เรื่องนี้ผมว่าเคยเกิดกับหลายๆๆๆๆๆคน เกี่ยวกับการซื้อปัจจัย 4 ที่เราต้องอยู่ด้วยเป็นเวลานาน
เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ไปดูหลายๆแห่งในเชียงใหม่หลายโครงการ และก็ถูกใจบ้านแห่งหนึ่งในอำเภอหางดง เมื่อปลายปีที่แล้ว ราคาบ้านก็ไม่เท่าไหร่ และเพียงพอกับความต้องการ 73ตรว. 3นอน 2 น้ำ ราคาอยู่ที่ 1.99 ล้านบาท ผมก็ได้ติดต่อเซลท่านหนึ่ง ชื่อคุณข. (นามสมมติ)
ถึงเวลาก็พาไปชมบ้าน ผมก็ค่อนข้างพอใจเป็นอย่างมาก ทั้งเนื้อที่และตัวบ้าน ก็เลยจะทำการจอง คุณข.ก็บอกว่าต้องมัดจำ 100,000 บาท (ในใจผมก็คิดว่า โอ้....ราคาสูงชิหาย ที่อื่นเค้าคิดกันแค่ไม่เกิน 10,000 บาท) แต่ก็คิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะเราพอใจ และอยากได้จริงๆ เพราะอยู่ใกล้บ้านของญาติแฟน เผื่อมีอะไรจะได้ไปมาหากันง่าย .... ผมจึงตกลงใจว่าจะซื้อ *** และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เงินเดือนผมอยู่ที่ 35,xxx ไม่มีภาระ ผมปิดรถ ปิดบัตรหมดแล้วเมื่อปลายปี 2557 ***
ในวันที่ 7 มกราคม 2560 ... วันทำสัญญา ผมก็ได้ไปที่บ้านเพื่อทำสัญญาและวางเงินจอง ผมก็ได้พบเจ้าของโครงการชื่อคุณอ.(นามสมมติ) ก็ทำสัญญาพร้อมโอนเงินจองให้ 100,000 บาท ผ่าน e-banking ในสัญญาจะซื้อจะขายตกลงกันว่า "ข้อที่ 4 ในการทำหนังสือสัญญาฉบับนี้ และในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ตามกำหนดระยะเวลาในข้อที่ 1 (15 กุมภาพันธ์ 2560) ถ้าผู้จะซื้อเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ไปรับโอน และ/หรือไม่ชำระเงินตามสัญญา ให้ถือว่าสัญญานี้เป็นอันยกเลิก โดยผู้จะขายไม่จำเป็นต้องบอกล่วงหน้า โดยผู้จะซื้อยินยอมให้ผู้จะขายริบเงินมัดจำที่ได้ชำระให้แก่ผู้จะขายได้แล้วทั้งหมด ..... "
ผมก็วิตกนิดๆ ตอนคุยกัน คุณข.บอกว่าจะคืนเงินได้ (แต่ด้วยความสะเพร่า ผมไม่ได้ดูในสัญญา ว่าคืนได้หรือไม่ได้) ... ผมจึงโอนเงิน พร้อมเซ็นสัญญาจะซื้อจะขาย และทางคุณอ.บอกว่าจะทำการยื่นกู้กับ ธอส. ให้ เพราะรู้จักกับจนท.
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป .... คุณข.โทรมาบอกว่าหลังจากดูข้อมูลบูโรเบื้องต้น ธนาคารยังไม่อนุมัติ เพราะผมติดบูโร เรื่องชำระล่าช้า !!!!! ห่า...กิน คุณข.บอกว่า ธอส.ให้อยู่นิ่งๆอีก 3 เดือนค่อยลองยื่นใหม่ เพราะผมพึ่งปิดปลายปี เครดิตยังไม่ดี
ผมจึงรอ ... แต่ในระหว่างรอผมก็ดำเนินการเช็คเครดิตตัวเอง พร้อมกับยื่นขอสินเชื่อกับอีกหลายธนาคาร (BBL, KBANK, SCB, KTB) เผื่อจะได้ แต่มันก็ไม่ได้ (-....-)
ระหว่างนั้นคุณข.ก็บอกว่าในช่วงระหว่างรอ จะขอให้คนเข้าชมบ้านก่อน เพราะบ้านที่ผมจะซื้อมันเสร็จแล้ว ผมก็โอเค .... ไปๆมาๆก็บอกว่า เคสของผมอีกนานกว่าจะได้ยื่น จึงขอให้ปล่อยบ้านไปก่อนเพราะคนที่มาดู เค้าชอบ "และพร้อมจ่ายเงินสด" แต่ก็มีทางออกให้ผมอีกทางคือให้ผมไปเอาบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน แบบเดียวกัน เนื้อที่เท่ากัน ... ผมก็โอเค (แบบไม่เต็มใจนัก) .... แล้วบ้านที่ผมจองก็ถูกปล่อยไป ...
ถึงกำหนดเวลาโอนบ้าน(ใหม่)ตามสัญญา ผมก็ร้อนใจเพราะทุกธนาคารที่ติดต่อ(เอง) ปฏิเสธหมด จึงขอคุยกับเจ้าของ เพื่อยืดเวลาออกไปอีก ไม่ใช่ว่ากลัวจะเสียเงินมัดจำ แต่มันเป็นความอยากได้บ้าน อยากมีบ้าน อยากได้ที่แวดล้อมแบบนี้ จึงตกลงกันอีกทีว่าผมจะขอยืดไปอีกนิดจนถึงเดือนเมษา เพื่อยื่น ธอส. อีกครั้ง ตอนแรกทางคุณอ.กับคุณข.บอกว่าต้องทำสัญญาใหม่ โดยให้วางเงินมัดจำเหมือนสัญญาเดิมคือ อีก 50,000 - 100,000 ผมก็ต่อรอง เหลือ 10,000 เพื่อยืดสัญญา แล้วผมก็เอาเงินสดให้ คุณอ.ก็บันทึกในสัญญาเดิมว่ารับเงินอีก 10,000
ต้นเดือนเมษา ผมก็ไปลองยื่นที่ ธอส.อีกครั้ง ธนาคารตรวจสอบเบื้องต้นแล้วบอกว่าสามารถยื่นได้ ผมจึงแจ้งกับทางคุณข.ไปว่า ผมจะยื่นเอกสารที่ธอส. ซึ่งต้องขอเอกสารเพิ่มคือโฉนดบ้าน(ใหม่) และก็ใบอนุญาติปลูกสร้าง .... คุณข.หายไปซักพัก แล้วบอกว่าบ้าน(ใหม่)หลังนั้นมีคนเอาไปแล้ว แล้วเค้าก็ยื่นธนาคารผ่านแล้วด้วย !!!!!!!
อ้าวแล้วเงินผมล่ะ ... เงินมัดจำ 100,000 ล่ะ เงินเพิ่มอีก 10,000 ล่ะ คุณข.บอกจะไม่คืน เพราะสัญญาสิ้นสุดไปตั้งแต่บ้านหลังแรกแล้ว
เอาไงวะทีนี้ ... ปวดหัว เซ็ง เบื่อ ไม่นึกว่าพวกวงการซื้อขายบ้าน จะมีพวกเฮงซวยแบบนี้ (หรือผมโง่เอง)
ก็เลยคุยกับคุณอ. อีกครั้ง ว่าจะเอาไง มั่วซื้อ มั่วขาย เอาเปรียบ ฯลฯ คุณอ.เลยเสนอทางออกให้อีกทาง คือให้ไปเอาบ้านอีกหลัง กำลังจะก่อสร้าง เนื้อที่เหลือ 57ตรว. ราคา1.89 แล้วเงินมัดจำเดิมก็ไม่คืนให้เต็ม อาจจะคืนให้แค่ครึ่งนึง เพราะได้แจกจ่ายให้ทีมงานไปแล้ว ผมก็กัดฟันยอมรับด้วยดี คราวนี้ก็เริ่มเสียดายเงินแล้ว เพราะเจ้าของเล่นแบบนี้ ผมก็ไม่แฮปปี้อีกแล้ว ... แต่ก็จะทำเพื่อบ้าน เพื่อครอบครัว จึงเตรียมเอกสารใหม่เพื่อจะยื่นกู้ ธอส.อี่กครั้ง
ตอนกำลังจะขอเอกสารให้ธนาคาร คุณอ.ได้ขอคุยด้วย เพราะแบบบ้านมันไม่เหมาะกับที่ดิน เนื่องจากแบบบ้านหน้ากว้าง 12.7 เมตร แต่ที่ดินกว้าง 13 เมตรนิดๆ ที่ด้านข้างจะไม่เหลือ ผมดูแบบบ้านใหม่ก็โอเค จะเป็นทรงลึก พื้นที่ด้านข้างจะมีให้ใช้สอยบ้าง ผมตกลงตามนั้น เพราะเห็นว่าก็เหมาะสมอยู่ จึงให้คุณอ.ดำเนินการยื่นเอกสารกับที่ดิน
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมรอเอกสารผังบ้าน และใบอนุญาติก่อสร้าง ระหว่างนั้นผมก็ไปดูบ้านที่กำลังทำ ดูความเป็นไป ดูแผนที่จะวางใว้ว่าจะตกแต่งยังไง บ้านกำลังสร้าง กำลังเทพื้น ผมสังเกตุว่ารั้วกับกำแพงมันทำไมติดกันจัง ประมาณว่าถ้าจะเดินด้านข้างต้องตะแคง ผมเลยโทรไปสอบถามคุณข. คุณข.ก็บอกว่าใบอนุญาติก่อสร้าง เค้าให้ทำเป็นแบบหน้ากว้าง คุณอ.ก็คุยกับผมแล้ว !!! เชี่ย ... ไม่ได้ตกลงแบบนี้นี่ ทำไมจะเปลี่ยนก็ไม่บอก หรือสร้างผิดแบบ หรือตั้งใจผิดแบบ หรือจงใจไม่ขาย หรือไม่ตั้งใจสร้าง ฯลฯ
มาวันนี้ 15-พ.ค.-2560 ผมว่าผมถึงขีดสุดแล้ว เพราะเห็นคุณอ.ประกาศขายบ้านอีกครั้ง 3นอน 2 น้ำ 57ตรว.1.89ล้าน กำลังก่อสร้าง .... เหมือนบ้านที่ผมจะเอาเลย !!! พอกันที ผมจะเอาเงินคืน ผมจะคุยกับสคบ. ผมจะคุยกับทนาย ... แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยเท่าไหร่ มีแนวโน้มว่าจะเสียเงิน เสียเวลา เสียความรู้สึก เสียค่าเช่าบ้านต่อไปอีก
เซ็งครับ ....
เรื่องโง่ๆ ที่ไม่ควรโง่ ... ซื้อบ้าน กู้ไม่ผ่าน โดนยึดเงินมัดจำ สคบ.ช่วยได้มั๊ย?
เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ไปดูหลายๆแห่งในเชียงใหม่หลายโครงการ และก็ถูกใจบ้านแห่งหนึ่งในอำเภอหางดง เมื่อปลายปีที่แล้ว ราคาบ้านก็ไม่เท่าไหร่ และเพียงพอกับความต้องการ 73ตรว. 3นอน 2 น้ำ ราคาอยู่ที่ 1.99 ล้านบาท ผมก็ได้ติดต่อเซลท่านหนึ่ง ชื่อคุณข. (นามสมมติ)
ถึงเวลาก็พาไปชมบ้าน ผมก็ค่อนข้างพอใจเป็นอย่างมาก ทั้งเนื้อที่และตัวบ้าน ก็เลยจะทำการจอง คุณข.ก็บอกว่าต้องมัดจำ 100,000 บาท (ในใจผมก็คิดว่า โอ้....ราคาสูงชิหาย ที่อื่นเค้าคิดกันแค่ไม่เกิน 10,000 บาท) แต่ก็คิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะเราพอใจ และอยากได้จริงๆ เพราะอยู่ใกล้บ้านของญาติแฟน เผื่อมีอะไรจะได้ไปมาหากันง่าย .... ผมจึงตกลงใจว่าจะซื้อ *** และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เงินเดือนผมอยู่ที่ 35,xxx ไม่มีภาระ ผมปิดรถ ปิดบัตรหมดแล้วเมื่อปลายปี 2557 ***
ในวันที่ 7 มกราคม 2560 ... วันทำสัญญา ผมก็ได้ไปที่บ้านเพื่อทำสัญญาและวางเงินจอง ผมก็ได้พบเจ้าของโครงการชื่อคุณอ.(นามสมมติ) ก็ทำสัญญาพร้อมโอนเงินจองให้ 100,000 บาท ผ่าน e-banking ในสัญญาจะซื้อจะขายตกลงกันว่า "ข้อที่ 4 ในการทำหนังสือสัญญาฉบับนี้ และในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ตามกำหนดระยะเวลาในข้อที่ 1 (15 กุมภาพันธ์ 2560) ถ้าผู้จะซื้อเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ไปรับโอน และ/หรือไม่ชำระเงินตามสัญญา ให้ถือว่าสัญญานี้เป็นอันยกเลิก โดยผู้จะขายไม่จำเป็นต้องบอกล่วงหน้า โดยผู้จะซื้อยินยอมให้ผู้จะขายริบเงินมัดจำที่ได้ชำระให้แก่ผู้จะขายได้แล้วทั้งหมด ..... "
ผมก็วิตกนิดๆ ตอนคุยกัน คุณข.บอกว่าจะคืนเงินได้ (แต่ด้วยความสะเพร่า ผมไม่ได้ดูในสัญญา ว่าคืนได้หรือไม่ได้) ... ผมจึงโอนเงิน พร้อมเซ็นสัญญาจะซื้อจะขาย และทางคุณอ.บอกว่าจะทำการยื่นกู้กับ ธอส. ให้ เพราะรู้จักกับจนท.
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป .... คุณข.โทรมาบอกว่าหลังจากดูข้อมูลบูโรเบื้องต้น ธนาคารยังไม่อนุมัติ เพราะผมติดบูโร เรื่องชำระล่าช้า !!!!! ห่า...กิน คุณข.บอกว่า ธอส.ให้อยู่นิ่งๆอีก 3 เดือนค่อยลองยื่นใหม่ เพราะผมพึ่งปิดปลายปี เครดิตยังไม่ดี
ผมจึงรอ ... แต่ในระหว่างรอผมก็ดำเนินการเช็คเครดิตตัวเอง พร้อมกับยื่นขอสินเชื่อกับอีกหลายธนาคาร (BBL, KBANK, SCB, KTB) เผื่อจะได้ แต่มันก็ไม่ได้ (-....-)
ระหว่างนั้นคุณข.ก็บอกว่าในช่วงระหว่างรอ จะขอให้คนเข้าชมบ้านก่อน เพราะบ้านที่ผมจะซื้อมันเสร็จแล้ว ผมก็โอเค .... ไปๆมาๆก็บอกว่า เคสของผมอีกนานกว่าจะได้ยื่น จึงขอให้ปล่อยบ้านไปก่อนเพราะคนที่มาดู เค้าชอบ "และพร้อมจ่ายเงินสด" แต่ก็มีทางออกให้ผมอีกทางคือให้ผมไปเอาบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน แบบเดียวกัน เนื้อที่เท่ากัน ... ผมก็โอเค (แบบไม่เต็มใจนัก) .... แล้วบ้านที่ผมจองก็ถูกปล่อยไป ...
ถึงกำหนดเวลาโอนบ้าน(ใหม่)ตามสัญญา ผมก็ร้อนใจเพราะทุกธนาคารที่ติดต่อ(เอง) ปฏิเสธหมด จึงขอคุยกับเจ้าของ เพื่อยืดเวลาออกไปอีก ไม่ใช่ว่ากลัวจะเสียเงินมัดจำ แต่มันเป็นความอยากได้บ้าน อยากมีบ้าน อยากได้ที่แวดล้อมแบบนี้ จึงตกลงกันอีกทีว่าผมจะขอยืดไปอีกนิดจนถึงเดือนเมษา เพื่อยื่น ธอส. อีกครั้ง ตอนแรกทางคุณอ.กับคุณข.บอกว่าต้องทำสัญญาใหม่ โดยให้วางเงินมัดจำเหมือนสัญญาเดิมคือ อีก 50,000 - 100,000 ผมก็ต่อรอง เหลือ 10,000 เพื่อยืดสัญญา แล้วผมก็เอาเงินสดให้ คุณอ.ก็บันทึกในสัญญาเดิมว่ารับเงินอีก 10,000
ต้นเดือนเมษา ผมก็ไปลองยื่นที่ ธอส.อีกครั้ง ธนาคารตรวจสอบเบื้องต้นแล้วบอกว่าสามารถยื่นได้ ผมจึงแจ้งกับทางคุณข.ไปว่า ผมจะยื่นเอกสารที่ธอส. ซึ่งต้องขอเอกสารเพิ่มคือโฉนดบ้าน(ใหม่) และก็ใบอนุญาติปลูกสร้าง .... คุณข.หายไปซักพัก แล้วบอกว่าบ้าน(ใหม่)หลังนั้นมีคนเอาไปแล้ว แล้วเค้าก็ยื่นธนาคารผ่านแล้วด้วย !!!!!!!
อ้าวแล้วเงินผมล่ะ ... เงินมัดจำ 100,000 ล่ะ เงินเพิ่มอีก 10,000 ล่ะ คุณข.บอกจะไม่คืน เพราะสัญญาสิ้นสุดไปตั้งแต่บ้านหลังแรกแล้ว
เอาไงวะทีนี้ ... ปวดหัว เซ็ง เบื่อ ไม่นึกว่าพวกวงการซื้อขายบ้าน จะมีพวกเฮงซวยแบบนี้ (หรือผมโง่เอง)
ก็เลยคุยกับคุณอ. อีกครั้ง ว่าจะเอาไง มั่วซื้อ มั่วขาย เอาเปรียบ ฯลฯ คุณอ.เลยเสนอทางออกให้อีกทาง คือให้ไปเอาบ้านอีกหลัง กำลังจะก่อสร้าง เนื้อที่เหลือ 57ตรว. ราคา1.89 แล้วเงินมัดจำเดิมก็ไม่คืนให้เต็ม อาจจะคืนให้แค่ครึ่งนึง เพราะได้แจกจ่ายให้ทีมงานไปแล้ว ผมก็กัดฟันยอมรับด้วยดี คราวนี้ก็เริ่มเสียดายเงินแล้ว เพราะเจ้าของเล่นแบบนี้ ผมก็ไม่แฮปปี้อีกแล้ว ... แต่ก็จะทำเพื่อบ้าน เพื่อครอบครัว จึงเตรียมเอกสารใหม่เพื่อจะยื่นกู้ ธอส.อี่กครั้ง
ตอนกำลังจะขอเอกสารให้ธนาคาร คุณอ.ได้ขอคุยด้วย เพราะแบบบ้านมันไม่เหมาะกับที่ดิน เนื่องจากแบบบ้านหน้ากว้าง 12.7 เมตร แต่ที่ดินกว้าง 13 เมตรนิดๆ ที่ด้านข้างจะไม่เหลือ ผมดูแบบบ้านใหม่ก็โอเค จะเป็นทรงลึก พื้นที่ด้านข้างจะมีให้ใช้สอยบ้าง ผมตกลงตามนั้น เพราะเห็นว่าก็เหมาะสมอยู่ จึงให้คุณอ.ดำเนินการยื่นเอกสารกับที่ดิน
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมรอเอกสารผังบ้าน และใบอนุญาติก่อสร้าง ระหว่างนั้นผมก็ไปดูบ้านที่กำลังทำ ดูความเป็นไป ดูแผนที่จะวางใว้ว่าจะตกแต่งยังไง บ้านกำลังสร้าง กำลังเทพื้น ผมสังเกตุว่ารั้วกับกำแพงมันทำไมติดกันจัง ประมาณว่าถ้าจะเดินด้านข้างต้องตะแคง ผมเลยโทรไปสอบถามคุณข. คุณข.ก็บอกว่าใบอนุญาติก่อสร้าง เค้าให้ทำเป็นแบบหน้ากว้าง คุณอ.ก็คุยกับผมแล้ว !!! เชี่ย ... ไม่ได้ตกลงแบบนี้นี่ ทำไมจะเปลี่ยนก็ไม่บอก หรือสร้างผิดแบบ หรือตั้งใจผิดแบบ หรือจงใจไม่ขาย หรือไม่ตั้งใจสร้าง ฯลฯ
มาวันนี้ 15-พ.ค.-2560 ผมว่าผมถึงขีดสุดแล้ว เพราะเห็นคุณอ.ประกาศขายบ้านอีกครั้ง 3นอน 2 น้ำ 57ตรว.1.89ล้าน กำลังก่อสร้าง .... เหมือนบ้านที่ผมจะเอาเลย !!! พอกันที ผมจะเอาเงินคืน ผมจะคุยกับสคบ. ผมจะคุยกับทนาย ... แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยเท่าไหร่ มีแนวโน้มว่าจะเสียเงิน เสียเวลา เสียความรู้สึก เสียค่าเช่าบ้านต่อไปอีก
เซ็งครับ ....