สิ่งที่มนุษย์และพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนไม่ควรละเลย

มนุษย์คือสัตว์ประเสริฐ เนื่องจากมนุษย์มีสมองที่สามารถคิด วิเคราะห์ หาเหตุและผล มนุษย์สามารถคิดค้นภาษาเพื่อใช้ในการสื่อสารกันระหว่างชนชาติเดียวกันและมนุษย์ก็ใช้ภาษาในการสื่อสารและเรียนรู้นับตั้งแต่นั้นมาทำให้เราลืมความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงของเราคือมนุษย์คือสัตว์ประเสริฐ สัตว์ใช้สัญชาตญาณและความรู้สึกในการเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ มนุษย์ก็เช่นกันเมื่อเราเกิดมาเป็นทารกจนกระทั่งเติบโตเป็นเด็กน้อยเราจะใช้สัญชาตญาณและความรู้สึกในการรับรู้และตอบสนองกับทุกสิ่งทุกอย่าง เราคงเคยได้เรียนรู้กันมาบ้างแล้วว่าเด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของผู้ใหญ่มากกว่าคำพูด นั่นเป็นเพราะเมื่อเราเป็นทารกและเป็นเด็กน้อยเรายังใช้สัญชาตญาณและความรู้สึกในการรับรู้และตอบสนองเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อเราเข้าสู่วัยเรียนเราก็จะได้รับการฝึกการพูดอ่านเขียนภาษาที่เหมาะสมและเราก็เริ่มเรียนรู้การใช้การภาษาในการสื่อสารกับทุกคนมากขึ้นและใช้ความรู้สึกในการรับรู้หรือเรียนรู้น้อยลงทำให้เมื่อเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่เราจึงเข้าใจว่าการสื่อสารด้วยการพูดผ่านทางการใช้ภาษาคือวิธีการสื่อสารเดียวที่สามารถเข้าถึงความคิดและจิตใจของเรา ดังนั้นเมื่อพ่อแม่และผู้ปกครองเด็กทุกท่านต้องการสื่อสารกับเด็กจึงใช้วิธีการพูดในการทำความเข้าใจโดยลืมไปว่าเมื่อเรายังเป็นเด็กน้อยอยู่นั้นเราจะรับรู้และเรียนรู้จากการกระทำของผู้ใหญ่มากกว่าคำพูด ดังนั้นในเวลาที่เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ต้องการสอนหรือพูดกับเด็กโดยใช้อารมณ์ร่วมด้วยสิ่งที่เด็กรับรู้และเรียนรู้เข้าสู่ความคิดไม่ใช่ความต้องการหรือสิ่งที่จะสอนสั่งที่เราเองยังเข้าใจผิดคิดว่าสิ่งที่เราทำเราสอนสั่งเด็กน้อยนั้นก็เพราะเรามีความรักและความหวังดีให้กับเด็กน้อย หนึ่งใช่..เรามีความรักและความหวังดีให้เด็กน้อย  สองไม่ใช่..เนื่องจากอารมณ์และความรุนแรงต่างๆที่เราแสดงออกไปไม่ใช่สัญลักษณ์ของความรัก แต่มันคือการระบายอารมณ์ที่อาจเป็นอารมณ์และความคิดที่ตกค้างมาจากที่ทำงานหรือใครก็ตามที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วยก่อนหน้านี้ ซึ่งอารมณ์และความรุนแรงก็คือผลของพลังงานด้านลบที่เราได้รับเข้ามาในขณะที่เราเป็นเด็กน้อยและยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้ทำให้เมื่อเรากลับมาบ้านเห็นเด็กน้อยกำลังทำบางอย่างที่เราคิดว่าไม่ถูกต้อง เราจึงต้องการสั่งสอนเด็กน้อย  ดังนั้นด้วยความคิดที่เริ่มต้นด้วยความรักและความหวังดีที่ต้องการสั่งสอนของเราจึงลงท้ายด้วยการนำเอาความคิดและอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่ก่อนหน้ามาระบายลงกับเด็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเราสามารถมีความคิดได้เพียงความคิดเดียวในชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเราคิดว่าสิ่งที่เราทำกับเด็กน้อยนั้นคือความรักและความหวังดีจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะรับรู้ถึงอารมณ์ความรุนแรงซึ่งก็คือพลังงานด้านลบที่เราส่งออกไปพร้อมกับความรักความหวังดีนั้นว่าจะเป็นการทำร้ายทำลายเด็กน้อยและเป็นผลทำให้เกิดบาดแผลที่ต่อมากลายเป็นแผลเป็นที่ยากจะลบออกได้ของเด็กน้อยเมื่อเด็กน้อยได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเราไม่รับรู้ถึงอารมณ์และความรุนแรงเหล่านั้นเราก็ไม่สามารถทำความเข้าใจหรือแก้ไขสถานการณ์ต่างๆเหล่านั้นได้เราก็จะเริ่มโทษว่าเป็นเพราะเด็กโง่ไม่ฉลาดจึงไม่เข้าใจสิ่งที่เราพูดด้วยความรักความหวังดี โดยมิได้เฉลี่ยวใจคิดถึงสิ่งที่เราได้แสดงออกไปไม่ว่าจะเป็นคำพูดด้านลบต่างๆที่เรานำมาใช้หรืออารมณ์ความรุนแรงต่างๆที่เรานำมาใช้ร่วมด้วยจะทำให้เด็กน้อยที่เราบอกกับตัวเองว่าเรารักมากๆต้องได้รับความทุกข์ความบีบคั้นทรมานใจและเป็นต้นเหตุของการที่เด็กน้อยเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาในเวลาต่อมา ความเข้าใจที่คลาดเกี่ยวกับพลังงานด้านลบเหล่านี้ได้ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นโดยการคิดไปเองว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมแล้วและนี่แหละคือการใช้ชีวิตเพราะคนอื่นเป็นอย่างนั้นคนอื่นเป็นอย่างนี้จึงทำให้เราต้องแสดงอารมณ์และใช้คำพูดที่รุนแรงแบบนั้น

การปฎิเสธการรับรู้ความคิดคำพูดและการกระทำของตัวเราเองเท่ากับการแสดงความไม่รับผิดชอบที่เป็นเหตุผลทำให้เราไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เราคิดและทำและเป็นผลทำให้เราเลือกที่จะโทษผู้อื่นกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราแทนโดยอัตโนมัติ เป็นผลทำให้เราเป็นคนที่ไม่เคารพตัวเองและเมื่อเราไม่เคารพตัวเองไม่ก็ไม่สามารถแสดงความเคารพต่อผู้อื่นได้

ข้อควรระวังคือถึงแม้ว่าเราจะสามารถใช้ภาษาในการสื่อสารกันได้แต่เราก็ยังเป็นมนุษย์ที่เป็นสัตว์ประเสริฐอยู่ ดังนั้นอย่าลืมว่าเราก็ยังใช้สัญชาตญาณความรู้สึกในการรับรู้เรียนรู้และตอบสนองกับเรื่องต่างๆอยู่ดังจะเห็นได้ว่าในเวลาที่เราสามารถทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆได้เราจะเลือกที่จะแสดงออกด้วยการลงมือทำแทนการพูด ถ้าเราเพียงแค่รู้เราจะแสดงออกด้วยการพูดแทนการลงมือทำ " อย่าเอาแต่พูดเพื่อขอไปที แต่จงลงมือทำเพื่อให้เกิดผล " ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้แต่การทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราเรียนรู้สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้และสิ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์แบบที่นำมาซึ่งความสำเร็จคือการลงมือทำในสิ่งที่เราสามารถทำความเข้าใจได้นั้นทันที ถ้าเราปล่อยเวลาให้เนินนานออกไปจิตของเราก็จะไปนำเอาความคิดเดิมกลับมาใช้แทนและชีวิตเราก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ นั่นหมายความว่าเราก็จะกลับไปสู่การใช้ชีวิตแบบเดิมเหมือนที่เคยเป็นมา เราสามารถเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตของเราเองได้ ด้วยการแสดงความรับผิดชอบต่อความคิดคำพูดและการกระทำของเราเอง โดยการหันมาทำความเข้าใจกับพลังงานด้านลบต่างๆที่เราปล่อยออกมาใหม่อีกครั้งเพื่อคืนความเป็นเอกภาพให้กับโลกภายในของเราเอง.

ยุติการสั่งสอนเด็กโดยการใช้อารมณ์การกระทำที่รุนแรงเพราะการแสดงออกเหล่านั้นของเราคือสิ่งที่เด็กเรียนรู้และนำเข้าสู่ความคิดและจิตใจ โปรดจำเอาไว้ว่าเด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของผู้ใหญ่มากกว่าคำพูด ดังนั้นถ้าเราไม่สามารถสั่งสอนเด็กด้วยความรักความเมตตาได้การยืดเวลาออกไปเพื่อปรับอารมณ์และความคิดของเราใหม่จึงเป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนจากความรักจริงๆก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรักให้กับตัวเองและผู้อื่นด้วยต่อไป.

ยุติการส่งต่ออารมณ์และความรุนแรงทุกรูปแบบด้วยการหันมาทำความเข้าใจกับพลังงานด้านลบต่างๆที่เราส่งออกมาเพราะนั่นคือสัญญาณเตือนเพื่อให้เราคืนความเป็นเอกภาพให้กับโลกภายในของเราเอง อย่าปล่อยให้การโทษผู้อื่นนำพาเราออกห่างจากการเข้าถึงจิตวิญญาณของตัวเราเอง เราคือคนที่ควบคุมความคิดและการกระทำของตัวเอง อย่าปล่อยให้ความคิดและการกระทำของเราเองมาควบคุมเรา การบอกตัวเองว่าเราทำไม่ได้คือการปฎิเสธสิ่งนั้นไม่ให้เกิดขึ้นด้วยตัวของเราเอง.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่