JJNY : เลื่อนอ่านอุทธรณ์ กลุ่มพันธมิตรบุกทำเนียบ ปี51 ทนายส่งใบรับรองแพทย์ เผย”พล.ต.จำลอง”ป่วยหนัก

กระทู้คำถาม
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 พฤษภาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 710 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่ พ.ต.ต.สุรพงษ์ สายวงศ์ อัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 82ปี นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 69ปี นายพิภพ ธงไชย อายุ 71 ปี นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 67 ปี นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 71 ปี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 44ปี ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน หรือกลุ่มการเมืองสีเขียว และอดีตผู้ประสานงาน พธม. เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์กรณีร่วมกันบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล

โดยอัยการโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม2551 ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ มีจำเลยเป็นแกนนำจัดปราศรัยชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เพื่อกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำเนียบรัฐบาลและกระจายกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียง กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ

ต่อมาหลังจากนายสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทนและมีกำหนดวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เเต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม2551 เวลากลางวันจำเลยทั้งสี่กับพวกได้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยปิดล้อมทางเข้าออกทำเนียบฯ ทุกด้าน ได้ทำลายเครื่องมือทำลายกุญแจประตูทำเนียบ และทำลายแผงกั้นที่เจ้าหน้าที่ใช้ควบคุมดูแลความสงบในทำเนียบฯ จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 พวกจำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตได้ร่วมกันรื้อทำลายสิ่งกีดขวางแล้วปีนรั้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลรวมทั้งนำรถยนต์หกล้อที่ติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ไปจอดหน้าตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาลแล้วผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย และระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม2551 – 3 ธันวาคม 2551 ระหว่างที่พวกจำเลยจัดเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาล มีผู้ชุมนุมจำนวนมากเหยียบสนามหญ้าและต้นไม้ประดับจนตาย และยังทำให้ระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ ระบบไฟสนาม หน้าตึกไทยคู่ฟ้าและหน้าตึกสันติไมตรี ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับความเสียหายรวม 5 ล้านบาท อีกทั้งเมื่อมีฝนตกทำให้น้ำฝนซึมเข้าขังในถุงดำที่ห่อหุ้มกล้องวงจรปิด ทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกล้องเสียหายรวม 10 ตัว ค่าเสียหายอีก 1,766,548 บาท โดยจำเลยทั้ง6คนให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 เห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกเป็นความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการและร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-6 กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 365 อนุมาตราสอง ,362 และ 83 การกระทำของจำเลยผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดในความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ จำคุกคนละ 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 2 ปี ต่อมาจำเลยทั้งหมดยื่นอุทธรณ์สู้คดี

วันนี้ ศาลเบิกตัวนายสนธิ จำเลยที่ 2 จากเรือนจำบางขวางมาฟังคำพิพากษา เนื่องจากปัจจุบันนายสนธิถูกคุมขังในคดีต้องโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ส่วนนายพิภพ, นายสมเกียรติ, นายสมศักดิ์ และนายสุริยะใส จำเลยที่ 3-6 เดินทางมาศาล เนื่องจากได้ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี วงเงินคนละ 200,000 บาท ขณะที่ พล.ต.จำลอง จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาล

เมื่อถึงเวลานัด นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความได้แถลงพร้อมส่งใบรับรองแพทย์แสดงต่อศาลว่า พล.ต.จำลอง จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยป่วยหนัก เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระ ศาลสอบถามจำเลยที่เหลือแล้วไม่คัดค้าน อนุญาตให้เลื่อนการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปเป็นวันที่ 19 มิถุนายน เวลา 09.00 น.

ด้านนายสุวัตร ให้สัมภาษณ์ว่า พล.ต.จำลองมีอาการป่วยหนัก เพิ่งเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระ ส่วนอาการป่วยอะไรนั้นแพทย์กำลังวินิจฉัยอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่