เดี๋ยวนี้คนไทยกลุ่มหนึ่งเขาฮิตเป็นโรคนี้กันเหรอครับ?

ผมยืมLog in  ของน้องสาวมาใช้นะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ เพียงอยากเป็นส่วนนึงที่อยากถ่ายทอดความคิดเห็นบ้าง ^^

               ผมเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพครับ เจอคนหลายรูปแบบมากๆ ซึ่งผมสังเกตมานานแล้วว่าโรคแบบนี้กำลังแพร่หลายในหมู่เพื่อนที่ทำงานผม หรือแม้ว่าคนใกล้ตัวเองก็ตาม จนผมต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า "เป็นขนาดนี้กันแล้วเหรอ" ซึ่งทุกๆวันผมจะเห็นและได้ยินอยู่ตลอด จนแทบขะคิดว่าเป็นเรื่องชีวิตประจำวันของเขาแล้วด้วยซ้ำ

                 ผมเห็นมาหลายครั้งมากๆ กับการที่มีใครคนหนึ่งทำผิดพลาดไปสักนิดสักหน่อยสิ่งที่ตามมาคือ "โรคขี้ขุด" แบบถึงรากถึงโคน ถึงพริกถึงขิงกันเลยทีเดียว เช่นการโพสต์อะไรในอดีตไว้ ไม่ว่าจะ พ.ศ.ใดก็ตามขุดมาจนได้ แบบนี้ทำเพื่ออะไรเหรอครับ เพื่อซ้ำเติมคนๆนึงให่อยู่ในสังคมไม่ได้เลยเหรอครับ คุณรู้จักมักจี่เขาขนาดที่ว่ารู้นิสัยเขาไปซะทุกอย่างเลยเหรอครับ

                 และโรคที่จะตามมาจากโรคขี้ขุดก็น่าจะเป็น"โรคขี้ซ้ำเติม" ชนิดที่ว่า เออmeungแย่แล้วใช่ไหม! ได้ เดี๋ยวGu จัดให้ แบบนี้เป็นต้น ส่วนตัวผมคิดว่าการโพสต์ในที่ส่วนตัวของใครบางคน ถึงกับทำให้ใครบางคนรับไม่ได้เลยเหรอครับ ? บางข้อความสามารถตัดสินได้เลยเหรอครับว่าเขาเป็นคนแบบไหน ดี เลว สมัยเขาตัดสินกันผ่าน Status แล้วงั้นเหรอ ?

                    และอีกอย่างที่ผมสงสัยมานานมาก แต่ไม่มีโอกาสได้ถามใครเลยแต่ผมจะถามเพื่อนๆแทนละกัน "คุณเคยถามตัวเองไหมกับการซ้ำเติมคนอื่น คำพูดของคุณจะมีผลกระทบกับเขาไหม" หรือว่าคุณแค่คิดว่า แล้วไงใครแคร์ ฉันจะด่า มันทำพลาดเอง ทำตัวมันเอง ใครบอกให้มันทำแบบนี้ล่ะ แบบนี้แหละสมควรโดน เพื่ออะไรเหรอครับ ? โดยเฉพาะที่ๆเป็นที่ส่วนตัวของเขา คุณมีสิทธิ์จะไปยุ่มย่ามขนาดนั้นเลยเหรอครับ

                     ยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆและเจอมากับตัวคือ : มีน้องร่วมงานคนนึงครับ ขอแทนว่าน้อง B นะครับ อายุประมาณ 20 ต้นๆ เด็กจบใหม่ไฟแรงๆ
เขาทำงานได้เก่งมาก หัวหน้ามักจะชมเชยเธอตลอด และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชมเชยเธอมาเสมอมา และมีเพื่อนร่วมงานที่ชื่อว่าA อายุไล่เลี่ยกัน  คอยเหม่นเธอตลอดแต่เธอก็ไม่เคยหวั่นเพราะเธอทำหน้าที่ของเธอได้ดีที่สุดแล้ว แต่วันหนึ่งเหตุการณ์ที่ใครๆไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น น้องเขาถูกเพื่อนร่วมงานตีออกห่าง ตอนแรกเธอเองก็เฉยๆคิดว่าเพื่อนร่วมงานของเธอคงงานหนัก นานไปๆเพื่อนแผนกอื่นๆก็ตีตัวออกห่างเธอจนผมและเพื่อนต้องสงสัยไปตามๆกัน วันนั้นเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นอย่างไม่รุนแรง สืบไปสืบมา หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของเธอดันไปเจอ Twitter ของเธอเข้า ที่เป็นแบบส่วนตัวสุดๆ ไม่Follow ใคร และไม่มีใคร Follow เธอได้เขียนระบายความรู้สึกต่างๆในแต่ละวัน รวมถึงวิจารณ์สิ่งต่างๆ เมื่อเพื่อนของเธอได้อ่านก็รู้สึกไม่ชอบใจและด่าทอเธอในที่สุด น้องคนนั้นถึงกับเหวอครับ ถามใหญ่ว่าเจอทวิตนั้นจากไหน เพื่อนน้องเขาก็พูดว่า ก็หาจนเจอไงล่ะ มีประโยคหนึ่งที่น้องเขาพูดมาจนหลายๆคนต้องอึ้งน้องเขาพูดมาเพียงว่า(คร่าวๆนะครับ) "Twitter นี่มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่เหรอ เราสมัครมาไว้บ่นของเราเอง ไม่ได้Privateไว้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเธอจะมายิ่งได้นี่ หรือต้องเอาตรรกที่ว่า ก็ไม่ล็อคเองไง มาใช้งี้เหรอ ? เราว่าไม่ใช่หรอก เราบ่นในพื้นที่ของเรา ความคิดเห็นของเรา ในที่ส่วนตัวไม่ได้ไปป่าวประกาศบอกใครต่อใครสักหน่อย แต่ถ้าเราทำพลาดไปหรือทำให้ไม่พอใจเราก็ขอโทษด้วยจากใจเลย เราไม่คิดว่าตัวหนังสือที่เราพิมพ์ระบายออกมาแค่ชั่วครู่จะทำให้พวกเธอมาตัดสินว่าเราเป้นคนยังไง ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำความรู้จักกันดีพอเลยพวกเธอก็ตัดสินเราไปแล้ว " จากนั้นนั้นเขาก็เดินออกออฟฟิศไป เพื่อนๆก็มุ่งประเด็นไปที่น้องAที่เป็นคนขุดขึ้นมา ว่า "มันก็จริงของเขา , ปล่อยBมันไปเถอะ" แต่ทางน้องฟาดงวงฟาดงา "ไม่ gu จะเอามันให้จม ใครบอกใ้มันพลาด NoสนNoแคร์ใดๆทั้งสิ้น"

                    จากนั้นน้องBไม่มาทำงานเป็นหลายอาทิตย์เลย เกือบๆจะเดือนได้ ไม่มีใครติดต่อได้  แต่น้องแจ้งหัวหน้าไว้แค่เพียงลาป่วย เท่านั้น ส่วนตัวAก็สะใจจะยกใหญ่ว่าBมันคงสำนึกไม่ทันแล้วล่ะมั้งไปสำนึกซะนานเป็นอาทิตย์ๆเลย แล้วก็ซ้ำเติมซะยกใหญ่ ระหว่างที่น้องBไม่มาทำงาน น้องAเองก็คอยไปซ้ำเติมเธอจาก Inbox เสมอๆ จนวันหนึ่งเพื่อนร่วมงานของผมชวนผมไปเยี่ยมน้องBที่บ้าน ซื้อของไปเยี่ยมเสร็จสรรพแล้ว ก็เดินหน้าตรงสู่บ้านของน้องBโดยทันที แต่คำตอบที่ได้จากป้าของน้องBคือ "Bมันนอนโรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว ลองไปเยี่ยมดูนะ" มันก็อาจจะปกติสำหรับใครหลายคนนะครับที่น้องนอนรพ. แต่ที่ทำให้พวกผมตะลึงคือ "รพ.บำบัดจิตแห่งหนึ่ง (ขอไม่เอ่ยนาม)" ฟังจากปากป้าของน้องว่าอึ้งแล้วฟังจากปากแม่น้องแกยังต้องอึ้งกว่า ที่ผมจำได้คือ
แม่น้องB : "Bมันนอนไม่หลับหลายวันมาก กลางดึกก็มักจะร้องไห้ แม่ตื่นมาไหว้พระไหว้เข้าตอนเช้ามืดก็ยังได้ยินเสียงสะอื้นมาจากห้องมัน จนแม่ต้องให้พ่อพังประตูแล้วพามารพ. มันไม่กินอะไรจนซูบ ตาบวมจากการร้องไห้หลายๆวันติดต่อกัน ข้อมือมีแผลจากใบมีด เหมือนพยามฆ่าตัวตาย"

                     ปัจจุบันน้องรับการรักษา"โรคซึมเศร้า"อยู่และไม่ได้มาทำงานแล้ว ส่วนAเองก็ลาออกจากงานเพราะโดนเพื่อนAntiไปเรียบร้อย ที่ผมมาเล่าไม่ได้อยากจะให้ใครมองว่า เรื่องไร้สาระเอามาพิมพ์ให้เสียเวลาทำไม แต่ผมอยากให้เห็นถึงคำว่า "ฉันจะด่ายังไงก็ได้ เอาให้มันจม ที่ขอโทษที่สำนึกจริงรึเปล่าก็ไม่รู้" มันสามารถทำร้ายใครหลายคนได้เลยทีเดียว แล้วยิ่งใครหลายคนที่ติดนิสัย "เปิดก่อนเดี๋ยวตาม ช่วยกันกดดัน หรือเอาว่ะฉันเอาด้วย" เลิกเถอะครับนิสัยที่ไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วด่าใครต่อใครไปด้วยความบันเทิงใจ หรือเพื่อความสะใจ ใครจะรู้ว่าตัวหนังสือที่พิมพ์ๆตอกย้ำกันนั้น จะสามารถฆ่าใครสักคนได้

                                                                                                                                                                         ขอบคุณครับ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่