สวัสดีครับชาวพันทิป นี่เป็นครั้งแรกที่เราคิดจะตั้งกระทู้ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
(ออกตัวก่อนเลยว่า เราเป็นคนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง อาจสับสนปนเปบ้าง เพราะทุกความรู้สึกมันเหมือนล้นๆ ปริ่มๆ)
เข้าเรื่องดีกว่า...
เรากับแฟนคบกันมาได้ปีกว่า ราบรื่นบ้าง ทะเลาะง๊องแง๊งกันบ้าง แต่โดยรวมถือว่าดีครับ ใช้ชีวิตไปไหนมาไหนตามประสาคนเป็นแฟน เจอกันทุกวัน ปกติเหมือนคู่อื่นๆ ครับ
แฟนเป็นรุ่นน้องอายุห่างกัน(6 ปี นิดๆ) ส่วนเราผ่านวันเบญจเพศมาแล้ว
เอาจริงๆเราตั้งธงไว้เงียบๆคนเดียวว่า วันนึงถ้าพร้อมแล้วก็อยากจะแต่งงาน คบกับน้องเค้าก็โอเคพอสมควร ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวีทหวานเหมือนคู่รักคู่อื่นก็เหอะ แต่ก็ผ่านอะไรๆกันมาเยอะ เจอปัญหา เจอช่วงเวลายากๆ ทุกข์ สุข เสียใจมีหมด วันเวลาที่ผ่านมาก็ทำให้รู้ว่าถ้าจะใช้ชีวิตกับคนๆนี้ สร้างอนาคตที่มีความสุขด้วยกันคงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะคนที่อยู่ข้างๆเรา คือ คนดี (อ่อ...ขอโฆษณานิดนึงครับ แฟนขี่อ่อน ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ้มเฟือย ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้เป็นอย่างดี ซักผ้า รีดผ้าทำเองหมด น่ารักเนอะ!!!!) คิดไปคิดมาคิดเงียบๆ อยู่ในภวังค์ว่า "คบกันซัก 2 ปีนะ น่าจะพร้อมที่จะลงหลักปักฐานแบบครอบครัวกันได้แล้ว"
เราก็เหมือนผู้ชายทั่วๆไป คบกับใครกับอยากจะคบไปตลอด พอถึงจุดๆนึงที่มั่นใจกับคนๆนึงว่าโอเคซึ่งกันและกันก็อยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน เพราะการที่ได้เจอผู้หญิงดีๆ รักกัน คบกัน แต่งงาน มีลูก มึครอบครัวที่น่ารักๆ หัวใจหัวใจอมยิ้ม22 มันคือสเตปที่ชวนฝัน จริงมั้ย???
ตั้งแต่คบกันมา...เราก็ไม่เคยรบเร้าแฟนนะ แต่คาดว่าเค้าคงดูออก เพราะอาการของเราก็น่าจะฟ้อง แบบอย่างเช่นการให้สมุดบันชีแฟนถือ(หมายถึงฝากเรื่องเงินไว้ด้วย แต่ว่าเราก็แอบเอา ATMมา) ยกกุญแจบ้านให้ถืออีกหนึ่งดอก บางคนอาจจะไม่แปลแต่สำหรับเราหมายถึงยกพื้นที่ของผมให้คุณเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตผม และผมก็ชอบซื้อผ้าพันคอให้เป็นความว่าฉันจะดูแลเทอเอง ^^ ก็โดยประมานนี้แต่ผมเป็นคน แต่ความหมายของขวัญผมก็ไม่ได้บอกนะเพราะผมเป็นคนไม่ชอบอธิบาย นิสัยขี้เก็ก พูดน้อย ปากหนัก ประมานว่าพูดน้อยต่อยหนัก
((((((เกริ่นนำ ร่ายยาว...เพิ่งสังเกต))))))
ประเด็นที่จะมาเล่าให้ฟังเริ่มตรงนี้ (ฮึ...ที่ผ่านมายังไม่เข้าเรื่อง???)
หลังจากที่คบกันมานานพอสมควรผมก็เริ่มคิดเรื่องแต่งงาน แต่งานผมก็มีการเดินทางเอาจริงๆ ผมถึงจะอายุแค่ 26 แต่ก็ถือว่าทำธุรกิจหลายอย่างไปด้วย เดินทางไปต่างประเทศบ้างแต่แอบไปนะไม่ให้ใครรู้ ^^ และที่สำคัญ ทำงานในที่ไกลๆ บ้าง ผมจึงยากรู้ว่าเอาจริงๆ เราจะแต่งงานไปจะเป็นแบบไหน คือบอกไว้ก่อนนะครับ สิ่งที่ผมทำต่อจากนี้ไปอาจจะ 18+ ก็อย่าโกรธกันนะครับ ประมาณว่าก็ เริ่มเอานิสัยเห็นด่านแย่ๆมาให้ห็นก่อนเพราะสิ่งนี้จะได้รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรในวันที่เราเทลาะกันหนักๆ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มากนะก็ เช่น ไม่ค่อยมีเวลา ไม่ค่อยไปไหนด้วย ไม่ค่อยว่าง T^T(ทำไมต้องทำขนาดนี้วะเป็นห่วงจังแต่ต้องอดทน) ที่สำคัญผมหมดมุ่นอยู่กับ บอส หมายถึงฝังตัวอยู่บ้านหัวหน้ากันเลยช่วงนั้น แต่ถ้าอยากเจอไปหาที่ทำงานก็จะเห็นเอง ^^ แต่ก็ยังคุยโทรศัพท์กันอยู่นะก็ ก็เหตุการก็เริ่มมั่นใจแล้วว่าคนนี้แหระอยู่กับได้ แต่ก็อย่างว่าเราชอบทำเซอร์ไพร์ไง (ข้อที่จบจริงๆของผมคือ) บอกแฟนว่าเราห่างกันซักพักนะ(ในความคิดกะจะเซอไพวันเกิดโดยการให้แหวนหมั่นไงครับ) ผมเชื่อว่ามันแรงจริง นิสัยของผมนิ
*ก็เพราะเราคบกันไม่นานไงก็เลยต้องทำให้รู้จักกันแบบจริงๆ เลยครับ
แต่เหตุการไม่เป็นอย่างที่ผมวางแผนไว้ 1 ปี ที่วางแผน ขอแต่งงาน ของผมก็พังทันที
หลังจากนั้น3 เดือน (แต่ช่วงนั้นเราก็เจอกันอยู่นะคุยกันอยู่) เหตุก็เร็วมากจริงๆ วันสงกรานต์ที่ผ่านมา เกิดเรื่องไม่คาดคิดมาก่อน
เงิบครับ แฟนตัดสินใจครบคนอื่นไปแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมช๊อคก็เริ่มขึ้น เรื่องหลายๆ เรื่องเริ่มเข้ามาในหัว ภาพ ต่างๆ พึบๆๆๆๆ เหมือนในหนังในฉากที่ พระตัวรายโดนยิงประมานนั้น สุดท้ายก็ได้มีโอกาสได้บอกเทอแต่ อย่าทิ้งฝันตัวเอง สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทำให้แม่เสียใจ ได้แต่กอดลา แล้วยิ้มให้เบาๆ (ของเซอไพร์ ก็มี ตัวเที่ยวสิงคโป 2 ใน แหวานหมั่น 1 วง) และก็ต้องใช้เวลาลืมอีกซักระยะ อาจจะดู งง แต่ อย่ากันนะครับ
สำหรับคุณผู้ชายฟังไว้ถ้าไม่ยากพลาดเหมือนผมนะ
"อย่าปล่อยให้ผู้หญิงรอ" เป็นคำสอนของคุณแม่ผม ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง
การบอกเลิกผู้หญิงตอนอายุเกิน 30 ปี เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก จงรู้ไว้ว่าผู้หญิงอายุเกิน 30 หาแฟนยากกว่าผู้ชาย 10 เท่า
ถ้าแฟนคุณจริงจังเรื่องแต่งงาน โปรดเริ่มพูดคุยกับฝ่ายหญิงก่อน ให้เธอเข้าใจตัวตนของคุณ จุดยืนของคุณในเรื่องการแต่งงาน อย่าเงียบ อย่าเฉย
ถ้าคุณเองก็ยังไม่มั่นใจ ก็จงทำให้ตั้งเองมั่นใจ "โดยเร็ว"
การแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่หนักอย่างที่คุณคิด ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตื่นเช้าขึ้นมาคุณก็ยังไปทำงานได้ ไปเตะบอลกับเพื่อนได้ ยังมีเวลานั่งหน้าคอมเป็นชั่วโมงๆ ได้
ชีวิตผู้ชายจะเติมเต็มได้ ต้องมีผู้หญิงซักคนอยู่เคียงข้าง
"อย่าปล่อยให้ผู้หญิงรอ" ... ย้ำอีกครั้งและอย่าลองใจเธอเพราะเธอก็คือเธอตั้งแต่แรกแล้ว
ย้ำ คุณอย่าพึ่งยากรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าเลย ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
สุดท้ายจริงๆ แล้วผมอยากจะบอกว่าการแต่งงานก็เป็นเพียงวัน 1 วันที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ตื่นขึ้นมาเราก็ต้องไปขึ้นรถ ไปทำงาน กินข้าวเที่ยง กลับไปทำงาน กินข้าวเย็น แล้วก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้ทำให้อะไรมันแตกต่างมากนัก
ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้ต่างอะไรจากตอนนี้มากนักหรอกครับ บางทีสิ่งที่สำคัญกว่าการขจัดความ "กลัว" ในใจคุณได้ คือการที่ได้ทำให้คนที่คุณรัก และคนที่รักคุณมีความสุข
หวังว่าทุกคู่จะได้มีความสุขในที่สุดแล้วนะครับ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการหันหน้าเข้ามาพูดคุย และทำความเข้าใจกัน ... ความรัไม่ใช้เรื่องของสมองแต่เป็นเรื่องของหัวใจ
.
(แฟนผมคนนี้ดีที่สุดในโลก)
รักไม่ใช้เรื่องของสมอง แต่ต้องใช้ใจด้วย
(ออกตัวก่อนเลยว่า เราเป็นคนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง อาจสับสนปนเปบ้าง เพราะทุกความรู้สึกมันเหมือนล้นๆ ปริ่มๆ)
เข้าเรื่องดีกว่า...
เรากับแฟนคบกันมาได้ปีกว่า ราบรื่นบ้าง ทะเลาะง๊องแง๊งกันบ้าง แต่โดยรวมถือว่าดีครับ ใช้ชีวิตไปไหนมาไหนตามประสาคนเป็นแฟน เจอกันทุกวัน ปกติเหมือนคู่อื่นๆ ครับ
แฟนเป็นรุ่นน้องอายุห่างกัน(6 ปี นิดๆ) ส่วนเราผ่านวันเบญจเพศมาแล้ว
เอาจริงๆเราตั้งธงไว้เงียบๆคนเดียวว่า วันนึงถ้าพร้อมแล้วก็อยากจะแต่งงาน คบกับน้องเค้าก็โอเคพอสมควร ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวีทหวานเหมือนคู่รักคู่อื่นก็เหอะ แต่ก็ผ่านอะไรๆกันมาเยอะ เจอปัญหา เจอช่วงเวลายากๆ ทุกข์ สุข เสียใจมีหมด วันเวลาที่ผ่านมาก็ทำให้รู้ว่าถ้าจะใช้ชีวิตกับคนๆนี้ สร้างอนาคตที่มีความสุขด้วยกันคงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะคนที่อยู่ข้างๆเรา คือ คนดี (อ่อ...ขอโฆษณานิดนึงครับ แฟนขี่อ่อน ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ้มเฟือย ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้เป็นอย่างดี ซักผ้า รีดผ้าทำเองหมด น่ารักเนอะ!!!!) คิดไปคิดมาคิดเงียบๆ อยู่ในภวังค์ว่า "คบกันซัก 2 ปีนะ น่าจะพร้อมที่จะลงหลักปักฐานแบบครอบครัวกันได้แล้ว"
เราก็เหมือนผู้ชายทั่วๆไป คบกับใครกับอยากจะคบไปตลอด พอถึงจุดๆนึงที่มั่นใจกับคนๆนึงว่าโอเคซึ่งกันและกันก็อยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน เพราะการที่ได้เจอผู้หญิงดีๆ รักกัน คบกัน แต่งงาน มีลูก มึครอบครัวที่น่ารักๆ หัวใจหัวใจอมยิ้ม22 มันคือสเตปที่ชวนฝัน จริงมั้ย???
ตั้งแต่คบกันมา...เราก็ไม่เคยรบเร้าแฟนนะ แต่คาดว่าเค้าคงดูออก เพราะอาการของเราก็น่าจะฟ้อง แบบอย่างเช่นการให้สมุดบันชีแฟนถือ(หมายถึงฝากเรื่องเงินไว้ด้วย แต่ว่าเราก็แอบเอา ATMมา) ยกกุญแจบ้านให้ถืออีกหนึ่งดอก บางคนอาจจะไม่แปลแต่สำหรับเราหมายถึงยกพื้นที่ของผมให้คุณเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตผม และผมก็ชอบซื้อผ้าพันคอให้เป็นความว่าฉันจะดูแลเทอเอง ^^ ก็โดยประมานนี้แต่ผมเป็นคน แต่ความหมายของขวัญผมก็ไม่ได้บอกนะเพราะผมเป็นคนไม่ชอบอธิบาย นิสัยขี้เก็ก พูดน้อย ปากหนัก ประมานว่าพูดน้อยต่อยหนัก
((((((เกริ่นนำ ร่ายยาว...เพิ่งสังเกต))))))
ประเด็นที่จะมาเล่าให้ฟังเริ่มตรงนี้ (ฮึ...ที่ผ่านมายังไม่เข้าเรื่อง???)
หลังจากที่คบกันมานานพอสมควรผมก็เริ่มคิดเรื่องแต่งงาน แต่งานผมก็มีการเดินทางเอาจริงๆ ผมถึงจะอายุแค่ 26 แต่ก็ถือว่าทำธุรกิจหลายอย่างไปด้วย เดินทางไปต่างประเทศบ้างแต่แอบไปนะไม่ให้ใครรู้ ^^ และที่สำคัญ ทำงานในที่ไกลๆ บ้าง ผมจึงยากรู้ว่าเอาจริงๆ เราจะแต่งงานไปจะเป็นแบบไหน คือบอกไว้ก่อนนะครับ สิ่งที่ผมทำต่อจากนี้ไปอาจจะ 18+ ก็อย่าโกรธกันนะครับ ประมาณว่าก็ เริ่มเอานิสัยเห็นด่านแย่ๆมาให้ห็นก่อนเพราะสิ่งนี้จะได้รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรในวันที่เราเทลาะกันหนักๆ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มากนะก็ เช่น ไม่ค่อยมีเวลา ไม่ค่อยไปไหนด้วย ไม่ค่อยว่าง T^T(ทำไมต้องทำขนาดนี้วะเป็นห่วงจังแต่ต้องอดทน) ที่สำคัญผมหมดมุ่นอยู่กับ บอส หมายถึงฝังตัวอยู่บ้านหัวหน้ากันเลยช่วงนั้น แต่ถ้าอยากเจอไปหาที่ทำงานก็จะเห็นเอง ^^ แต่ก็ยังคุยโทรศัพท์กันอยู่นะก็ ก็เหตุการก็เริ่มมั่นใจแล้วว่าคนนี้แหระอยู่กับได้ แต่ก็อย่างว่าเราชอบทำเซอร์ไพร์ไง (ข้อที่จบจริงๆของผมคือ) บอกแฟนว่าเราห่างกันซักพักนะ(ในความคิดกะจะเซอไพวันเกิดโดยการให้แหวนหมั่นไงครับ) ผมเชื่อว่ามันแรงจริง นิสัยของผมนิ
*ก็เพราะเราคบกันไม่นานไงก็เลยต้องทำให้รู้จักกันแบบจริงๆ เลยครับ
แต่เหตุการไม่เป็นอย่างที่ผมวางแผนไว้ 1 ปี ที่วางแผน ขอแต่งงาน ของผมก็พังทันที
หลังจากนั้น3 เดือน (แต่ช่วงนั้นเราก็เจอกันอยู่นะคุยกันอยู่) เหตุก็เร็วมากจริงๆ วันสงกรานต์ที่ผ่านมา เกิดเรื่องไม่คาดคิดมาก่อน
เงิบครับ แฟนตัดสินใจครบคนอื่นไปแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมช๊อคก็เริ่มขึ้น เรื่องหลายๆ เรื่องเริ่มเข้ามาในหัว ภาพ ต่างๆ พึบๆๆๆๆ เหมือนในหนังในฉากที่ พระตัวรายโดนยิงประมานนั้น สุดท้ายก็ได้มีโอกาสได้บอกเทอแต่ อย่าทิ้งฝันตัวเอง สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทำให้แม่เสียใจ ได้แต่กอดลา แล้วยิ้มให้เบาๆ (ของเซอไพร์ ก็มี ตัวเที่ยวสิงคโป 2 ใน แหวานหมั่น 1 วง) และก็ต้องใช้เวลาลืมอีกซักระยะ อาจจะดู งง แต่ อย่ากันนะครับ
สำหรับคุณผู้ชายฟังไว้ถ้าไม่ยากพลาดเหมือนผมนะ
"อย่าปล่อยให้ผู้หญิงรอ" เป็นคำสอนของคุณแม่ผม ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง
การบอกเลิกผู้หญิงตอนอายุเกิน 30 ปี เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก จงรู้ไว้ว่าผู้หญิงอายุเกิน 30 หาแฟนยากกว่าผู้ชาย 10 เท่า
ถ้าแฟนคุณจริงจังเรื่องแต่งงาน โปรดเริ่มพูดคุยกับฝ่ายหญิงก่อน ให้เธอเข้าใจตัวตนของคุณ จุดยืนของคุณในเรื่องการแต่งงาน อย่าเงียบ อย่าเฉย
ถ้าคุณเองก็ยังไม่มั่นใจ ก็จงทำให้ตั้งเองมั่นใจ "โดยเร็ว"
การแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่หนักอย่างที่คุณคิด ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตื่นเช้าขึ้นมาคุณก็ยังไปทำงานได้ ไปเตะบอลกับเพื่อนได้ ยังมีเวลานั่งหน้าคอมเป็นชั่วโมงๆ ได้
ชีวิตผู้ชายจะเติมเต็มได้ ต้องมีผู้หญิงซักคนอยู่เคียงข้าง
"อย่าปล่อยให้ผู้หญิงรอ" ... ย้ำอีกครั้งและอย่าลองใจเธอเพราะเธอก็คือเธอตั้งแต่แรกแล้ว
ย้ำ คุณอย่าพึ่งยากรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าเลย ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
สุดท้ายจริงๆ แล้วผมอยากจะบอกว่าการแต่งงานก็เป็นเพียงวัน 1 วันที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ตื่นขึ้นมาเราก็ต้องไปขึ้นรถ ไปทำงาน กินข้าวเที่ยง กลับไปทำงาน กินข้าวเย็น แล้วก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้ทำให้อะไรมันแตกต่างมากนัก
ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้ต่างอะไรจากตอนนี้มากนักหรอกครับ บางทีสิ่งที่สำคัญกว่าการขจัดความ "กลัว" ในใจคุณได้ คือการที่ได้ทำให้คนที่คุณรัก และคนที่รักคุณมีความสุข
หวังว่าทุกคู่จะได้มีความสุขในที่สุดแล้วนะครับ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการหันหน้าเข้ามาพูดคุย และทำความเข้าใจกัน ... ความรัไม่ใช้เรื่องของสมองแต่เป็นเรื่องของหัวใจ
.
(แฟนผมคนนี้ดีที่สุดในโลก)