รีวิว: Honda CR-V G5 DT EL 4WD รถ SUV เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นแรกในเมืองไทยจาก Honda

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ ผม Yod Chinchilla ถ้าหากจะถามว่ารถ SUV พื้นฐานรถเก๋งยอดนิยมในเมืองไทยนั้นคือรุ่นไหนก็คงจะหนีไม่พ้น Honda CR-V ที่เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 1996 จนถึงปัจจุบันก็เป็นโฉมที่ 5 แล้วนะครับ สำหรับเจ้า CR-V  โฉมนี้ถือว่าจัดเทคโนโลยีและระบบใหม่ๆ เข้ามาเยอะพอสมควรเลยนะครับ แถมยังมีเครื่องดีเซลให้เลือกอีกด้วย เรียกได้ว่าต้องการจะชิงส่วนแบ่งการตลาดจาก Mazda CX-5 กันเลยทีเดียว เอาล่ะครับ เรามาดูกันดีกว่าว่า Honda CR-V ดีเซลจะจัดจ้านแค่ไหน

ภายนอก

         ภายนอกของ CR-V G5 ก็ยังคงเส้นสายบางส่วนจากตัว G4 อยู่ ตัวถังดูใหญ่และแข็งแรงขึ้น แต่ดีไซน์มันดูแหวกแนวและหลุดโลกไปนิดนึง ด้านหน้าดูไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่และแอบมีกลิ่นอายของตัว G3 นิดนึง แต่ด้านท้ายดูดีขึ้น ลายล้อแม็กนี่ผมบอกเลยนะว่าถ้าผมซื้อรถรุ่นนี้มาผมจับเปลี่ยนล้อแน่นอน ดูไม่ค่อยเข้ากับตัวรถเท่าไหร่เลย ไฟหน้า, ไฟท้าย, และไฟเลี้ยวทุกดวงเป็นแบบ LED ทั้งหมดซึ่งถือว่าดีเลย ยกระดับรถให้ดูหรูขึ้นมาเยอะเลย
         ออพชั่นภายนอกจะมีไฟหน้าแบบ Full-LED พร้อมระบบเปิด-ปิด Auto, ไฟ Daytime Running Light แบบ LED, ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ Auto, ไฟท้าย LED, ที่ปัดน้ำฝน Auto, ที่ปัดน้ำฝนหลัง, ระบบ Smart Keyless Entry (จะบอกว่าอันนี้เหมือนใน BMW โคตรๆ), ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบเตะเปิด (Hands Free),เสาอากาศครีบฉลาม, กล้องมองหลัง, และล้ออัลลอย 18 นิ้ว


ภายใน

         ดีไซน์ภายในแอบมีมุมเหมือน Honda Civic นิดนึง พวงมาลัยถูกยกมาจาก Civic โดยรวมแล้วมันดูเรียบๆ ตามสไตล์ Honda โฉมนี้มี Feature เด็ดอย่างนึงก็คือเกียร์แบบปุ่มกดซึ่งมันก็ใช้งานง่ายและสะดวกตรงที่ไม่ต้องคอยไปโยกคันเกียร์ แต่ถ้ามองอีกมุมนึงคือมันเหมือนรถของเล่นหว่ะ แต่ในรุ่นเบนซินจะเป็นเกียร์คันฌยกแบบเดิม แบบว่ากดปุ่มแล้ววิ่งได้เลย เบาะคู่หน้าวิสัยทัศน์ดีมาก เบาะหลังต้องบอกเลยว่านั่งสบายสุดๆ ยืดได้สบายเลย ส่วนเบาะตอนที่ 3 ไม่ค่อยเหมาะกับผู้ใหญ่เท่าไหร่ เข้าออกยากพอสมควร ตำแหน่งปุ่มต่างๆ ถือว่าใช้งานง่าย วัสดุภายในดีขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังต้องปรับปรุงอยู่
        ออพชั่นภายในก็จะมีปุ่ม Push Start, ปุ่มใบกัญชา Econ, หน้าปัด Digital, หน้าจอ TFT แสดงข้อมูลการขับขี่, ระบบ Cruise Control, Paddle Shift, พวงมาลัย Multi-Function, เบรกมือไฟฟ้า, ระบบ Idle Stop ตัดการทำงานเครื่องยนต์เมื่อรถหยุด, แอร์ Dual-Zone พร้อมแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบดันหลัง, เบาะคนนั่งด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง, และกระจกเลื่อนขึ้นลง Auto ทั้ง 4 บาน แต่น่าเสียดายที่ไม่มี Engine Remote Start มาให้ ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน


ระบบ Infotainment

          ระบบ Infotainment ของ Honda CR-V G5 จะใช้ระบบเดียวกับรถ Honda รุ่นอื่นๆ สั่งงานผ่านหน้าจอ Advanced Touch ขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto, Smartphone, SIRI, AUX, USB 4 ตำแหน่ง, HDMI, และ Bluetooth มาพร้อมระบบ Navigator ฟีลลิ่งเครื่องเสียงถือว่าโอเค คุณภาพเสียงก็เป็นไปตามราคารถ คือถ้าคุณไม่ใช่พวกหูเทพก็ไม่ต้องไปทำอะไรกับมันเลย ลำโพงมีให้ 8 ตัว กระหึ่มสะใจใช้ได้เลย

เครื่องยนต์และสมรรถนะ

         ขุมพลังใต้ฝากระโปรงของ Honda CR-V ตัวนี้จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ DOHC i-DTEC 2 Stage Turbo ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังลงไปยังล้อทั้ง 4 ตอนออกตัวก็ไม่ได้กระชากแรงอย่างที่คิด ตอนแรกผมคิดว่ามันจะกระชากแรงกว่านี้ คือมันจะเน้นความประหยัดมากกว่าความแรงสำหรับเครื่องยนต์บล็อกนี้และด้วยความที่มันเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อด้วย อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 10.8 วินาทีซึ่งก็ถือว่าพอรับได้ถ้าต้องแบกรถไซส์ขนาดนี้ เสียงเครื่องถือว่าเบา แทบไม่ได้ยินเลยตอนอยู่ในห้องโดยสาร
         เกียร์เป็นเกียร์ออโต้ 9 สปีดลูกใหม่จาก Honda จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลลื่นดีมาก แถมช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นด้วย
        อัตราสิ้นเปลืองทำได้ที่ 18.2 กม./ลิตร ว้าว! ประหยัดสะใจจริงๆ ถ้าจะต้องแบกรถขนาดใหญ่แบบนี้ ช่วยเซฟค่าน้ำมันได้เยอะเลย

ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ

        ระบบความปลอดภัยพื้นฐานก็จะมีระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบช่วยทรงตัวตอนเข้าโค้ง VSA, ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน HSA, ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย MA-EPS, ระบบ Walk Away Door Lock, ระบบ Auto Brake Hold เช่นเดียวกับใน Honda Civic, Airbag คู่หน้า, ด้านข้าง, และม่านถุงลมนิรภัย
       ส่วนระบบอื่นที่เพิ่มเข้ามาก็จะมีระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ Agile Handling Assist, Honda LaneWatch แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่นะ), และระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Monitor ดูๆ แล้วระบบความปลอดภัยที่ให้มาก็จัดเต็มนะ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้ามี Honda Sensing มาให้

Test Drive

       เส้นทางการทดสอบเริ่มต้นที่โชว์รูม Honda นราธิวาสราชนครินทร์และถนนพระราม 3 ตอนออกตัวเครื่องยนต์กระชากแรงกว่าเครื่องเบนซินแต่ไม่ค่อยปรู๊ดปร๊าดเท่าไหร่ คือถ้าจะให้สู้กับ Mazda CX-5 ก็คงจะสู้ไม่ได้ ก็แหงสิครับ Mazda มันเน้นสมรรถนะอยู่แล้ว มันจะเน้นการใช้งานทั่วไปและขับแบบสบายๆ มากกว่า ช่วงล่างถือว่านุ่มนวลและให้ความมั่นใจมากกว่าตัว G4 แต่ก็ยังมีอาการโยนตัวเล็กน้อย การซับแรงถือว่าดี ไม่ค่อยรู้สึกว่ากระด้างเท่าไหร่ ระยะเบรกดีขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากจานเบรกใหญ่ขึ้น การเข้าโค้งดีกว่าเดิมเพราะมีระบบ MA-EPS เข้ามาช่วย อารมณ์คล้ายๆ G-Vectoring Control ของ Mazda วิสัยทัศน์ดีมาก แทบไม่มีจุดบอดเลย ขับในเมืองก็คล่องตัวดีถึงจะเป็นรถใหญ่ ขับนอกเมืองก็ใช้ได้แต่ถ้าความเร็วแตะ 140 มันจะเริ่มโยนซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนของ Honda เลย โดยรวมแล้วเป็นรถที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าคันนึงเลย คนโสดใช้ได้ คนมีครอบครัวใช้ดีครับ

สรุป
•    ดีไซน์ภายนอกดูบึกบึนขึ้น แต่ดูแปลกๆ นิดนึง
•    ด้านหน้าแอบเหมือนตัว G3
•    ด้านท้ายดูดีขึ้น
•    ภายในคล้ายๆ Civic เนื่องจากใช้ Platform เดียวกัน
•    ดีไซน์ภายในดูเรียบๆ
•    เบาะคู่หน้าวิสัยทัศน์ดีมาก
•    เบาะหลังนั่งสบายสุดๆ
•    เบาะตอนที่ 3 เข้าออกยาก
•    เกียร์ปุ่มกดดู Fancy นิดนึง
•    วัสดุภายในดีขึ้นกว่าเดิม แต่มีบางส่วนที่ยังต้องแก้ไข
•    ระบบ Infotainment เล่นง่ายเช่นเดียวกับรถ Honda รุ่นอื่นๆ
•    รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายอย่าง สะดวกกับผู้ใช้
•    เครื่องยนต์จะออกแนวผู้ดีมากกว่าแนวซิ่ง
•    เสียงเครื่องยนต์เบา แทบไม่ได้ยินเลย อันนี้ถือว่าทำได้ดี
•    อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันทำได้ดี
•    จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ไหลลื่นดีมาก ไม่รู้สึกถึงรอยต่อเท่าไหร่
•    ระบบความปลอดภัยถือว่าให้มาครบ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้ามี Honda Sensing ด้วย
•    ช่วงล่างเน้นขับสบายมากกว่าขับสนุก ยังต้องปรับความเกาะถนนอีก
•    ตอนเข้าโค้งต้องค่อยๆ เข้า สาดแรงๆ แบบ Mazda CX-5 ไม่ได้
•    ระยะเบรกสั้นกว่าเดิม และ Balance อาการหน้าทิ่มได้ดีกว่าเดิม
•    การซับแรงนุ่มนวลใช้ได้
•    ขับในเมืองคล่องตัว นอกเมืองก็ไม่เลว
•    เป็นรถ SUV ที่ใช้คุ้มคันนึงเลย
•    ผู้ชายใช้ได้ ผู้หญิงใช้ดี
•    เหมาะกับทั้งคนโสดและคนมีครอบครัว

          Honda CR-V G5 DT EL 4WD ตั้งราคาอยู่ที่ 1,699,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าทำราคามาได้ดีถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้มา แถมราคาขายต่อน่าจะตกไม่มากด้วย อันนี้ก็ต้องมาคอยดูนะครับ คือซื้อมาใช้คุ้มแน่นอนครับ

คุณสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ยานยนต์ รีวิวรถใหม่รีแนะนำร้านอาหาร แนะนำที่เที่ยวได้ที่ ID Pantip ผมครับ Yod Chinchilla หรือติดตามผ่านทาง Facebook Page: Chinchilla_autoholic ได้ตามลิ้งค์นี้ครับ   https://www.facebook.com/chinchillaautoholic/?ref=ts&fref=ts ไปกด Like กด Follow กันเยอะๆ นะครับ

สำหรับใครที่สนใจเรื่องรถยนต์ ยานยนต์ รถแต่ง สามารถติดตามเราบน Instagram ได้ครับ Ig: Chinchilla_autoholic
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่