คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
กรณีทำสัญญาเช่า 1 ฉบับ
ระหว่าง บุคคล กับ บุคคล โดยแบ่งเป็นค่าเช่าบ้าน 15,000 ค่าเช่าฟอร์นิเจอร์ 15,000 (ค่าเช่าฟอร์นิเจอร์ ผ็เช่าจะได้ไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนแพง)
แต่ผู้ให้เช่า จะระบุว่าสามารถใช้เป็นที่ตั้งบริษัทได้ *โดยบริษัทจะจดภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยค่ะ
อยากทราบ
1.1 ข้อดีที่ทางบริษัทจะได้รับ คุณไม่ต้องเสียโรงเรือนมาก เพราะเช่าเฟอร์ไม่เสีย
1.2 ข้อเสียที่ทางบริษัทจะได้รับ ถ้าคุณเช่าในนามบุคคล คุณจะไม่ได้ค่าใช้จ่ายเป็นชื่อบริษัท คนทำบัญชีจะเอาไปบันทึกไม่ได้เหมือนจ่ายเงินไปฟรี ๆ
1.3 ข้อดีที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ ถ้าคนกับคน ไม่มีใครแจ้งภาษีสรรพกากร เจ้าของบ้านอาจะไม่ต้องส่งภาษี
1.4 ข้อเสียที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ ไม่น่ามีน่ะค่ะ
2. กรณีทำสัญญาเช่า 2 ฉบับ
ฉบับที่หนึ่ง ระหว่าง บุคคล กับ นิติบุคคล (เพื่อทำสำนักงาน)
ฉบับที่สอง ระหว่างบุคคลกับบุคคล (เพื่อพักอาศัย)
อยากทราบว่า
2.1 ข้อดีที่ทางบริษัทจะได้รับ
- สามารถใช้เป็นรายจ่ายของบริษัทได้ (กรณีนี้รายจ่าย มีผลยังไงกับภาษีคะ) ทำให้สิ้นปีคุณมีกำไรน้อยลง และเสียภาษีน้อยลง และเงินสดที่ออกจากบริษัท มีที่มาที่ไป
2.2ข้อเสียที่ทางบริษัทจะได้รับ เหมือนข้อ 1 จ่ายเงินออกไปแต่ไม่มีที่มา ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าความเป็นจริง
2.3ข้อดีที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ เค้าจะเสียภาษี ครึ่งเดี๊ยวซึ่งเค้าคงชอบอยู่แล้วค่ะ
2.4ข้อเสียที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ คิดว่าไม่มีน่ะค่ะ
3. แบบไหนน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดคะ
ถ้าเจ้าของบ้านยอม จ่ายเท่าไหน ทำเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทเท่านั้นค่ะ หรือจริงๆ แล้วมีทางซิกแซก เยอะแยะ ต้องถามที่ปรึกษาบัญชีได้จ้า
ขอขอบพระคุณทุกท่านค่ะ
ระหว่าง บุคคล กับ บุคคล โดยแบ่งเป็นค่าเช่าบ้าน 15,000 ค่าเช่าฟอร์นิเจอร์ 15,000 (ค่าเช่าฟอร์นิเจอร์ ผ็เช่าจะได้ไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนแพง)
แต่ผู้ให้เช่า จะระบุว่าสามารถใช้เป็นที่ตั้งบริษัทได้ *โดยบริษัทจะจดภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยค่ะ
อยากทราบ
1.1 ข้อดีที่ทางบริษัทจะได้รับ คุณไม่ต้องเสียโรงเรือนมาก เพราะเช่าเฟอร์ไม่เสีย
1.2 ข้อเสียที่ทางบริษัทจะได้รับ ถ้าคุณเช่าในนามบุคคล คุณจะไม่ได้ค่าใช้จ่ายเป็นชื่อบริษัท คนทำบัญชีจะเอาไปบันทึกไม่ได้เหมือนจ่ายเงินไปฟรี ๆ
1.3 ข้อดีที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ ถ้าคนกับคน ไม่มีใครแจ้งภาษีสรรพกากร เจ้าของบ้านอาจะไม่ต้องส่งภาษี
1.4 ข้อเสียที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ ไม่น่ามีน่ะค่ะ
2. กรณีทำสัญญาเช่า 2 ฉบับ
ฉบับที่หนึ่ง ระหว่าง บุคคล กับ นิติบุคคล (เพื่อทำสำนักงาน)
ฉบับที่สอง ระหว่างบุคคลกับบุคคล (เพื่อพักอาศัย)
อยากทราบว่า
2.1 ข้อดีที่ทางบริษัทจะได้รับ
- สามารถใช้เป็นรายจ่ายของบริษัทได้ (กรณีนี้รายจ่าย มีผลยังไงกับภาษีคะ) ทำให้สิ้นปีคุณมีกำไรน้อยลง และเสียภาษีน้อยลง และเงินสดที่ออกจากบริษัท มีที่มาที่ไป
2.2ข้อเสียที่ทางบริษัทจะได้รับ เหมือนข้อ 1 จ่ายเงินออกไปแต่ไม่มีที่มา ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าความเป็นจริง
2.3ข้อดีที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ เค้าจะเสียภาษี ครึ่งเดี๊ยวซึ่งเค้าคงชอบอยู่แล้วค่ะ
2.4ข้อเสียที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ คิดว่าไม่มีน่ะค่ะ
3. แบบไหนน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดคะ
ถ้าเจ้าของบ้านยอม จ่ายเท่าไหน ทำเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทเท่านั้นค่ะ หรือจริงๆ แล้วมีทางซิกแซก เยอะแยะ ต้องถามที่ปรึกษาบัญชีได้จ้า
ขอขอบพระคุณทุกท่านค่ะ
แสดงความคิดเห็น
จะเช่าบ้านเพื่ออยู่อาศัยและทำสำนักงาน ควรทำสัญญาเช่าแบบไหนคะ
ตอนนี้กำลังจะเช่าบ้าน โดยใช้เป็นที่อยู่อาศัย และเป็นที่ตั้งบริษัทด้วยค่ะ(จดทะเบียนบริษัท) ราคาอยู่ที่ 30,000 ต่อเดือนค่ะ
โดยส่วนตัวคิดว่าอยากทำสัญญาเช่าแบ่งเป็น 2 ฉบับ ฉบับแรกเช่าเพื่อพักอาศัย,ฉบับที่สอง เช่าเพื่อสำนักงาน
แต่นายหน้าให้เช่าบอกว่าปกติทำเขากันฉบับเดียว แต่ในสัญญาเช่าระบุว่าถ้ามีเรื่องภาษีตามมาทีหลัง ผู้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบ
หาอ่านในหนังสือ และเว็บต่างๆแล้วแต่ยังรู้สึกไม่เครียกับเรื่องนี้ค่ะ จึงอยากจะหาแนวทางที่ดีที่สุด ที่ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่าได้ประโยชน์ร่วมกันค่ะ
อยากทราบว่า
กรณีทำสัญญาเช่า 1 ฉบับ
ระหว่าง บุคคล กับ บุคคล โดยแบ่งเป็นค่าเช่าบ้าน 15,000 ค่าเช่าฟอร์นิเจอร์ 15,000 (ค่าเช่าฟอร์นิเจอร์ ผ็เช่าจะได้ไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนแพง)
แต่ผู้ให้เช่า จะระบุว่าสามารถใช้เป็นที่ตั้งบริษัทได้ *โดยบริษัทจะจดภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยค่ะ
อยากทราบ
1.1 ข้อดีที่ทางบริษัทจะได้รับ
1.2 ข้อเสียที่ทางบริษัทจะได้รับ
1.3 ข้อดีที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ
1.4 ข้อเสียที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ
2. กรณีทำสัญญาเช่า 2 ฉบับ
ฉบับที่หนึ่ง ระหว่าง บุคคล กับ นิติบุคคล (เพื่อทำสำนักงาน)
ฉบับที่สอง ระหว่างบุคคลกับบุคคล (เพื่อพักอาศัย)
อยากทราบว่า
2.1 ข้อดีที่ทางบริษัทจะได้รับ
- สามารถใช้เป็นรายจ่ายของบริษัทได้ (กรณีนี้รายจ่าย มีผลยังไงกับภาษีคะ)
2.2ข้อเสียที่ทางบริษัทจะได้รับ
2.3ข้อดีที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ
2.4ข้อเสียที่ทางผู้ให้เช่าจะได้รับ
3. แบบไหนน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดคะ
ขอขอบพระคุณทุกท่านค่ะ