[CR] ความสนุกของการดูวันเดอร์วูเมน (รีวิว + วิเคราะห์ แบบสปอยล์)

รีวิวนี้เป็นรีวิวแบบสปอยล์นะครับ สปอยล์แบบ 100% เลยด้วย คืออ่านจบไม่ต้องไปดูละเพราะเฉลยทุกอย่าง ดังนั้น เฉพาะคนที่ดูมาแล้วเท่านั้น ย้ำว่า เฉพาะที่ดูมาแล้วจริง ๆ นะ





คืออยากเล่าความรู้สึกเมื่อดูหนังจบ มันเริ่มจากเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อน ได้ไปอ่านสปอยล์ของฝรั่งจากรอบทดลองฉาย เรื่องวันเดอร์วูเมนนี่แหละ มันมีประเด็นอยู่ที่ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่าคือ  1. เกาะเทอมิสกีร่า ถูกพังทลาย 2. สตีฟ เทรเวอร์ ตาย และ 3. แอรีสรอด เพราะเขาไม่มีวันตาย .. ใครไปดูมาแล้วคงรู้เฉลยแล้วละสิ


ผมเข้าไปดูโดยทำการบ้านมานิดหน่อยคืออ่านการ์ตูนต้นฉบับ 2 ตอนแรกของ ชาร์ล โมลตัน แล้วก็ดูหนังก่อนหน้าคือ Batman v Superman อันที่จริงก็จะจำได้อยู่ละ ดูหลายรอบมาก ซึ่งเรื่องนี้ก็โยงไปที่ BvS จริง ๆ ก็คือภาพถ่ายที่ไดอาน่ายืนคู่กับสตีฟ บรูซสามารถหาภาพถ่ายตัวจริงมาให้เธอได้ แล้วก็บทสนทนาช่วงท้ายของ BvS ระหว่างบรูซกับไดอาน่า  ที่บรูซบอกว่า "เรา ต้องร่วมมือกัน stay together กัน" ไดอาน่าตอบว่า "เมื่อ 100 ปี ก่อน ฉันหันหลังให้กับมนุษย์ เพราะมนุษย์ทำให้การอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้" แล้วบรูซก็พูดว่า "มนุษย์เรายังมีความดี เราสู้ เราฆ่า เราทรยศกัน แต่เราทำให้ดีขึ้นได้ และเราจะทำ"


จากหนัง DC เรื่องก่อน ๆ แต่ละเรื่องก็จะมีพอยท์ของมัน
The Dark Knight - ระบบความยุติธรรม
Watchmen - สงคราม มหาอำนาจ การเสียสละ
Man of Steel - ชาติพันธุ์ ผู้เจริญ/ล้าหลัง การล่าอาณานิคม
Batman v Superman - สังคม ความหวาดระแวง การอยู่ร่วมกัน


สำหรับเรื่อง Wonder Woman พอยท์คงเป็นการพูดถึงมนุษย์ มนุษย์ล้วน ๆ เลย ที่ผ่านมาเราเห็นว่าซุปเปอร์ฮีโร่คนแล้วคนเล่าพยายามปกป้องมนุษย์ จากอาชญากร (แบทแมน) จากนิวเคลียร์ (วอชเมน) จากเผ่าพันธุ์อื่น (ซุปเปอร์แมน) แต่มนุษย์ไม่ใช่เหรอที่เป็นคนสร้างสงคราม สร้างสังคมที่อิจฉา ริษยา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันจนถึงทุกวันนี้ Wonder Woman เป็นตัวละครที่เชื่ออย่างสนิทใจว่า ไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นฝีมือของเทพแอรีสเป็นคนทำ ซึ่งตรงนี้แตกต่างจากต้นฉบับการ์ตูนอย่างมาก ในหนังวันเดอร์วูเมนเธอเลือกฝ่ายระหว่างฝ่ายเทพกับมนุษย์ แต่ในการ๋ตูนเธอเลือกอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของคู่สงคราม โดยเลือกอยู่ฝ่ายอเมริกาเนื่องจากต้องการปกป้องที่ฐานมั่นสุดท้ายของดินแดนประชาธิปไตยและสิทธิความเท่าเทียมสตรี ซึ่งการที่หนังเปลี่ยนเหตุผลแรงจูงใจที่ทำให้เธอออกจากเกาะมาช่วยสตีฟแบบนี้ มันฉลาดมากกก คือมันดูโง่แต่มันฉลาด เพราะมันนำไปสู่บทสรุปในตอนท้ายเรื่องได้อย่างเหมาะเจาะทีเดียว


ส่วนเรื่องสิทธิสตรีที่ตอนแรกคิดว่าจะเป็นประเด็นหลักของเรื่อง ก็มี แต่แทบไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เห็นเธอก้าวเดินอย่างมั่นคง ในโลกของผู้ชาย ในภาวะสงครามนี้ มันก็แทบจะบอกเล่าทุกอย่างหมดอยู่แล้ว และที่เราชอบมาก ๆ คือ ส่วนมากหนังแอคชั่นที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิง ผู้หญิงจะออกแนวห้าว ๆ แข็งแกร่งเสียจนรู้สึกว่าแทบไม่เป็นผู้หญิงไปละ แต่ไดอาน่าเธอเป็นธรรมชาติมากกก มีความเป็นผู้หญิงแบบเป็นผู้หญิงจริง ๆ ทั้งความอ่อนหวานและความเข้มแข็งมันสมดุลกันได้แบบถ่ายทอดออกมาเป๊ะสุดๆ พอหลังจากที่เธอถกเถียงเรื่องการเสียสละ และการยุติสงครามกับบรรดาเหล่าผู้นำอยู่พักใหญ่ หนังก็พาเราออกไปผจญภัยตามหาแอรีสต่อ ซึ่งแอรีสหรือนายพลลูเดนดอร์ฟตามที่วันเดอร์วูเมนคิด ตอนนี้ได้ทำการผลิตก๊าสพิษอันร้ายกาจขึ้นมาแล้ว


พูดถึงตอนไปถล่มโรงานก๊าสพิษมีเกร็ดอยู่นิดหนึ่ง ในหนังคือไปถล่มโรงงานแล้วก็ไประเบิดเครื่องบินใช่มะ แต่ในการ์ตูนคือสตีฟขับพุ่งชนเครื่องบินระเบิดก่อน แล้วร่วงลงมาแล้วไดอาน่ามารับไว้ได้ทัน จากนั้นทั้ง 2 ก็พากันไปทลายแหล่งโรงงานผลิต แต่โรงงานระเบิด ไดอาน่าพูดกับสตีฟว่า "สตีฟ ทำไมคุณไม่กระโดดเหมือนฉันละ" สตีฟตอบว่า "กระโดดเหมือนคุณเนี้ยนะ เห็นผมเป็นจิงโจ้เหรอ!" แล้วสตีฟก็ขาหักเข้าโรงพยาบาล ในโรงพยาบาลก็เพ้อถึงว่ามีวันเดอร์วูเมนมาช่วยให้พยาบาลสาวฟัง แต่สตีฟไม่รู้เลยว่าพยาบาลสาวที่อยู่ข้าง ๆ นั้นแหละคือไดอาน่าปลอมตัวมา มีความกุ๊กกิ๊กดีเนอะ


หนังพาเราเข้าสู่แนวหน้าของสงคราม หนังเรื่องนี้ใช้งบไม่มากแต่ โอโห้ ฉากหลังภาพสงครามมีไม่กี่ฉากแต่ทำแบบคุ้มค่าสุด ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าอยู่ในภาวะสงครามจริง ๆ ไปด้วยทีเดียว แล้วถึงตอนนี้ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย ฉากในสมรภูมิ ที่พอวันเดอร์วูเมนหยิบรัดเกล้ามาสวมเท่านั้นแหละ ทุกคนน่าจะจำกันได้มันคือรัดเกล้าของเอนไทโอพีอาจารย์ของเธอ ซึ่งตอนเริมเรื่องที่เราไม่ทันได้ฉุกคิด พอเธอหยิบมันมาสวมเท่านั้นแหละ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้หลังตั้งตรง เบิกตาให้กว้าง เตรียมรับการโจมตีให้ดี เพราะ เธอมาแล้ว ตูม ตูม ตูม ตูม!


ถ้าถามว่าอาวุธของวันเดอร์วูเมนมีอะไรบ้างที่มันเทพๆ ผมว่าอะไรที่มันเรืองแสงได้นั้นแหละเทพจริง ที่เห็น ๆ ก็มีแค่ 2 อย่างคือบ่วงบาศแห่งความจริงกับกำไรข้อมือ แต่ตอนที่หนังเฉลยว่าความเทพที่แท้จริงก็คือตัวไดอาน่าเองนี่แบบ เฮ้ย ถึงกับอึ้งไปเลย ดูมาถึงกลางเรื่องเราให้คะแนนเรื่องนี้แบบกลางๆ นะ สนุกดีพอใช้ได้ แต่พอมาถึงช่วงท้ายเรื่องนี้แหละ โอ้ย อยากจะกดปุ่มให้คะแนนรัว ๆ มันเกินกว่าที่คาดหวังไว้มาก มันก็มีนะเพื่อนหันมาถาม อ้าว แล้วใครเป็นแม่อะ? เออ ใครละ ไม่รู้เหมือนกัน ในการ์ตูนก็ไม่ได้บอกไว้แบบนี้ แต่เราว่าเธอคือลูกซูสกับราชินีนั้นแหละ


เธอตามมาถึงรังของพวกทหารเยอรมันแล้วสังหารนายพลลูเดนดอร์ฟ ถึงตอนนี้บางคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงไม่ช่วยสตีฟหยุดระเบิดต่อ แต่เราเข้าใจนะ มันเหมือนที่เธอมา เธอไม่ได้ตั้งเป้าไว้ที่สงครามมนุษย์ไง สงครามของเธอคือเทพแอรีส แต่ถ้าโลกนี้ไม่มีแอรีส .. มันก็เป็นมนุษย์ที่ห้ำหั่นกันเอง แล้วเธอละ เธอจะมีประโยชน์อะไร ถึงยังไงมนุษย์ก็ฆ่ากันเองอยู่แล้ว


มาถึงบทสุปของหนังที่แบบ แบบใช้คำไหนดี แบบว่าโค-ต-รจะพีคคคคเลย เพราะใกล้ถึงตอนที่จะตอบข้อสงสัยข้างต้นอย่างที่ผมเล่าไปแล้ว 3 ข้อ ที่อ่านสปอยล์มา แต่สปอยล์มันไม่ฟันธงไง มันแค่อาจจะใช่/ไม่ใช่ อย่างข้อ 1 ก็ไม่ใช่ละ เทอมีสกีร่าก็อยู่สุขสบายดี ไม่มีภัยตราย แต่ข้อ 2 นี่สิ สตีฟ! ฉากที่สตีฟวิ่ง ๆ ๆ ไล่ตามเครื่องบิน แล้วหันมาหยุดพูดกับไดอาน่าที่กำลัง โอ้ย ระบบเสียงเจ้ากรรมทำไมมันทำทรมานหัวใจกันอย่างนี้ พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องเลย แล้วต่อมาไดอาน่าก็ฟุบลงถูกรัดตรึงกับพื้นอีก พวกแก๊ง 3 ช่า ทั้ง 3 คน กำลังกอดคอกัน กระสุนหมด! ฉากตัดมาที่สตีฟยิ้มร่า เหมือนตอนที่ชิงสมุดโน้ตออกมาแล้วบินหนีไป ตอนนั้นเขาก็ยิ้มเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้มันยิ้มแปลก ๆ หัวเราะด้วย "แก๊สนี่ติดไฟไหม" "ติดสิ มันเป็นไอโดรเจน" "โอเค คอยยิงคุ้มกันฉันนะ" ว่าแล้วก็คว้าปืนวิ่งออกไป เพราะปืนที่คว้าไปกระบอกนี้แหละ มันมาเพื่อสิ่งนี้ ตูมมมมมมมมม! ไม่ต้องมีคำบรรยายใด ๆ ให้ลึกซึ้ง


มันเหมือนถ้าไดอาน่าถ้าจะมองเห็นด้านที่ดีของมนุษย์อยู่บ้าง เธอคงเห็นมันจากสตีฟนี่แหละแต่ตอนนี้สตีฟไม่อยู่แล้ว โลกก็เต็มไปด้วยพวกบ้าสงครามที่เรียกว่า "มนุษย์" การเหวี่ยงโทสะของเธอมันสาแก่ใจเทพแอรีสยิ่งนัก แต่ไม่ มันยังไม่จบ มันน่าเสียดายที่สปอยล์ข้อ 3 ของผมคงหาคำตอบไม่ได้ แต่เรื่องนี้มันยังมีอะไรที่พอจะหาตอบข้อสงสัยเราได้อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะคำถามมันไม่ใช่ว่าเทพสงครามตายแล้วยัง แต่มันคือการมองลึกเข้าไปในจิตใจมนุษย์ หนังตั้งคำถามอยู่ที่ว่าคุณเลือกจะเชื่ออะไร ไดอาน่า ฉากที่แอรีสให้เธอล้างแค้นต่อด็อกเตอร์มารู หรืออีกชื่อคือด็อกเตอร์พอยซั่นนั้น เสมือนเป็นตัวแทนความเชื่อของเราว่า แล้วแท้จริงแล้วเราต้องการให้จิตใจเราเป็นแบบไหน ซึ่งความเหมาะเจาะมันอยู่ตรงนี้เอง ที่เธอนึกถึงสตีฟมอบนาฬิกาให้เธอ "ผมอยากให้เรามีเวลามากกว่านี้" แต่นี่ ยังไม่ใช่ประโยคที่เด็ดที่สุด ผมชอบประโยคนี้มากกว่า "ให้ผมเป็นคนทำ ผมช่วยวันนี้ได้ แต่คุณช่วยโลกไว้ได้" แต่ มันก็ยังมีอีกประโยคที่เด็ดยิ่งกว่า คือ "ผมรักคุณ"  "มาดูกันสิว่าเธอเป็นเทพแบบไหน" เทพแอรีสพูดกับไดอาน่าขณะต่อสู้ ซึ่งเธอก็เชิดหน้ากลับไปหาแอรีสอย่างมั่นใจพร้อมกับวางรถถังในมือลงว่า (หา! รถถัง) ว่าอะไรผมจำประโยคนี้ไม่ได้ แย่จริง แต่ก็คือให้อภัยมนุษย์นั้นแหละ


แล้วเรื่องก็กลับมาที่ประโยคที่ว่า "ฉันเคยต้องการจะช่วยโลก แต่ฉันก็ได้รับบทเรียน มนุษย์มีความดำมืดในจิตใจ แต่สิ่งที่เยียวยาได้คือความรัก" อ่านจะจำประโยคไม่ได้เป๊ะ ๆ แต่ก็ประมาณนี่ คือมันก็จะไปเชื่อมกับประโยคที่บรูซพูดว่า "มนุษย์เรายังมีความดี เราสู้ เราฆ่า เราทรยศกัน แต่เราทำให้ดีขึ้นได้ และเราจะทำ" คำพูดนี่ออกจากปากมนุษย์ ไดอาน่าที่เป็นเทพคงไม่จำเป็นต้องจ้ำจี้จำไชบอกว่ามนุษย์ควรจะหรือต้องทำอะไร แต่กับประโยคที่ออกมาจากมนุษย์เอง  มันก็สมควรไม่ใช่เหรอที่เธอจะช่วยเหลือ หลังจากผ่านเรื่องราวใน Batman v Superman ตรงนี้แหละ ผมคิดว่ามันจะโยงไปจัซติสลีค JL


ดังนั้น ถ้าจะพูดว่าพอยท์ของเรื่อง Wonder Woman คืออะไร นอกจากที่บอกว่าเป็นเรื่องมนุษย์แล้ว ก็คือความรัก เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่สื่อเรื่องความรักได้ค่อนข้างดี แต่หลังจากจบภาคนี้เราคงไม่ได้เห็นวันเดอร์วูเมนฆ่าคนอีกแล้ว เพราะเธอรู้แล้วว่าคนไม่ได้ตกอยู่ในคำสาปของเทพแอรีสต่อไป นี่อาจเป็นเหตุผลที่บอกว่าร้อยกว่าปีเธอไม่ปรากฎตัวเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อีกเลย เพราะเธอไม่สู้กับมนุษย์นั่นเอง อันนี้ผมคิดเอาเองนะ แต่ถ้าดูมเดย์ละไม่แน่ เอ้า ไปดู bat v sup อีกที



จบแล้วครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบ
ชื่อสินค้า:   Wonder Woman (2017)
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่