ท่านทราบไหมว่าครั้งหนึ่งในช่วงสงครามโลกตั้งที่ 2 จอมพล ป. ได้ทำการลงมือย้ายเมืองหลวงไปที่เพชรบูรณ์บ้างแล้ว
รวมทั้งย้ายโรงเรียนเตรียมทหารไปอยู่ที่ บ้านป่าแดง ตำบลป่าเลา อ.เมือง เพชรบูรณ์
เป็นเรื่องราวความประทับใจที่คุณพ่อที่ท่านได้เล่าให้ฟังบ่อย ๆ เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
ได้อ่านเจอเรื่องนี้เต็ม ๆ ในอนุสรณ์เตรียม ทบ.รุ่น 6 คือรุ่นของท่าน
ไม่ทราบว่าท่านผู้ใดเป็นผู้บันทึก แต่ขออนุญาติเอามาเผยแพร่ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ในปี พ.ศ. 2480 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการศึกษาแห่งชาติ
แต่เดิมจะมีการเรียน ภาคสามัญ 12 ปี เห็นว่านานไป จึงลดชั้นลงเหลือแค่ มัธยมปีที่ 6 งดชั้นม. 7 และ ม.8
หากใครอยากเรียนต่ออุดมศึกษาก็ต้อง ไปต่อ ม. 7 และ 8 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่ตั้งมารองรับ
หากใครจะเรียนต่อสายทหาร ก็ต้องเรียนที่โรงเรียนเตรียม ทบ.
เตรียม ทบ. รุ่น 6 ได้แก่รุ่นที่เข้าในปี พ.ศ. 2486 เริ่มเปิดเรียนในเดือนพฤษภาคม
ต่อมาการโจมตีทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรทวีความรุนแรงขึ้น
ครั้งแรกก็เป็นแค่ข่าวลือว่าโรงเรียนจึงดำริที่จะย้ายออกไปอยู่เพชรบูรณ์เพื่อความปลอดภัย
30 ธ.ค. 2486 ได้รับจ่ายเครื่องสนาม มีเป้ และเครื่องพร้อมกระติกน้ำ ย่าม หมวกเหล็ก เข็มขัดสนาม ผ้าห่ม ซองดาบปลายปืนและกระเป๋ากระสุน เตรียมความพร้อมที่จะออกเดินทาง
2 ม.ค. 2487 ได้รับคำสั่งย้ายจากผู้บังคับกองร้อย และเพื่อเป็นการรักษาความลับ ผู้บังคับกองร้อยได้แจ้งให้ทราบว่าจะเคลื่อนย้ายไปจังหวัดลพบุรี
10 ม.ค. 2487 เวลา 18.30 น. นักเรียนนายร้อยทั้งหมด รวมทั้งนักเรียนเตรียมทบ.
ทำพิธีกราบลาพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระปิยมหาราช ที่ศาลาวงกลมหลังโรงเรียน
แต่งกายด้วยชุดสนาม พร้อมด้วยปืนเล็กยาวแบบ 66 กระสุนคนละ 15 นัด
แล้วเดินทางไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟสามเสน รถไฟออกจากสถานีเมื่อเวลาประมาณ 20.35 น. โดยไม่หยุดที่สถานีใด นอกจากที่สถานีเชียงรากน้อย เพื่อหลบการโจมตีทางอากาศที่ทุ่งนาข้าง ๆ
11 ม.ค. 2487 นั่งอยู่บนรถไฟอยู่ประมาณ 15 ชั่วโมง ก็ลงจากรถที่สถานีรถไฟตะพานหิน เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.
แล้วเดินเข้าไปพักที่วัดหนองพยอม ห่างจากสถานีรถไป 2 กม.
ตอนกลางคืนนักเรียนทั้งหมดจะกางกระโจมนอนในทุ่งนา
แต่ละกระโจมมีนักเรียนหกคน
แต่ละคนมีผ้ากระโจมติดตัวคนละหนึ่งผืน รวมหกผืนจะกางเต้นท์ได้หนึ่งหลัง
ทุกคนนอนในชุดเครื่องแบบสนาม ทั้งรองเท้า ถอดแต่เพียงเข็มขัดสนามที่มีดาบปลายปืนคาดติดอยู่วางไว้ข้างตัว
เพราะจะได้ใช้เวลาเตรียมตัวน้อยที่สุดเมื่อออกต้องเดินทางต่อในเวลา 03.00 - 04.00 น.ที่จะถึง
เคราะห์ดีที่อากาศหนาวมากมิเช่นนั้นคงต้องนอนอาบเหงื่อต่างน้ำแน่นอน
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รู้จักกับการกางกระโจมนอนในทุ่งนา และนอนในเครื่องสนามพร้อม
13 มค. 2487 04.00 น. เริ่มออกเดินทางด้วยเท้าเป็นวันแรก ไปตามถนนสายเพชรบูรณ์ตะพานหิน
ผู้บังคับบัญชาคงจะเห็นว่าเป็นครั้งแรกของการเดินทางไกล จึงกำหนดให้พวกเราเดินเพียง 14 กม. และเข้าไปพักแรมที่วัดทรงธรรม
การเดินทางวันนี้แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อยเพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกเรา แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคึกคักกันดีอยู่
14 มค. 2487 วันนี้พวกเราต้องออกเดินทางตั้งแต่ 03.00 น. เพราะต้องเดินทางเป็นระยะไกลถึง 26 กม.เป็นการเดินทางที่ไกลที่สุด
ในระหว่าการเดินทางไปเพชรบูรณ์ครั้งนี้พวกเราแทบจะเดินกันไม่ไหว
ไหนจะเหนื่อยที่ต้องเดินทางไกลกว่าปกติ ไหนจะร้อนแสงแดด ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ
ในตอนแรก ๆ พวกเรายังคงรักษาความคึกคักในการเดินทางไว้ได้
แต่พอนาน ๆ ไป เสียงเพลงก็ค่อย ๆ จางหายไป เสียงพูดคุยค่อย ๆ หายไป ตามเวลาที่ผ่านไป
ทุกครั้งที่ผู้บังคับกองร้อยเป่านกหวีดให้พักประจำชั่วโมง พอรวมอาวุธเสร็จ แทบทุกคนจะนอนลงบนพื้นดินข้างถนนด้วยความเหน็ดเหนื่อยสุดหัวใจ
บางคนพอหัวลงถึงพื้นก็หลับผลอยไปเลย
พอถึงเวลาต้องออกเดินทางต่อ บางคนทำท่าจะไปไม่ไหวจริง ๆ พรรคพวกก็ช่วยพยุงให้ทรงตัวยืนขึ้นทั้ง ๆ ที่ตายังหลับอยู่
พอมีคำสั่งว่า " เดินหน้า " ขาก็ก้าวไปได้เองโดยอัตโนมัติ บางคนที่ไปไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องขออนุญาติเดินออกนอกขบวนตามไปทีหลัง
แต่ทั้ง ๆ ที่พวกเราเหน็ดเหนื่อยกันแทบจะขาดใจอยู่แล้วนี้ ทางโรงเรียนจะเห็นใจก็หาไม่
กลับประกาศว่า " ใครเดินไปไม่ถึงที่หมายจะไม่ได้เลื่อนชั้นขึ้นไปอยู่เตรียม 2 "
พวกเราก็ได้แต่กัดฟันทนเพราะไม่มีใครเขาขอร้องให้มาเป้นนักเรียนเตรียมทหารบก พวกเราสมัครอยากเป็นกันเอง
ฉะนั้นเมื่ออยากเป็นก็ต้องกัดฟันทนไป 1015 วัน
ดังนั้นส่วนใหญ่จึงได้กระโผลกกระเผลกไปถึงวัดโพธิ์เตี้ย ... พวกเราก็ขาลากกันจนตัวเตี้ยไปเหมือนกัน ... ซึ่งจะเป็นที่พักของเราในวันนั้น
เพราะนักเรียนทุกคนต่างสะบักสะบอมเดินขาลากโขยกเขยก เหมือนคนตะโพกคราก
ผู้บังคับบัญชาคงเห็นว่าเหลือกำลังจริง ๆ จึงตัดใจยอมให้พวกเราพักอยู่ที่วัดนี้หนึ่งคืนเต็ม ๆ กับอีกหนึ่งวัน
ย้อนอดีตเตรียม ทบ. รุ่นป่าแดง 86 ... ตอน 1 จากโรงเรียนถึงวัดโพธิ์เตี้ย
รวมทั้งย้ายโรงเรียนเตรียมทหารไปอยู่ที่ บ้านป่าแดง ตำบลป่าเลา อ.เมือง เพชรบูรณ์
เป็นเรื่องราวความประทับใจที่คุณพ่อที่ท่านได้เล่าให้ฟังบ่อย ๆ เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่
ได้อ่านเจอเรื่องนี้เต็ม ๆ ในอนุสรณ์เตรียม ทบ.รุ่น 6 คือรุ่นของท่าน
ไม่ทราบว่าท่านผู้ใดเป็นผู้บันทึก แต่ขออนุญาติเอามาเผยแพร่ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ในปี พ.ศ. 2480 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการศึกษาแห่งชาติ
แต่เดิมจะมีการเรียน ภาคสามัญ 12 ปี เห็นว่านานไป จึงลดชั้นลงเหลือแค่ มัธยมปีที่ 6 งดชั้นม. 7 และ ม.8
หากใครอยากเรียนต่ออุดมศึกษาก็ต้อง ไปต่อ ม. 7 และ 8 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่ตั้งมารองรับ
หากใครจะเรียนต่อสายทหาร ก็ต้องเรียนที่โรงเรียนเตรียม ทบ.
เตรียม ทบ. รุ่น 6 ได้แก่รุ่นที่เข้าในปี พ.ศ. 2486 เริ่มเปิดเรียนในเดือนพฤษภาคม
ต่อมาการโจมตีทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรทวีความรุนแรงขึ้น
ครั้งแรกก็เป็นแค่ข่าวลือว่าโรงเรียนจึงดำริที่จะย้ายออกไปอยู่เพชรบูรณ์เพื่อความปลอดภัย
30 ธ.ค. 2486 ได้รับจ่ายเครื่องสนาม มีเป้ และเครื่องพร้อมกระติกน้ำ ย่าม หมวกเหล็ก เข็มขัดสนาม ผ้าห่ม ซองดาบปลายปืนและกระเป๋ากระสุน เตรียมความพร้อมที่จะออกเดินทาง
2 ม.ค. 2487 ได้รับคำสั่งย้ายจากผู้บังคับกองร้อย และเพื่อเป็นการรักษาความลับ ผู้บังคับกองร้อยได้แจ้งให้ทราบว่าจะเคลื่อนย้ายไปจังหวัดลพบุรี
10 ม.ค. 2487 เวลา 18.30 น. นักเรียนนายร้อยทั้งหมด รวมทั้งนักเรียนเตรียมทบ.
ทำพิธีกราบลาพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระปิยมหาราช ที่ศาลาวงกลมหลังโรงเรียน
แต่งกายด้วยชุดสนาม พร้อมด้วยปืนเล็กยาวแบบ 66 กระสุนคนละ 15 นัด
แล้วเดินทางไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟสามเสน รถไฟออกจากสถานีเมื่อเวลาประมาณ 20.35 น. โดยไม่หยุดที่สถานีใด นอกจากที่สถานีเชียงรากน้อย เพื่อหลบการโจมตีทางอากาศที่ทุ่งนาข้าง ๆ
11 ม.ค. 2487 นั่งอยู่บนรถไฟอยู่ประมาณ 15 ชั่วโมง ก็ลงจากรถที่สถานีรถไฟตะพานหิน เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.
แล้วเดินเข้าไปพักที่วัดหนองพยอม ห่างจากสถานีรถไป 2 กม.
ตอนกลางคืนนักเรียนทั้งหมดจะกางกระโจมนอนในทุ่งนา
แต่ละกระโจมมีนักเรียนหกคน
แต่ละคนมีผ้ากระโจมติดตัวคนละหนึ่งผืน รวมหกผืนจะกางเต้นท์ได้หนึ่งหลัง
ทุกคนนอนในชุดเครื่องแบบสนาม ทั้งรองเท้า ถอดแต่เพียงเข็มขัดสนามที่มีดาบปลายปืนคาดติดอยู่วางไว้ข้างตัว
เพราะจะได้ใช้เวลาเตรียมตัวน้อยที่สุดเมื่อออกต้องเดินทางต่อในเวลา 03.00 - 04.00 น.ที่จะถึง
เคราะห์ดีที่อากาศหนาวมากมิเช่นนั้นคงต้องนอนอาบเหงื่อต่างน้ำแน่นอน
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รู้จักกับการกางกระโจมนอนในทุ่งนา และนอนในเครื่องสนามพร้อม
13 มค. 2487 04.00 น. เริ่มออกเดินทางด้วยเท้าเป็นวันแรก ไปตามถนนสายเพชรบูรณ์ตะพานหิน
ผู้บังคับบัญชาคงจะเห็นว่าเป็นครั้งแรกของการเดินทางไกล จึงกำหนดให้พวกเราเดินเพียง 14 กม. และเข้าไปพักแรมที่วัดทรงธรรม
การเดินทางวันนี้แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อยเพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกเรา แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคึกคักกันดีอยู่
14 มค. 2487 วันนี้พวกเราต้องออกเดินทางตั้งแต่ 03.00 น. เพราะต้องเดินทางเป็นระยะไกลถึง 26 กม.เป็นการเดินทางที่ไกลที่สุด
ในระหว่าการเดินทางไปเพชรบูรณ์ครั้งนี้พวกเราแทบจะเดินกันไม่ไหว
ไหนจะเหนื่อยที่ต้องเดินทางไกลกว่าปกติ ไหนจะร้อนแสงแดด ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ
ในตอนแรก ๆ พวกเรายังคงรักษาความคึกคักในการเดินทางไว้ได้
แต่พอนาน ๆ ไป เสียงเพลงก็ค่อย ๆ จางหายไป เสียงพูดคุยค่อย ๆ หายไป ตามเวลาที่ผ่านไป
ทุกครั้งที่ผู้บังคับกองร้อยเป่านกหวีดให้พักประจำชั่วโมง พอรวมอาวุธเสร็จ แทบทุกคนจะนอนลงบนพื้นดินข้างถนนด้วยความเหน็ดเหนื่อยสุดหัวใจ
บางคนพอหัวลงถึงพื้นก็หลับผลอยไปเลย
พอถึงเวลาต้องออกเดินทางต่อ บางคนทำท่าจะไปไม่ไหวจริง ๆ พรรคพวกก็ช่วยพยุงให้ทรงตัวยืนขึ้นทั้ง ๆ ที่ตายังหลับอยู่
พอมีคำสั่งว่า " เดินหน้า " ขาก็ก้าวไปได้เองโดยอัตโนมัติ บางคนที่ไปไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องขออนุญาติเดินออกนอกขบวนตามไปทีหลัง
แต่ทั้ง ๆ ที่พวกเราเหน็ดเหนื่อยกันแทบจะขาดใจอยู่แล้วนี้ ทางโรงเรียนจะเห็นใจก็หาไม่
กลับประกาศว่า " ใครเดินไปไม่ถึงที่หมายจะไม่ได้เลื่อนชั้นขึ้นไปอยู่เตรียม 2 "
พวกเราก็ได้แต่กัดฟันทนเพราะไม่มีใครเขาขอร้องให้มาเป้นนักเรียนเตรียมทหารบก พวกเราสมัครอยากเป็นกันเอง
ฉะนั้นเมื่ออยากเป็นก็ต้องกัดฟันทนไป 1015 วัน
ดังนั้นส่วนใหญ่จึงได้กระโผลกกระเผลกไปถึงวัดโพธิ์เตี้ย ... พวกเราก็ขาลากกันจนตัวเตี้ยไปเหมือนกัน ... ซึ่งจะเป็นที่พักของเราในวันนั้น
เพราะนักเรียนทุกคนต่างสะบักสะบอมเดินขาลากโขยกเขยก เหมือนคนตะโพกคราก
ผู้บังคับบัญชาคงเห็นว่าเหลือกำลังจริง ๆ จึงตัดใจยอมให้พวกเราพักอยู่ที่วัดนี้หนึ่งคืนเต็ม ๆ กับอีกหนึ่งวัน