“ไอเฟค” เตือนกลุ่มโจมตีบริษัท ชี้จำเป็นต้องใช้กฏหมายคุ้มครอง
วันที่ 26 พฤษภาคม 2017 - 17:38 น.
กรณี มีบุคคลอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อมวลชน ส่งผลทำให้บริษัทฯได้รับความเสียหายตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา บริษัทขอประกาศว่า จำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์บริษัท
ทั้งนี้บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ขอชี้แจงว่า บริษัทถูกดึงเข้าสู่วังวนปัญหา นับตั้งแต่ปลายปี 2559 จนกระทั้งตลาดลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นเครื่องหมาย SPหลักทรัพย์ของบริษัท
โดยข้อเท็จจริงระหว่างนั้น บริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบพบการทุจริตในหลายบริษัท นำไปสู่การฟ้องร้องอดีตผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับบริหารและพนักงาน ตามที่ปรากฎในข่าวที่ผ่านมา กระทั้งอดีตผู้บริหารและกรรมการบางคนได้ลาออก และระหว่างนั้นได้ปรากฏชื่อบุคคลเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นจำนวนมากในบริษัทโดยมีการรับจำนำมาจากบุคคลอื่น และ อ้างว่าซื้อเพิ่มกันเอง ( ไม่ได้ซื้อผ่านตลาด )
1.ไม่จริงใจร่วมบริหาร IFEC
ประเด็นที่น่าสังเกตคือ ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้กับอดีตผู้บริหาร ได้ให้ข่าวด้านลบกับบริษัท สอดรับกันในหลายต่อหลายครั้ง จนเป็นผลทำให้บริษัทฯต้องประสบปัญหาในการบริหารจัดการหนี้ และกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัทอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะการที่ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นกรรมการบางคน ออกมาให้ข่าวผ่านสื่อต่อกรณีหนี้สินของบริษัทว่า เป็นการกู้ยืมหนี้ระยะสั้นไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ก่อให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมาก ทั้งๆ ที่ทีมผู้บริหารไอเฟคที่ยังนั่งบริหารงานอยู่ได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้ไปได้แล้วบางส่วน เมื่อมีการออกมาให้ข้อมูลเช่นนี้ ทำให้เจ้าหนี้ไม่ยอมโรลโอเวอร์หนี้ และยิ่งคิดดอกเบี้ยแพงขึ้น
เมื่อกลุ่มที่อ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้เสนอ ว่า กลุ่มของตนถือหุ้นจำนวนมาก ต้องการเสนอตัว เป็นกรรมการ โดยที่“ตนเองพร้อมที่จะเข้ามาให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาไอเฟค” แต่หลังจากได้รับเลือกเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ กลับแสดงความไม่จริงใจที่จะร่วมแก้ไขปัญหาบริษัท พยายามยกข้ออ้างต่างๆเพื่อเลี่ยงเข้าร่วมประชุมตลอดมา
2.ไม่เคยคิดปราบโกง-ปกป้องบริษัท
นอกจากนี้ กรรมการจากกลุ่มนี้ไม่เคยแสดงให้เห็นว่า จะปกป้องผลประโยชน์บริษัทและผู้ถือหุ้น จากกรณีพบการทุจริตในบริษัท
ที่ผ่านมา บริษัทพยายามชี้แจงให้ข้อมูลแก่กรรมการกลุ่มนี้ให้เห็นว่า ปัญหาของบริษัทเริ่มต้นจากกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ แต่แกนนำกรรมการกลุ่มนี้กลับจะเสนอชื่ออดีตผู้เกี่ยวข้องที่ถูกบริษัทดำเนินคดี กลับเข้ามาเป็นผู้บริหารบริษัท รวมทั้งในที่ประชุมกรรมการกลุ่มดังกล่าวก็พยายามที่จะไม่รับรู้ปัญหานี้ทั้งที่ควรเป็นเรื่องหลักที่กรรมการบริษัทต้องตามเอาสิ่งที่เสียหายไปกลับคืนให้ผู้ถือหุ้น
3.อ้างบริษัทไม่ดำเนินการตามกฎหมาย
กรรมการกลุ่มนี้จะอ้างทุกครั้งที่ไม่เข้าร่วมประชุมกรรมการว่า บริษัทดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฏหมายเช่นกรณีบริษัทใช้วิธีลงคะแนนเสียงแบบสะสม (Cumulative Voting ) การเลือกตั้งแบบสะสม เป็นวิธีที่กฎหมายรับรอง ด้วยเหตุผลว่าทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย สามารถส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นกรรมการได้ โดยไม่ให้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่กว่าควบคุมเบ็ดเสร็จ ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นการเลือกตั้งที่ยึดหลักธรรมาภิบาลที่สุด ที่สำคัญบริษัทได้ใช้วิธีการเลือกตั้งนี้โดยไม่ขัดต่อระเบียบบริษัท และในการประชุมวิสามัญวันที่ 14 ก.พ. 2560ผู้ถือหุ้นที่มาประชุม ได้ใช้วิธีการเลือกนี้ และกรรมการกลุ่มนี้ก็ได้รับเลือกมาด้วยวิธีนี้ถึง 5 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นเสียงข้างมาก 5 ท่านจากจำนวนกรรมการบริษัท 9 ท่านโดยไม่มีการทวงติง อีกทั้งกลุ่มนี้ ยังได้เร่งรีบในการไปตัดหน้าจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัท ด้วยการแจ้งข้อความไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งเป็นความผิดอาญา
ต่อมา ในการประชุมสามัญประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 มีการเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ครบวาระ 3 ตำแหน่ง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวได้กรรมการ 2 ตำแหน่ง แต่กลับ มา ท้วงติง โดยอ้างวิธีการ ซึ่ง หาก พิจารณาแล้วจะพบว่า วิธีการนี้ ทำให้กลุ่มนี้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการ มาแล้ว ครั้งแรก 5 ตำแหน่ง ครั้งที่ 2 อีก 2 ตำแหน่ง รวมทั้ง 2 ครั้ง ได้ 7 ตำแหน่ง กลุ่มนี้ ต้องการ 9 กรรมการ จาก 9 ตำแหน่ง เพื่อควบคุมเบ็ดเสร็จ
4.เอาข้อมูลภายในไปหาช่องโจมตี
ถึงขณะนี้ บริษัทมีกรรมการครบ 9 คน แต่กรรมการกลุ่มนี้ กลับไม่แสดงบทบาทกรรมการที่ดี ยังคงพยายามให้ข่าวที่กระทบต่อบริษัทตลอดเวลา โดยเลี่ยงการกระทำผิดจรรยาบรรณการเป็นกรรมการบริษัท ที่ต้องเก็บความลับของบริษัท ด้วยการนำข้อมูลบริษัท ออกไปเผยแพร่ “ในนามผู้ถือหุ้น”เช่นล่าสุดนำข้อมูลภายในที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของบริษัท ในการร่วมโครงการโซล่าฟาร์ม หน่วยงานราชการ ออกมาเปิดเผยภายนอก
บริษัทได้แจ้งเรื่องนี้ในหนังสือ ขอประชุมกรรมการฉุกเฉิน เพื่ออนุมัติในการเข้าร่วมดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งระหว่างนั้นเป็นการประเมินคุณสมบัติเบื้องต้น และไอเฟค ก็ยังมีสิทธิเสนอตัวร่วมกับบริษัทร่วมค้า แต่การที่กลุ่มที่อ้างว่าถือหุ้นใหญ่นำออกมาเปิดเผย ทำให้บริษัทอาจถูกมองว่าไม่พร้อม ถือเป็นการทำลายบริษัทอย่างร้ายแรง ซึ่งบริษัทจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายในกรณีนี้
5.พร้อมนำส่งงบบัญชี 2559
ส่วนกรณี การส่งงบการเงินต่อตลาดหลักทรัพย์นั้น บริษัทได้เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่บางเรื่องต้องใช้ความร่วมมือจากกรรมการทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องบริษัทในเครือโรงแรมดาราเทวี 4 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทลูกของไอเฟค เนื่องจากอดีตผู้บริหารไม่ยอมลาออกจากกรรมการบริษัทดาราเทวีและมีอุปสรรคยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบเพื่อความถูกต้องของงบการเงิน ซึ่งบริษัท ได้แจ้งกรรมการทราบมาตลอด แต่อดีตผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้
ทั้งนี้ อุปสรรคทั้งหมดดังกล่าว ทีมผู้บริหารไอเฟค เชื่อว่ายังอยู่ในภาวะการที่ควบคุมได้ หลายปัญหาได้รับการแก้ไข พร้อมๆกับเดินหน้าโครงการใหม่ๆของบริษัท ขณะเดียวกันกรรมการจากผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้ ควรแสดงความรับผิดชอบในฐานะกรรมการ เข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาภายใน เพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และบริษัทขอแสดงเจตนารมณ์ ที่ชัดเจนว่าต่อไปนี้ จะดำเนินการตามกฎหมาย กับผู้ที่กระทำการใด ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อบริษัท และ ผู้บริหารฯ เพื่อปกป้องผลประโยชน์บริษัทและของผู้ถือหุ้นทั้งหมด
คุณหมอ วิชัย และบริษัท IFEC เตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่ให้ข่าวโจมตี ทำให้บริษัท IFEC เสียหาย !!!
วันที่ 26 พฤษภาคม 2017 - 17:38 น.
กรณี มีบุคคลอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อมวลชน ส่งผลทำให้บริษัทฯได้รับความเสียหายตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา บริษัทขอประกาศว่า จำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์บริษัท
ทั้งนี้บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ขอชี้แจงว่า บริษัทถูกดึงเข้าสู่วังวนปัญหา นับตั้งแต่ปลายปี 2559 จนกระทั้งตลาดลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นเครื่องหมาย SPหลักทรัพย์ของบริษัท
โดยข้อเท็จจริงระหว่างนั้น บริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบพบการทุจริตในหลายบริษัท นำไปสู่การฟ้องร้องอดีตผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับบริหารและพนักงาน ตามที่ปรากฎในข่าวที่ผ่านมา กระทั้งอดีตผู้บริหารและกรรมการบางคนได้ลาออก และระหว่างนั้นได้ปรากฏชื่อบุคคลเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นจำนวนมากในบริษัทโดยมีการรับจำนำมาจากบุคคลอื่น และ อ้างว่าซื้อเพิ่มกันเอง ( ไม่ได้ซื้อผ่านตลาด )
1.ไม่จริงใจร่วมบริหาร IFEC
ประเด็นที่น่าสังเกตคือ ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้กับอดีตผู้บริหาร ได้ให้ข่าวด้านลบกับบริษัท สอดรับกันในหลายต่อหลายครั้ง จนเป็นผลทำให้บริษัทฯต้องประสบปัญหาในการบริหารจัดการหนี้ และกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัทอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะการที่ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นกรรมการบางคน ออกมาให้ข่าวผ่านสื่อต่อกรณีหนี้สินของบริษัทว่า เป็นการกู้ยืมหนี้ระยะสั้นไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ก่อให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมาก ทั้งๆ ที่ทีมผู้บริหารไอเฟคที่ยังนั่งบริหารงานอยู่ได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้ไปได้แล้วบางส่วน เมื่อมีการออกมาให้ข้อมูลเช่นนี้ ทำให้เจ้าหนี้ไม่ยอมโรลโอเวอร์หนี้ และยิ่งคิดดอกเบี้ยแพงขึ้น
เมื่อกลุ่มที่อ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้เสนอ ว่า กลุ่มของตนถือหุ้นจำนวนมาก ต้องการเสนอตัว เป็นกรรมการ โดยที่“ตนเองพร้อมที่จะเข้ามาให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาไอเฟค” แต่หลังจากได้รับเลือกเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ กลับแสดงความไม่จริงใจที่จะร่วมแก้ไขปัญหาบริษัท พยายามยกข้ออ้างต่างๆเพื่อเลี่ยงเข้าร่วมประชุมตลอดมา
2.ไม่เคยคิดปราบโกง-ปกป้องบริษัท
นอกจากนี้ กรรมการจากกลุ่มนี้ไม่เคยแสดงให้เห็นว่า จะปกป้องผลประโยชน์บริษัทและผู้ถือหุ้น จากกรณีพบการทุจริตในบริษัท
ที่ผ่านมา บริษัทพยายามชี้แจงให้ข้อมูลแก่กรรมการกลุ่มนี้ให้เห็นว่า ปัญหาของบริษัทเริ่มต้นจากกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ แต่แกนนำกรรมการกลุ่มนี้กลับจะเสนอชื่ออดีตผู้เกี่ยวข้องที่ถูกบริษัทดำเนินคดี กลับเข้ามาเป็นผู้บริหารบริษัท รวมทั้งในที่ประชุมกรรมการกลุ่มดังกล่าวก็พยายามที่จะไม่รับรู้ปัญหานี้ทั้งที่ควรเป็นเรื่องหลักที่กรรมการบริษัทต้องตามเอาสิ่งที่เสียหายไปกลับคืนให้ผู้ถือหุ้น
3.อ้างบริษัทไม่ดำเนินการตามกฎหมาย
กรรมการกลุ่มนี้จะอ้างทุกครั้งที่ไม่เข้าร่วมประชุมกรรมการว่า บริษัทดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฏหมายเช่นกรณีบริษัทใช้วิธีลงคะแนนเสียงแบบสะสม (Cumulative Voting ) การเลือกตั้งแบบสะสม เป็นวิธีที่กฎหมายรับรอง ด้วยเหตุผลว่าทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย สามารถส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นกรรมการได้ โดยไม่ให้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่กว่าควบคุมเบ็ดเสร็จ ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นการเลือกตั้งที่ยึดหลักธรรมาภิบาลที่สุด ที่สำคัญบริษัทได้ใช้วิธีการเลือกตั้งนี้โดยไม่ขัดต่อระเบียบบริษัท และในการประชุมวิสามัญวันที่ 14 ก.พ. 2560ผู้ถือหุ้นที่มาประชุม ได้ใช้วิธีการเลือกนี้ และกรรมการกลุ่มนี้ก็ได้รับเลือกมาด้วยวิธีนี้ถึง 5 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นเสียงข้างมาก 5 ท่านจากจำนวนกรรมการบริษัท 9 ท่านโดยไม่มีการทวงติง อีกทั้งกลุ่มนี้ ยังได้เร่งรีบในการไปตัดหน้าจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัท ด้วยการแจ้งข้อความไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งเป็นความผิดอาญา
ต่อมา ในการประชุมสามัญประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 มีการเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ครบวาระ 3 ตำแหน่ง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวได้กรรมการ 2 ตำแหน่ง แต่กลับ มา ท้วงติง โดยอ้างวิธีการ ซึ่ง หาก พิจารณาแล้วจะพบว่า วิธีการนี้ ทำให้กลุ่มนี้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการ มาแล้ว ครั้งแรก 5 ตำแหน่ง ครั้งที่ 2 อีก 2 ตำแหน่ง รวมทั้ง 2 ครั้ง ได้ 7 ตำแหน่ง กลุ่มนี้ ต้องการ 9 กรรมการ จาก 9 ตำแหน่ง เพื่อควบคุมเบ็ดเสร็จ
4.เอาข้อมูลภายในไปหาช่องโจมตี
ถึงขณะนี้ บริษัทมีกรรมการครบ 9 คน แต่กรรมการกลุ่มนี้ กลับไม่แสดงบทบาทกรรมการที่ดี ยังคงพยายามให้ข่าวที่กระทบต่อบริษัทตลอดเวลา โดยเลี่ยงการกระทำผิดจรรยาบรรณการเป็นกรรมการบริษัท ที่ต้องเก็บความลับของบริษัท ด้วยการนำข้อมูลบริษัท ออกไปเผยแพร่ “ในนามผู้ถือหุ้น”เช่นล่าสุดนำข้อมูลภายในที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของบริษัท ในการร่วมโครงการโซล่าฟาร์ม หน่วยงานราชการ ออกมาเปิดเผยภายนอก
บริษัทได้แจ้งเรื่องนี้ในหนังสือ ขอประชุมกรรมการฉุกเฉิน เพื่ออนุมัติในการเข้าร่วมดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งระหว่างนั้นเป็นการประเมินคุณสมบัติเบื้องต้น และไอเฟค ก็ยังมีสิทธิเสนอตัวร่วมกับบริษัทร่วมค้า แต่การที่กลุ่มที่อ้างว่าถือหุ้นใหญ่นำออกมาเปิดเผย ทำให้บริษัทอาจถูกมองว่าไม่พร้อม ถือเป็นการทำลายบริษัทอย่างร้ายแรง ซึ่งบริษัทจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายในกรณีนี้
5.พร้อมนำส่งงบบัญชี 2559
ส่วนกรณี การส่งงบการเงินต่อตลาดหลักทรัพย์นั้น บริษัทได้เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่บางเรื่องต้องใช้ความร่วมมือจากกรรมการทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องบริษัทในเครือโรงแรมดาราเทวี 4 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทลูกของไอเฟค เนื่องจากอดีตผู้บริหารไม่ยอมลาออกจากกรรมการบริษัทดาราเทวีและมีอุปสรรคยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบเพื่อความถูกต้องของงบการเงิน ซึ่งบริษัท ได้แจ้งกรรมการทราบมาตลอด แต่อดีตผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้
ทั้งนี้ อุปสรรคทั้งหมดดังกล่าว ทีมผู้บริหารไอเฟค เชื่อว่ายังอยู่ในภาวะการที่ควบคุมได้ หลายปัญหาได้รับการแก้ไข พร้อมๆกับเดินหน้าโครงการใหม่ๆของบริษัท ขณะเดียวกันกรรมการจากผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้ ควรแสดงความรับผิดชอบในฐานะกรรมการ เข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาภายใน เพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และบริษัทขอแสดงเจตนารมณ์ ที่ชัดเจนว่าต่อไปนี้ จะดำเนินการตามกฎหมาย กับผู้ที่กระทำการใด ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อบริษัท และ ผู้บริหารฯ เพื่อปกป้องผลประโยชน์บริษัทและของผู้ถือหุ้นทั้งหมด