เรื่องมีอยู่ว่า ผมขับรถบรรทุก6ล้อจะไปส่งของวันนั้นมีฝนตกแต่ว่าตอนเกิดเหตุฝนหยุดแล้วตกแค่ปลอยๆ ผมขับมาที่ความเร็วประมาณ60-70กม/ชม(ไม่เกิน70อยู่แล้วเพราะรถบรรทุกของมา10ตัน) จังหวะนั้นข้างหน้ารถผมมีรถปูนขับอยู่ห่างออกไปประมาณ150-200เมตรแต่วิ่งช้ากว่ารถผมผมก็เลยมองดูเลนที่สวนทาง ผมเห็นว่าเลนมันโล่งยาว(เพราะว่าเวลารถบรรทุกจะขึ้นแซงจะไม่เหมือนพวกรถกระบะหรือเก๋ง มันต้องใช้ระยะทางในการแซงมากกว่า กว่าจะแซงรถคันหน้าพ้น)ผมเลยตีไฟเลี้ยวขวาขึ้นแซง แต่พอรถผมวิ่งมาถึง อีกประมาณ5-10เมตรจะถึงรถปูน ไอ้รถปูนมันดันตีไฟเลี้ยวขวาแล้วหักหัวมา เฉยเลย ผมตกใจเลยบีบแตรทีนี้รถปูนมันก็เลยหักหัวกลับแต่ตอนมันหักหัวมาท้ายมันก็ขึ้นมาด้วย ผมหักหลบไม่ทัน(ระหว่างนั้นขาขวาผมก็เหยี่ยบเบรกจนมิด)ด้านหน้ารถทางซ้ายของผมไปชนเข้ากับช่วงล้อหลังและบังโคลนด้านซ้ายของรถปูน แล้วล้อรถคู่หน้าของคันผมก็พับหน้าทิ่มถะไหลไปประมาณ20-30เมตรของเลนที่ผมขึ้นแซงมา พอเหตุการชนหยุดแล้วผมเห็นรถปูนมันขยับรถตั้งตรง แล้วทีนี้ก็รอตำรวจมา....
เหตุการก็มีประมาณนี้ละครับผมเลยมีข้ออยากถามใครที่รู้ช่วยตอบผมหน่อย แต่จะมีองประกอบอีก
1.จุดที่ชนมันเป็นทางแยกขวาพอดีซึ่งมันต้องมีเส้นทึบยาวประมาณไม่น่าเกิน30เมตร
2.ตรงจุดที่ผมขึ้นแซงนั้นบวกกับความเร็วของรถต้องไม่ต่ำกว่า100เมตรอยู่แล้วชัวๆกว่าจะถึงเส้นทึบ
3.แต่จะถามว่า ผมไม่เห็นเส้นทึบเหรอบอกตรงๆคือไม่เห็น ที่ไม่เห็นเพราะ จังหวะที่รถปูนวิ่งมันก็ดีดน้ำขึ้นมาเป็นละอองน้ำใครที่ขับรถตอนฝนตกน่าจะรู้ดีแล้วยิ่งล้อรถปูนมันใหญ่ละอองยิ่งเยอะกว่ารถเล็กเพราะฝนมันพึ่งตกเสร็จหมาดๆบวกกับการที่ผมต้องเพ่งไปข้างหน้ามากกว่าปกติเพราะขึ้นแซงตอนถนนเปียกกลัวลื่น สวนไอ้รถที่จะสวนเลนมาน่ะไม่มีโล่งยาว
4.หลังจากที่ตำรวจมาถึงคนขับรถปูนบอกว่าเปิดไฟเลี้ยวมาตั้งไกล.....ลองคิดดูซิครับว่าโดยปกติของคนที่ขับรถ เห็นรถคันข้างหน้าเปิดไฟเลี้ยวไม่ว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวาเราต้องยกคันเร่งแล้วแตะเบรกโดยอัตระโนมัตอยู่แล้วคงจะไม่มีใครยิ่งเหยียบคันเร่งกันหรอกแล้วยิ่งเป็นผมที่ขับตามหรือกำลังขึ้นแซงเพราะผมรู้ดีว่ารถผมบรรทุกหนักมาการเบรกจะไม่ดีเหมือนรถที่ไม่ได้บรรทุกหนักแล้วยิ่งถนนก็เปียกยิ่งต้องระวังเป็น2เท่า..แต่ความจริงแล้วเปิดเสร็จก็เลี้ยวเลย
ทีนี้ผมอยากจะถามหน่อยครับว่าตามกฎหมายแล้วใครผิด แล้วความเป็นจริงแล้วใครผิด ฝ่ายไหนประมาทหรือประมาทร่วม
รถผมคนที่ประเมินซ่อมประเมินอยู่ที่ 250,000บาท ส่วนรถปูนปรัเมินซ่อมอยู่ที่6,000บาท(ให้เขาไปประเมินที่โรงพักเลย)
***ส่วนตัวผมเองมีความรู้สึกว่าผมไม่ผิดเขาตัดหน้าผม***
กฎหมายจราจร วิเคราะถูกผิด
เหตุการก็มีประมาณนี้ละครับผมเลยมีข้ออยากถามใครที่รู้ช่วยตอบผมหน่อย แต่จะมีองประกอบอีก
1.จุดที่ชนมันเป็นทางแยกขวาพอดีซึ่งมันต้องมีเส้นทึบยาวประมาณไม่น่าเกิน30เมตร
2.ตรงจุดที่ผมขึ้นแซงนั้นบวกกับความเร็วของรถต้องไม่ต่ำกว่า100เมตรอยู่แล้วชัวๆกว่าจะถึงเส้นทึบ
3.แต่จะถามว่า ผมไม่เห็นเส้นทึบเหรอบอกตรงๆคือไม่เห็น ที่ไม่เห็นเพราะ จังหวะที่รถปูนวิ่งมันก็ดีดน้ำขึ้นมาเป็นละอองน้ำใครที่ขับรถตอนฝนตกน่าจะรู้ดีแล้วยิ่งล้อรถปูนมันใหญ่ละอองยิ่งเยอะกว่ารถเล็กเพราะฝนมันพึ่งตกเสร็จหมาดๆบวกกับการที่ผมต้องเพ่งไปข้างหน้ามากกว่าปกติเพราะขึ้นแซงตอนถนนเปียกกลัวลื่น สวนไอ้รถที่จะสวนเลนมาน่ะไม่มีโล่งยาว
4.หลังจากที่ตำรวจมาถึงคนขับรถปูนบอกว่าเปิดไฟเลี้ยวมาตั้งไกล.....ลองคิดดูซิครับว่าโดยปกติของคนที่ขับรถ เห็นรถคันข้างหน้าเปิดไฟเลี้ยวไม่ว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวาเราต้องยกคันเร่งแล้วแตะเบรกโดยอัตระโนมัตอยู่แล้วคงจะไม่มีใครยิ่งเหยียบคันเร่งกันหรอกแล้วยิ่งเป็นผมที่ขับตามหรือกำลังขึ้นแซงเพราะผมรู้ดีว่ารถผมบรรทุกหนักมาการเบรกจะไม่ดีเหมือนรถที่ไม่ได้บรรทุกหนักแล้วยิ่งถนนก็เปียกยิ่งต้องระวังเป็น2เท่า..แต่ความจริงแล้วเปิดเสร็จก็เลี้ยวเลย
ทีนี้ผมอยากจะถามหน่อยครับว่าตามกฎหมายแล้วใครผิด แล้วความเป็นจริงแล้วใครผิด ฝ่ายไหนประมาทหรือประมาทร่วม
รถผมคนที่ประเมินซ่อมประเมินอยู่ที่ 250,000บาท ส่วนรถปูนปรัเมินซ่อมอยู่ที่6,000บาท(ให้เขาไปประเมินที่โรงพักเลย)
***ส่วนตัวผมเองมีความรู้สึกว่าผมไม่ผิดเขาตัดหน้าผม***