกทุกคน จบใหม่ ไม่ใหม่ เก่าแล้ว ไม่เก่ายังไง คือล้วนแล้วต้องการการเจริญเติบโตในที่ๆเหมาะสม ต้นไม้จะใหญ่ รากจะชอนไชได้อยู่ที่การได้รับน้ำ การพรวนดิน รวมไปถึงขนาดกระถาง ไม่แปลกที่เราจะเปลี่ยนกระถางเพื่อรองรับการเจริญเติบโต (ยักคิ้วซ้ายสองครั้ง ยิ้มสวยๆ)
---------------- ได้เงินเดือนแล้ว อย่าลืมให้พ่อแม่ท่านด้วยนะคะ จุ๊บๆ ----------------------