[CR] เมื่อป้าไปย่ำถ้ำใหญอันดับ 4 ของโลก ถ้ำยาวที่สุดในไทย และสันหลังมังกรยาว 3 กม. กลางทะเล ที่สตูล

สวัสดีชาวพันทิป ก่อนอื่นต้องขอออกตัวล้อฟรีก่อนเลยว่า อันตัวป้านี้ก็เป็นมนุษย์เงินเดือนอายุใกล้เลข 4 ที่เพิ่งมาชอบเดินทางมากๆ เอาตอนแก่ และที่ผ่านๆ มาก็อาศัยมาตามส่องที่เที่ยวตรงนั้นตรงนี้จากเว็บนี้ออกบ่อย คราวนี้เลยอยากคืนกำไรให้สังคมมั่ง (เหรอ??) เอาเป็นว่าอยากถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ไว้แลกเปลี่ยนกันกะผู้คนแถวนี้ละกันเนอะ

เรื่องเริ่มจากเคยดูรายการที่พูดถึงถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ในเวียดนาม แต่ความหวังว่าจะได้ไปเองคงริบหรี่ เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายจะแพงมากกกกกเกินปัญญาป้าแล้ว สังขารป้าเองก็ไม่น่าจะสู้ไหว ทันใดก็เลยคิดถึงถ้ำใหญ่อันดับ 4 ของโลกที่ป้าเคยไปมา แล้วมันก็อยู่ในประเทศไทยด้วย แม้จะเคยเห็นคนรีวิวที่นี่มาบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นหนุ่มสาวแรงดีกันทั้งนั้น ป้าเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์บ้างว่าวัยรุ่นตอนปล๊ายยยปลายใกล้กับป้าเนี่ยก็ยังไปเที่ยวถ้ำแบบนี้ได้อยู่นะเอ้า!! ... แต่บอกก่อนนะว่าเอาจริงๆ ป้าเป็นคนกลัวการเที่ยวถ้ำนะ เพราะว่ากลัวงูมากกกกกกกก แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ก็อยากลองดูซักครั้ง ก่อนจะแก่ไปกว่านี้และข้อเข่าไม่อำนวย ก็เอาวะ เป็นไงก็เป็นกัน ไปก็ไป

เริ่มต้นด้วยการหาที่ซุกหัวนอนก่อน เพราะวัยเยี่ยงนี้ ครั้นจะให้ไปนอนกลางดินกินกลางทรายก็คงจะไม่สู้แล้วนะ คราวนี้ป้าไปได้ที่พักจากในเว็บ traveloka ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ลองใช้เว็บนี้อ่ะนะ ที่ตกลงใจจองก็ง่ายๆ เลย คือป้าดันไปเห็นว่าโรงแรมที่เล็งไว้ ราคาเว็บนี้มันถูกกว่าอีกเว็บที่ใช้เป็นประจำอยู่เกือบครึ่ง โอ๊ยยยยยยยยยย น้ำตาจะไหล อ่ะ ไหนๆ ก็เจอของถูกแล้ว ก็จองสิจ๊ะ จ่ายแพงกว่าทำไม เก็บตังค์ไว้รักษาข้อเข่าที่จะเสื่อมลงไปทุกวันดีกว่า!

ราคาดีงามมมมมมมม ใครยังไม่เคยลองดูนะ
ไหนๆ ก็ว่าจะเที่ยวถ้ำให้สาแก่ใจ จะไปถ้ำเดียวก็กะไรอยู่ ป้าเลยบวก 'ถ้ำเลสเตโกดอน' ไว้ในทริปคราวนี้ด้วยอีกที่นึง เพราะเค้าบอกว่านี่คือถ้ำเชื่อมกับทะเลที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คือปาไปเกือบ 4 กม. ส่วนชื่อแปลกๆ ของถ้ำนี้ จริงๆ คือชื่อของช้างดึกดำบรรพ์ที่เคยขุดค้นพบโครงกระดูกที่ถ้ำนี้ อ่ะ เล่าต่อเลยว่า จังหวัดสตูลเนี่ย มันคือพื้นที่ทะเลดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย โดยวัดจากซากฟอสซิลที่เคยขุดเจอที่นี่ ก็คาดว่าน่าจะมีอายุประมาณ 542 ล้านปี!!! เรียกว่าไอ้ที่ขุดๆ เจอเนี่ย เก่าแก่ตั้งแต่ก่อนยุคไดโนเสาร์เลยอ่ะ โอ้ววววว มาย ก้อชชชชชชชชช ความตื่นเต้นเริ่มมา .. ส่วนชื่อสเตโกดอนเนี่ย เป็นชื่อของช้างดึกดำบรรพ์ที่หน้าตาคล้ายๆ ช้างแมมมอธนี่ละ แต่ถือกำเนิดหลังยุคไดโนเสาร์ แล้วก็มีการขุดพบซากฟอสซิลของไอ้เจ้าตัวนี้กันมากที่ อ.ทุ่งหว้า และแน่นอนว่าถ้ำที่เรากำลังจะไปนี่ก็เป็นอีกที่เช่นกันที่ขุดเจอ

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ที่บอกตรงๆ ว่าดูไม่รู้ว่านี่คือพิพิธภัณฑ์ 555
ด้านในพิพิธภัณฑ์ดูทันสมัยกว่าที่คิดไว้ตอนแรกอีก
ถ้ำเลสเตโกดอน มีชื่อเดิมว่าถ้ำวังกล้วย ถือเป็นถ้ำน้ำเค็มที่ยาวที่สุดในประเทศไทย แต่ไม่ใช่ว่าอยากมาเมื่อไหร่ก็พุ่งมาได้เลยนะ เพราะควรจะต้องติดต่อองค์การบริหารส่วนตำบล อำเภอทุ่งหว้า เอาไว้ก่อน เนื่องจากการเข้าไปในถ้ำ ต้องเช็คสภาพน้ำขึ้นน้ำลง เพื่อจะหาช่วงเวลาเข้าออกที่ปลอดภัย และทางเจ้าหน้าที่จะได้เตรียมอุปกรณ์ในการชมถ้ำไว้ให้เราก่อน ใครสนใจก็ลองโทรไปที่เบอร์นี้ดูนะ 074 – 789317 เอาละ ไปเข้าถ้ำกันดีกว่า ..

ด้านหน้าทางเข้าถ้ำเลสเตโกดอน มีรูปช้างประกอบความเข้าใจด้วย
อ่านประวัติกันอีกทีก่อนลุย

วิธีการชมถ้ำเลสเตโกดอนก็คือการนั่งเรือคายัค โดยจะมีเจ้าหน้าที่เป็นคนพายให้ โดยเค้าจะมีอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยให้อย่างเสื้อชูชีพ และหมวกกันน็อคให้ใส่ จากนั้นก็ลงเรือเข้าไปในถ้ำกันได้เลย อย่างที่บอกนั่นละว่าป้าเป็นคนกลัวถ้ำ กลัวงู แต่อันนี้จะมีความสบายใจหน่อยตรงที่ว่าเราไม่ต้องเดินไง คือเก็บอวัยวะทุกอย่างไว้บนเรือ ก็จะรู้สึกปลอดภัยมากกกกก 5555 พอเราเริ่มเข้าไปในตัวถ้ำ เจ้าหน้าที่จะทำการส่องไฟสปอร์ตไลท์ให้เราดูทีละจุดๆ ก็จะมีหินงอกหินย้อยที่รูปร่างหน้าตาแปลกๆ ให้เราได้ช่วยกันจินตนาการไปตามเรื่องตามราว บางจุดก็เป็นสีเหลือง แปลกดี อากาศภายในถ้ำจะค่อยๆ เย็นขึ้น ตามความลึกที่เราเข้าไป แต่ดีมากจนน่าแปลกใจตรงที่ไม่มีความอึดอัดเลย คงเพราะมันเป็นถ้ำที่มีทางเข้าทางออกทะลุทะลวง อีกอย่างคือความสูงที่ค่อนข้างโปร่งโล่ง อากาศเลยไหลผ่านถ่ายเทได้ดี สบายเหมือนอยู่ในห้องแอร์

พาหนะลุยถ้ำเลสเตโกดอน พร้อมฝีพาย
เอาละ ไปดูในถ้ำกันเลยดีกว่า ออกตัวไว้ก่อนว่ารูปอาจจะไม่ได้อลังการนะจ๊ะ ตามที่ความสามารถน้อยๆ ของป้าจะอำนวยเน้อ
อันนี้ป้าว่าเหมือนน้ำตกเลยอ่ะ แบบไหลเป็นชั้นๆ งี้
ดูกันระยะประชิด
ท่ามกลางความมืดมิด

แต่เรียกว่าถ้ำธรรมชาติ จะให้ชิลล์ไปมันก็คงไม่ได้อารมณ์ใช่มะ ป้ามาเยือนทั้งทีจะสบายมากไปเดี๋ยวอรรถรสจะไม่มี ป้าเลยเจอบางช่วงที่น้ำตื้น (หรือหินสูงก็ไม่รู้อ่ะ) จนทำให้เรือลอยไปไม่ได้ จากที่นั่งเป็นคุณนายสบายๆ เอาจ้า ต้องลงจากเรือมาลุยน้ำ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องลากเรือข้ามผ่านช่องหินที่โผล่สูงขึ้นมาไปอีกกก ไงล่ะจ้ะ ลุยพื้นเลนสิทีนี้ มืดด้วย ลงน้ำด้วย ลุยเลนด้วย แฮปปี้สิค้า

เมื่อเราพายเรือมาจนถึงจุดนึงที่คาดเดาเอากว่าน่าจะอยู่ช่วงกลางๆ ถ้ำละมั้ง เจ้าหน้าที่ก็มีเซอร์ไพรส์จ้า นั่นคือการดับไฟสปอร์ตไลท์วูบลง ทีนี้รอบข้างก็จะเหลือแค่ความมืด ที่บอกได้เลยว่ามืดที่สุดในชีวิตตั้งแต่เจอมา ... เคยได้ยินคำว่ามืดจนมองไม่เห็นมือตัวเองมั้ย นี่เลย เข้าใจแจ่มแจ้งแดงแจ๋เอาก็นาทีนี้เลย เพราะป้าลองเอามือมาโบกใกล้หน้าจนจะทิ่มตา ก็ไม่เห็นจริงๆ ด้วยแฮะ เจ้าหน้าที่บอกเราว่า เค้าอยากให้เรารับรู้ถึงความเงียบและความมืดที่แท้จริง ซึ่งโดยปกติแล้ว โอกาสที่เราจะได้พบกับความเงียบเบอร์นี้นี่คือยากมากกกก เพราะรอบตัวเราจะมีเสียงต่างๆ ตลอดเวลา คิดไปคิดมาก็ เออ ... จริง

เราใช้เวลาอยู่ในถ้ำชั่วโมงกว่า ก็พายเรือมาทะลุทางออกอีกด้านที่อยู่ติดกับป่าโกงกาง วิธีการเอาเรือออกจากถ้ำคือการเข็นเรือทั้งลำขึ้นไปบนท่าที่ทำจากไม้ไผ่ เพื่อไถเรือลงไปในน้ำอีกครั้ง เหมือนเอาเรือข้ามสะพานลอยเล็กๆ ยังไงยังงั้นแหละ แล้วจากนั้นก็พายต่อออกไปยังจุดที่เรือใหญ่จอดรออยู่ ทั้งหมดที่เล่ามาอาจจะฟังดูสมบุกสมบัน แต่พอเจอจริงๆ มันก็ไม่ได้แย่นะ ป้าว่าก็สนุกดี  แม้จะมีเปียกเล็กๆ แต่ก็เอาเป็นว่าชอบแฮะ ก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่จินตนาการไว้นี่หว่า ...

แสงสว่างของทางออก ...
มีโชว์เล็กน้อยจากฝีพาย ระหว่างรอเรือใหญ่ออก
ออกสู่โลกกว้างกันต่อด้วยเรือลำนี้ละ
นั่งเรือเพลินๆ
จากถ้ำแรก ป้านั่งรถต่อมาอีกไม่ถึงชั่วโมง ก็มาถึงถ้ำภูผาเพชร ถ้ำนี้นี่แหละที่เค้าบอกว่าเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลกเลยนะ อายุอานามความเก่าแก่ก็อยู่ที่ราวๆ 250 ล้านปี มีพื้นที่รวมประมาณ 50 ไร่!!! แบ่งเป็นโซนห้องต่างๆ ได้ประมาณ 20 ห้อง ... จากลานจอดรถ ต้องเดินขึ้นบันไดที่ทำไว้แบบกลมกลืนกะภูเขามากก อีกประมาณ 300 ขั้น นับเป็นการท้าทายข้อเข่าเป็นอย่างยิ่งเชียวละ แต่เอาวะ มาแล้วก็ต้องไป
พอตะกายขึ้นมาจนถึงปากทางเข้าถ้ำ ซึ่งเล็กมากกกก เล็กจนไม่น่าเชื่อว่านี่อ่ะนะ ถ้ำที่ใหญ่ที่สุดอันดับสี่ของโลก ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ไปข้างในเลยดีกว่า ก่อนที่จะเย็นย่ำไปกว่านี้ ... แต่ขึ้นชื่อว่าป้า จะธรรมดาได้ยังไง เพราะ...

โดยปกติแล้ว เส้นทางเดินตลอดจนจุดต่างๆ ภายในถ้ำ จะติดไฟสว่างไสวเป็นระยะๆ เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้กลอกตาดูความสวยงามกว้างใหญ่กันได้แบบเต็มที่ (ตามที่เคยเห็นหลายๆ คนลงรูปในรีวิวต่างๆ อ่ะนะ) แต่ว่านี่ป้าเองไง สบายๆ เหรอ?? ไม่เคยจ้า เพราะปรากฏว่าวันที่ป้ามาไฟดับค้าบบ เลยได้ประสบการณ์ไม่ซ้ำใคร เพราะเราเดินดูถ้ำในความมืด!! ดีว่าทุกคนที่เข้าไปพร้อมๆ กัน ต่างร่วมใจกันมากองเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วเดินไปพร้อมกัน นาทีนี้ไฟแฟลชมือถือคือมีประโยชน์มากกกกก พอถึงจุดไหนที่เป็นไฮไลท์ เราก็พร้อมใจกันยกมือถือส่องไฟไปรวมกันเป็นจุดเดียว ผลคือตามรูปเลยจ้า ได้เห็นแบบสลัวรัวรางไม่ซ้ำใครจริงๆ

ด้านหน้าที่ทางเข้าเล็กจนต้องก้มตัวลอดเข้าไปทีละคน
บันไดสูงเชียว
ความใหญ่โตของเสาหินด้านใน
ความมืดก็ขวางเราไม่ได้ 5555
อันนี้ป้าว่าเหมือนหมาชิสุเลยอ่ะ
เหมือนหัวใจสีทองเลย
งานมุดก็มา
แบ่งเป็นห้องๆ
อันนี้มองไกลๆ เหมือนเจ้าแม่กวนอิมเลย ว่ามั้ย?

ยังไปไม่ถึงไฮไลท์เลยอ่ะ ... เดี๋ยวมาต่อนะจ๊ะ
ชื่อสินค้า:   เที่ยวถ้ำ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่