ไปสัมภาษณ์งานในที่ๆไม่ชอบ แล้วไม่ได้งานนั้น ควรเสียใจไหม

ถือว่าเล่าสู่กันฟังละกันนะ เราไปสมัครงานที่บริษัทอีกแห่งหนึ่ง ที่ๆทำให้เรารู้สึกเสียเวลา และสุดท้ายเราก็ไม่ได้งานที่นั่น

>> สิ่งแรกที่ทำให้เราไม่ประทับใจที่นั่น คือ เรียกเราไปสมัครตำแหน่งหนึ่ง แต่พอไปสัมภาษณ์ คนสัมภาษณ์กลับบอกว่า ตำแหน่งนี้รับคนไปแล้ว และก็ชวนเราสมัครตำแหน่งอื่นที่ไม่ตรงกับความรู้ความสามารถของเราแทน เราก็คิดในใจว่า 'แล้วเจ้าหน้าที่จะเรียกเรามาสัมภาษณ์ให้เสียเวลาทำไมวะ' แต่เราก็ยอมสัมภาษณ์อีกตำแหน่งหนึ่งที่เขาเสนอมา สิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกว่า คนในบริษัทนี้ทำงานไม่ค่อยประสานกัน

>> สิ่งที่ทำให้เราไม่ประทับใจอย่างที่ 2 คือ ปล่อยให้เรานั่งรอสัมภาษณ์นาน จริงๆก็ไม่นานมาก ประมาณ 20 นาที แต่เผอิญว่าตอนนั้นก็มีเราคนเดียวที่ไปสมัคร (ถ้าให้เรารอนานเพราะสัมภาษณ์คนอื่นอยู่ เราจะไม่คิดว่านาน) เราก็สงสัยว่าทำไมนาน และพอได้สัมภาษณ์กับหัวหน้าคนแรก เขาบอกว่าตำแหน่งที่เราสมัครนั้นเต็มแล้ว จากนั้นเขาก็ให้เราเดินไปนั่งรออีกห้องหนึ่ง เพื่อสัมภาษณ์อีกตำแหน่งหนึ่ง กับหัวหน้าอีกแผนกหนึ่ง เราก็ไปนั่งรอ แล้วก็ปล่อยให้เรารอนานอีกแล้ว (ประมาณ 15-20 นาที) เพราะคนสัมภาษณ์ติดธุระอื่นอยู่ เรานั่งรอเฉยๆ ก็รู้สึกเบื่อและง่วง จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น (ปกติเราจะไม่เล่น เราจะนั่งรอเฉยๆ) เรารู้สึกว่าคนสัมภาษณ์ไม่ค่อยมีความพร้อมกัน เรานั่งรอนานๆเพื่ออะไรกัน

>> สิ่งที่ทำให้เราไม่ประทับใจอย่างที่ 3 คือ การพูดคุยของคนที่สัมภาษณ์เรา ตำแหน่งแรก (ที่บอกว่าตำแหน่งที่เราสมัครนั้นเต็มแล้ว) เขาถามว่าทำไมเราลาออกจากงาน เราตอบไปว่าเพราะเราไม่ถนัดงานแบบนั้น (แล้วก็ให้เหตุผลไป) เขาก็พูดว่า "แต่เราจบสาขานั้นมา เราก็ต้องเจองานแบบนั้นด้วย มันเลี่ยงไม่ได้ไม่ใช่เหรอ" เราก็ไม่อธิบายต่อละ ขี้เกียจ (เพราะจริงๆเราลาออกจากงานเพราะปัญหาเรื่องเพื่อนร่วมงาน รองลงมาคือรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมในงานมันไม่ค่อยโอเค ถ้าไปทำที่อื่นในตำแหน่งเดียวกันก็อาจไม่ใช่แบบนี้ และก็ใช่ว่าทุกที่จะต้องเจองานนี้) ดูเหมือนคนสัมภาษณ์จะไม่ค่อยเข้าใจตรงกับเรา หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะงานที่เราสมัครที่นั่นจะต้องเจอเรื่องที่เราไม่อยากเจออีกมั้ง เหมือนหนีเสือปะจระเข้

>> สิ่งที่ทำให้เราไม่ประทับใจอย่างที่ 4 คือ การพูดคุยของคนที่สัมภาษณ์เรา ตำแหน่งที่ 2 (คนสัมภาษณ์คนแรกแนะนำให้เราสมัคร) มีคนสัมภาษณ์เรา 2 คน เขาก็ถามเกี่ยวกับความรู้และประสบการณ์ที่เรามีเป็นหลัก แต่เราพลาดเองที่ไปบอกเขาว่ากำลังศึกษาต่อ ป.ตรีใบที่ 2 ด้านการบัญชี คนสัมภาษณ์ก็ถามดักเลยว่า "ไหนบอกว่าไม่ถนัดงานตัวเลข แล้วทำไมถึงจะเรียนบัญชี" (ตอนทำงานที่บริษัทเก่า เราทำงานเกี่ยวกับตัวเลข) เราก็ตอบมั่วไปว่าเพราะเรารู้สึกสนใจบัญชีตั้งแต่ทำงานในบริษัทล่าสุด เขาก็ถามว่า "แล้วทำไมไม่ทำงานที่เดิมต่อล่ะ แล้วก็เรียนไปด้วย" เราก็ตอบไปอีกว่า เพราะเราไม่ถนัดงานที่นั่น ถ้าทำงานและเรียนไปด้วย เราก็คิดว่าคงไม่ไหว (ซึ่งก็ไม่ไหวจริงๆ) แต่ถ้าเป็นงานอื่นที่ตรงกับความถนัดเรา เราก็คงสามารถแบ่งเวลามาเรียนด้วยได้ ความรู้ทางบัญชีสามารถนำไปใช้ได้กับงานหลากหลาย เป็นการเพิ่มโอกาสให้กับชีวิต (ตอบเหมือนจะสวย แต่จริงๆเราเรียนก็เพราะแค่อยากท้าทายตัวเอง เราโง่บัญชีมาก แต่เราก็รู้ว่าคนที่เรียนจบบัญชีนั้นเป็นที่ต้องการขององค์กรต่างๆมาก เราจึงเรียนไง ถ้าเรียนไหวก็ถือว่าประสบความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง บางทีอาจได้ทำงานอิสระ ได้เปิดสำนักบัญชีเป็นของตัวเอง หรือไปเป็นอาจารย์สอนบัญชีก็ได้ แต่ถ้าเราตอบคนสัมภาษณ์ไปแบบนั้นมันก็ไม่เป็นผลดีกับเราอีก) เราก็สงสัยว่าทำไมเขาต้องอยากรู้เรื่องนี้นัก คนเราเรียนเพราะอยากเรียนไม่ได้เหรอ

และอีกอย่างคือ พอเราถามเขาเรื่องสวัสดิการของบริษัทนี้ (เราตั้งใจจะถามเงินเดือน เพราะยังไม่รู้เงินเดือนของที่นี่ แต่เราเปลี่ยนไปใช้คำว่าสวัสดิการแทน คนสัมภาษณ์หลายคนก็จะเข้าใจโดยอัตโนมัติว่ามันรวมถึงเงินเดือนด้วย) คนสัมภาษณ์ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจตอบ ตอบประมาณว่า "ก็เหมือนบริษัททั่วๆไป" แล้วมีการย้อนถามเราอีกว่า "น้องต้องการสวัสดิการอะไรเพิ่มจากบริษัทหรือเปล่า เห็นถามเรื่องสวัสดิการ" เราก็บอกว่าเปล่า นึกโมโหในใจด้วย อ้าว! มันเป็นเรื่องที่บริษัทควรบอกให้ผู้สมัครรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ บริษัทหาคนมาทำงาน ก็ต้องการรู้ว่าคนๆนั้นจะทำอะไรให้บริษัทได้บ้าง คนสมัครงานก็ต้องการรู้เหมือนกันว่าบริษัทจะให้อะไรเราบ้าง ต่างคนต่างเลือกกัน ไม่ใช่บริษัทเลือกคนทำงานอย่างเดียวสักหน่อย บริษัทอื่นๆที่เราเคยไปสัมภาษณ์ ถ้าคนสัมภาษณ์รู้ว่าตำแหน่งนั้นได้เงินเดือนเท่าไหร่ เขาก็จะบอกเลย อาจบอกเป็นตัวเลขเป๊ะๆ หรืออาจบอกแบบประมาณคร่าวๆ ให้ แต่ถ้าเขาไม่รู้ เขาก็จะบอกประมาณว่าเดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

พอเราสัมภาษณ์เสร็จ เราก็ได้รู้ผลในวันนั้นเลย คนสัมภาษณ์บอกว่าเรายังไม่เหมาะกับงานนั้น เราก็แห้ว รู้สึกเสียใจเล็กน้อย (ไม่รู้จะเสียใจทำไมเหมือนกัน) วันนั้นเราก็เลยรู้ถึงระบบการสรรหาพนักงานของเขา คือสัมภาษณ์แล้วรู้ผลทันที เราก็เห็นถึงข้อดีและข้อเสียของระบบการสรรหาแบบนี้ เราไปสมัครงานเป็นฝ่ายบุคคลพอดี เราก็คิดว่าถ้าเราต้องสรรหาคนด้วยระบบแบบนี้ เราคิดว่ามันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ บางทีอาจดีแล้วก็ได้ที่เราไม่ได้งานที่นี่
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่