[CR] My story #Episode 11 >Bike Trip 2 วัน 1 คืน พิชิตยอดเขาเทวดา อุทยานแห่งชาติพุเตย กาญจนบุรี

   >> สวัสดีครับเพื่อนๆ เห่านักอ่านทุกคน วันนี้ก็กลับมาพบกับผม หยุดแล้วเที่ยวได้ กันอีกทริปแล้วนะครับ ทริปนี้ผมจะพาทุกคนเปลี่ยนบรรยากาศมาขี่รถเที่ยวคนเดียวใกล้ๆ กรุงเทพสัก 200-300 กิโล กันครับ จะพาทุกคนไปลอดถ้ำ ลุยโคลนเพื่อไปชมทะเลหมอกสวยๆ กัน พร้อมไปกับผมกันหรือยัง พร้อมแล้วก็ลุยโล้ด Let's go....

   >> ทริปนี้ผมเดินทางไปเมื่อเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันหยุดของผม ผมออกเดินทางจากจังหวัดสมุทรปราการตอนประมาณตี 4 ผ่านถนนเส้นบางบัวทอง-สุพรรณบุรี และเดินทางมาถึงที่ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ตอนประมาณ 9 โมง เพื่อไปยังสถานที่แวะเที่ยวจุดแรกที่ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์

   >> ระหว่างขี่รถผ่านเหลือบไปเห็นวิวอ่างเก็บน้ำข้างทางที่อยู่ทางซ้ายมือ เห็นว่าสวยดีผมเลยแวะลงไปชม นั่นก็คือ อ่างเก็บน้ำหนองปรือ

   >> เป็นอ่างเก็บน้ำที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีวิวภูเขาหลังผืนน้ำก็ดูสวยงามดีเลยทีเดียว ซึ่งก็จะมีคนมาตกปลาที่ริมน้ำด้วย และเหมือนจุดใกล้ๆ ผมจะมีลานกางเต็นท์ด้วยนะ ผมใช้เวลาแวะประมาณ 5 นาที ก่อนออกเดินทางต่อ

  >> ขี่รถมาเรื่อยๆ ก็ยังคงเห็นวิวของอ่างเก็บน้ำอยู่

  >> เริ่มมองเห็นวิวภูเขาของเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์อยู่ไกลๆ แล้ว ซึ่งผิวถนนก็มีน้ำขังที่เป็นร่องรอยของฝนตก

   >> ในที่สุดหลังจากขี่มาพักใหญ่ๆ ฝนก็เริ่มปรอยลงมาจนได้

   >> วิวของถนนหมายเลข 3480 ตรงไกลสวยงามมากเลยครับ

   >> ประมาณ 10 โมง ผมก็มาถึงที่ด่านเก็บเงินเข้าอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์แล้ว

   >> ค่าธรรมเข้าอุทยาน เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท รถจักรยานยนต์ 20 บาท รถยนต์ 30 บาท

  >> บรรยากาศหลังฝนตกยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่นเย็นสบายเอามากๆ ที่สำคัญคือ ที่นี่มีต้นไม้สูงใหญ่ร่มลื่นเอามากๆ

  >> ที่ที่เราจะเข้าไปเที่ยวชมของอุทยานก็คือ ถ้ำธารลอดน้อย และถ้ำธารลอดใหญ่

   >> เข้าไปลุยกันเลยครับ ไปเข้าถ้ำกัน

   >> ลำธารน้ำที่เราเดินข้ามไปเป็นน้ำที่ไหลออกมาจากถ้ำนั่นเอง

  >> ก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปเที่ยวชมต้องลงทะเบียนในสมุดลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ตรงจุดนี้ก่อนนะครับ ขาออกมาก็ต้องมาลงชื่อออกด้วยเหมือนกัน เพื่อจะได้เช็คว่านักท่องเที่ยวออกมาครบแล้ว เผื่อมีนักท่องเที่ยวหายไปจะได้รู้ และอาหารก็ต้องฝากไว้ที่นี่ด้วยนะครับ

  >> ได้มาแล้วตราประทับของอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ อันที่จริงประทับได้ตรงจุดด่านเก็บเงินแล้วครับ

   >> จุดทางขวามือจะมีศาลอยู่ด้วย ซึ่งผมก็แนะนำให้ขึ้นไปไหว้ขอให้เดินทางท่องเที่ยวกับเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาอย่างปลอดภัยก่อนนะครับ อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ผมเวลาไปเที่ยวตามสถานที่แบบนี้ก็จะทำเป็นประจำ

   >> มาถึงปากถ้ำแล้ว เหมือนด้านในจะมีแสงไฟด้วย และจุดปากถ้ำจะมีลำธารน้ำไหลออกมากจากด้านใน ซึ่งก็คงเป็นที่มาของชื่อถ้ำนั่นเอง

   >> ภายในถ้ำไม่ถึงกับมืด และสว่างมาก แต่มองเห็นเส้นทางเดินได้ชัดเจน ซึ่งเส้นทางเดินก็ทำไว้ค่อนข้างดีมาก เราจะเดินริมลำธาร ข้ามลำธารไปเรื่อยๆ อากาศไม่อบอ้าว อากาศดูถ่ายเท เย็นสบาย มีเสียงน้ำไหลตลอดเวลา และเพดานถ้ำไม่ได้ถึงกับสูงมาก

   >> ในช่วงเพดานสูงๆ ก็จะมีค้างคาวเกาะอยู่ที่เพดานถ้ำค่อนข้างเยอะ ทำให้ได้กลิ่นของขี้ค้างคาวตลบอบอวน

   >> หลังจากเดินลอดเข้าถ้ำมาได้สัก 100-200 เมตร ได้มั้งเราก็จะเดินทะลุออกมาอีกด้านที่ทำให้เห็นว่าชื่อของถ้ำเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง เพราะลำธารน้ำจะไหลผ่านเข้าถ้ำจากฝั่งนี้ไปทะลุออกอีกฝั่งที่เราผ่านเข้ามา

   >> พอเดินพ้นปากถ้ำออกมาอีกฝั่งต้องบอกเลยว่าผืนป่ามันช่างดูลึกลับ โบราณ เป็นเหมือนป่าต้นปาล์มที่ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนหลุดเข้ามาในยุคไดโนเสาร์เลยละครับ ฟิวป่ามันแบบนั้นจริงๆ

   >> ระยะทางที่เราเดินปถ้ำลอดใหญ่จะอยู่ราวๆ 3 กิโลเมตร จากจุดเริ่มเดิน