หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] Japan Story : เมื่อหลวมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่น Part 2
กระทู้รีวิว
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
โอซาก้า
ประเทศญี่ปุ่น
สำหรับตอนที่ 2 จขกท. ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อหัวเรื่อง เพราะว่ามีหลายท่านท้วงมาว่า ชื่อเรื่องนึกว่าไปทัวร์มากกว่าไปเอง
และขอขอบคุณทุกท่านสำหรับคำติชมและที่ติดตามอ่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ^__^
ตอนที่ 1 ออกเดินทาง
https://pantip.com/topic/36220857
ตอนที่ 2 ตะลุย Osaka
หลังจากเช็คอินเก็บของเรียบร้อยก็ถึงเวลาออกเที่ยวหาของกิน......เราตรงดิ่งเข้าสถานีรถไฟเพื่อจะมุ่งหน้าไปย่าน Dotonbori และ Ebisu Bashi-Suji กัน นั่งรถไฟสถานีเดิม สายเดิม (Midosuji Line สีแดง) แต่นั่งย้อนกลับไป 5 สถานี คือ สถานี Namba ทางออก 14 มั้ง คือเดินออกมาจะเจอตึก Namba HIPS พอดี แต่ให้หันหลังเดินวกกลับไปในทางตรงข้าม
และด้วยช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีพอดี บนถนน Midisuji เส้นนี้จึงเต็มไปด้วยต้นแป๊ะก๊วยที่กำลังผลัดเปลี่ยนใบเป็นสีเหลืองทองอร่ามและร่วงหล่นเต็มพื้นทางเดิน เรียกว่าดีต่อใจกันตั้งแต่จุดแรกๆเลยครับ เราเดินตรงมาอีกอึดใจหนึ่ง แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยไปก็ถึงแล้วครับ สิ่งแรกที่ท่านจะได้พบคือมวลมหาประชาชนจำนวนมากมายที่ยื่นถ่ายภาพกับเจ้าปูยักษ์ที่เกาะเด่นเป็นสง่า จากนั้นเราเดินไปอีกหน่อยก็ถึงไฮไลท์ที่ประชาชนทั่วโลกจะต้องมาถ่ายรูปคู่กับเค้าคนนี้ “มิสเตอร์กูลิโกะ”
เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปสักพักความหิวก็เริ่มมาเยือน เพื่อความสะดวกและด้วยอากาศที่หนาว 6-9 องศา พวกเราจึงเดินหลบเข้าไปในแฟมิลี่มาร์ท แล้วจัดอะไรอุ่นมาสักชาม ซึ่งจัดได้ว่าอร่อยเลยล่ะ ซดดังๆจนหมดชามจร้า ก่อนกลับเลยขอแวะต่อแถวทาโกะยากิเจ้าดังที่คิวย้าวยาวสักหน่อย เพื่อเอากลับไปไว้รองท้องตอนดึก และก็ไม่ผิดหวังแม้จะปล่อยไว้จนหายร้อนแล้วแต่ความอร่อยยังคงอยู่ มันซาบซ่านอบอวลอยู่ลิ้นจนถึงบัดนี้ ^^
วันที่สอง สำหรับ 2 วัน ถัดจากนี้เราจะไปท่องเมืองโอซาก้า เลยเลือกใช้ Osaka Amazing Pass (OAP) 2 Days บัตรนี้ใช้นั่ง Subway+NewTram+CityBus ในโอซาก้าได้ไม่จำกัดเที่ยว โดยไม่สามารถใช้โดยสารรถไฟ JR + Private Railways ได้ พร้อมกันนี้ยังใช้เป็นบัตรเบ่งเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในโอซาก้าได้ฟรีถึง 31 แห่ง และยังใช้เป็นส่วนลดบัตรเข้าชมสถานที่และร้านอาหารอีกมากมาย สนราคาใบละ 3,000 เยน ซึ่งเราก็จัดเตรียมมาจากเมืองไทยเรียบร้อยโดยซื้อผ่านเอเจนท์ในราคา 950 บาท (ราคาขึ้นลงตามอัตราแลกเปลี่ยน) วิธีการใช้ก็เพียงโชว์บัตรให้ จนท. ประจำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้นสแกนบาร์โค๊ตบนบัตร OAP ของเรา
(OAP 1 Days จะใช้โดยสาร Private Railways เช่นสาย Hansin Hungkyu Keihan Kinki Nankai ได้ แต่ไม่สามารถใช้โดยสารรถไฟ JR ได้เช่นกัน)
อัพเดท!! ได้ข่าวว่าตั้งแต่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไป OAP 2017 Version จะปรับราคาใหม่พร้อมเพิ่มสถานที่อีกอย่างน้อย 5 แห่งที่สามารถเข้าได้ฟรี ราคา 1 Day 2,500 เยน / 2 Days 3,300 เยน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.tiewyeepoon.com/hot-topics/update/osaka-amazing-pass/
หลังจากโซ้ยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่พกมาจากบ้านแล้ว เราพุ่งทะยานออกมาสถานีรถไฟแต่เช้า แต่สายเราเหลือบไปเห็นว่าร้าน SAiNT ETOILE (แซง เอตัวล์) ซึ่งเปิดอยู่ เลยขอแวะไปชิมขนมปังไส้แกงกะหรี่ หรือ “คาเระปัง” กันสักหน่อย คาเระปังนั้นถือเป็นเบเกอรี่ 1 ใน 5 ยอดฮิตที่ต้องมีในร้านเบเกอรี่ญี่ปุ่นเลยนะ ซึ่งแต่ละร้านจะมีสูตรและรสชาติต่างๆกันไป ส่วนร้านแซง เอตัวล์นี้ในไทยเรามีมาเปิดนานแล้ว มีหลายสาขาส่วนมากตามห้างสรรพสินค้านั่นแหละ ไอ้ชิ้นที่เราหยิบมานี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นแกงกะหรี่อะไร รู้แต่ว่ากัดไปคำแรกมันชั่งกลมกล่อมเสียนี่กระไร ชิ้นพออิ่มนี่สนราคารวม vat ที่ 195 เยน
ยิ่งเขียนยิ่งมันส์ยิ่งยาว....อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ...
Shitennoji Koshindo เราไม่แน่ใจว่าเรียกเป็นวัดหรือศาลเจ้าดี ศาสนสถานแห่งนี้อยู่ระหว่างทางที่เราจะไป Shitennoji Temple ซึ่งเราเลือกขึ้นมาทางสถานี Tennoji ทางออก 3 ใกล้โรงแรม Tennoji Miyako จากนั้นก็เดินลอดอุโมงค์ข้ามทางรถไฟไป ซึ่งเราใช้ Google map นำทางไปเรื่อยๆ ครับ เดินไปราวๆ 10 กว่านาทีได้
บรรยากาศช่วงเช้าวันอาทิตย์นั้นถือว่าคนไม่เยอะ ออกแนวเงียบเหงาพอสมควรครับ เดินต่อมาอีกนิดหน่อยก็จะเห็นประตู Shitennoji Temple กันแล้วครับ ตรงทางเข้าให้ยื่นบัตร OAP ซึ่งมี จนท.อาสาสมัคร ที่เป็นคุณป้ารอทักทายอยู่ครับ
ภาพส่วนต่างๆ ภายในวัด Shitennoji ครับ วัดนี้ค่อนข้างคึกคักเลยที่เดียว ทั้งคนญี่ปุ่นเอง นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ
จากนั้นเรานั่งรถไฟสถานี Shitenoji-mae Yuhigaoka สาย Tanimachi Line (สายสีม่วง) ไปอีก 6 สถานี มายังสถานี Higashi-Umeda เพื่อมาขึ้นชิงช้าสวรรค์แดง (HEP FIVE Ferris Wheel)
ระหว่างทางจากวัดไปสถานี ได้เห็นการช่อมแซมถนนของญี่ปุ่นแล้วรู้สึกว่าประทับใจมากครับ มีความ safety first มากๆ การทำงานเรียบร้อย มีคอำนวยความสะดวกในการสัญจรผ่านจุดที่ซ่อมแซม ช่างต่างจากบ้านเราจริงๆ ครับ เห็นแล้วอยากให้หน่วยงานบ้านเราคำนึงถึงเรื่องแบบนี้บ้างจังครับ
จุดแลกบัตร HEP FIVE Ferris Wheel ตั้งอยู่ชั้น 7 เราเพียงยื่น OAP ให้ จนท. สแกนแล้ว จนท. จะพาเรายังจุดถ่ายรูปที่ระลึก (ซึ่งจะให้เราซื้อตอนลงจากชิงช้าสวรรค์ในราคา 1,100 เยน) และพาเราไปต่อแถวเพื่อขึ้นชิงช้าสวรรค์ ณ จุดนี้ จขกท. รั่วกระหน่ำถ่ายรูปกันไม่ยั้ง อย่างกับเด็กน้อยเพิ่งขึ้นชิงช้าสวรรค์ครั้งแรกเลย เสียดายช่วงนี้อากาศดันครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก เมฆบังแสงหมด ภาพเลยไม่ค่อยสดใสเท่าไร ใช้เวลาบนชิงช้าราวๆ 15-20 นาที จากนั้นเรามุ่งหน้ากลับมานั่งรถไฟที่สถานีเดิม Shitenoji-mae Yuhigaoka ไปยังสถานี Tanimachiyonchome
ให้ออกทางออกที่ 9 ครับ จะโผล่มาเจอ OSK Museum of History ด้วยเวลาที่เราแพลนมาคาดเคลื่อนไปพอสมควรเราจึงตัดโปรแกรมการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ออกไป แต่ไม่พลาดเก็บภาพรอบที่มีฉากใบไม้เปลี่ยนสวยงามมาด้วย แล้วก็มุ่งหน้าไปยังปราสาท Osaka Castle กันต่อเลย ระหว่างนี้เราแวะฝากท้องที่ร้านสะดวกซื้ออีกเช่นเคยกับร้าน Lawson ซึ่งอยู่ระหว่างทางที่จะเข้าไปปราสาท
จากทางเข้าด้านหน้าเราต้องเดินมาอีกเล็กน้อยก็จะถึงลานและตัวปราสาท ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกับอย่างคับคั่งและมีร้านของกิน ขนม รออยู่มากมาย สำหรับการเข้าชมปราสาทนั้น เนื่องจากเรามี OAP แล้วก็ไม่ต้องไปต่อคิวตรงจุดจำหน่ายตั๋วอีกนะครับ เดินขึ้นบันไดไปได้เลยแล้วจะมี จนท. สแกนบัตรรออยู่ด้านบนก่อนถึงประตูเข้าตัวปราสาท ใกล้ๆที่มีปืนใหญ่ตั้งอยู่ครับ
การชมปราสาทนั้นจะเริ่มจากชั้นบนสุดที่เป็นจุดชมวิวก่อนแล้วค่อยๆ เดินลงมาที่ละชั้น ซึ่งก็หามุมถ่ายรูปได้ยากมากเพราะคนเยอะจริงๆ รวมถึงชั้นนี้จะมีจุดขายของที่ระลึก เช่น พวกพวงกุญแจ แผ่นแม่เหล็ก ชุดแก้ว ฯลฯ สำหรับชั้นถัดลงมาก็จะมีส่วนจัดแสดงเรื่องราวในอดีตของญี่ปุ่นในแต่ละยุคสมัย โดยชั้น 3-4 จะจัดแสดงในส่วยของชุดเครื่องแต่งกายโบราณ ชุดกษัตริย์ ชุดนักรบ ศาตราอาวุธ เครื่องมือต่างๆ ซึ่งสองชั้นนี้ ห้ามถ่ายรูป นะครับ แต่ยังเห็นมีคนยกมือถือกล้องถ่ายกันอยู่บ้าง ยังระวังและทำตามกฎกันด้วยนะครับ สำหรับใครที่ชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็ต้องอาจจะเผื่อเวลาในการชมไว้ด้วยนะครับ เพราะนอกในตัวปราสาทแล้วยังมีสถานที่รอบปราสาทที่น่าสนใจอีกหลายจุดเลย ซึ่งเราก็ใช้เวลาที่ Osaka Castle ไปกว่า 3 ชั่วโมง
ก่อนกลับก็ขอแวะชิมไอติมชาเขียวสักหน่อยเห็นหลายคนบอกมาว่าร้านนี้อร่อย อิอิ ^^
จากนั่นเราจะนั่งรถไฟไปต่อกันที่หอคอยซูเท็นกากุ (Tsutenkaku Tower) โดยใช้รถไฟสาย Chuo Line ไปลงสถานี Sakaisuji Hommachi และต่อรถไฟสาย Sakaisuji Line ไปลงสถานี Ebisucho ออกทาง Exit 2 แล้วเดินไปทางซ้ายจะเห็น Osaka Shinsekai และเหมือนเคยบัตร OAP ขึ้นหอคอยได้ฟรี
Tsutenkaku Tower เป็นหอคอยที่มีต้นแบบมาจากหอไอเฟลของฝรั่งเศส โดยจะมีโซนหลักๆ 3 ส่วน คือ ส่วนจุดชมวิวมุมสูงของเมืองโอซะกะ ร้านกูลิโกะสโตร์ที่เป็นร้านขายผลิตภัณฑ์กูลิโกะและส่วนจัดแสดงประวัติความเป็นมาของกูลิโกะ และโซนร้านค้าอื่นๆ สำหรับจุดสแกนบัตรขึ้นหอคอยจะอยู่ที่ชั้น 2 จากนั้นมีลิฟต์ที่จะพาเราไปจุดชมวิวที่ชั้น 5 แล้วค่อยเดินย้อนลงมาแต่ละชั้น ซึ่งเรามาถึงเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว วิวที่ได้จะเป็นบรรยากาศเมืองโอซะกะยามเย็นย่ำค่ำคืน ซึ่งสวยงามไปอีกแบบครับ ทริปวันนี้ยังไม่จบ...เพราะเรายังมีนัดอีกหนึ่งแห่งที่ ตลาดอามาซากิ block C3 เกริ่นมาขนาดนี้หลายท่านคงรู้ในจุดประสงค์แล้วแหละนะ
ชื่อสินค้า:
ญี่ปุ่น , Japan . osaka
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
รบกวนตรวจแผนท่องเที่ยว โอซาก้า เกียวโต ให้หน่อยครับ พร้อมีข้อสงสัยถามครับ
โอซาก้า 19 ก.พ. (วันที่1) - 9:20 ลงเครื่อง ซื้อ Osaka Amazing Pass 2วัน3000Yen ซื้อได้ที่ 1.สนามบินชั้น1Terminal 1 ที่เคาน์เตอร์ Travel desk 2. ศุนย์บริการท่องเที่ยวสถานี Namba,Umeda นั่งรถไฟเข้าเม
The_Duchess
รีวิวที่พัก “Eslead Hotel Osaka Tsuruhashi” โรงแรมสไตล์ใหม่ที่อยากให้ไปลองเมื่อมาโอซาก้า
ลืมการเที่ยวแบบเดิม ๆ แล้วไปเปิดประสบการณ์ที่พักแนวใหม่ในโอซาก้าที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากพักเป็นกลุ่มหลายคน ที่อยากทำอาหารเอง เดินทางสะดวก ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวแต่ยังมีความเป็นส่วนตัว กับ รีวิว Eslea
ChillChill-Trip
รบกวนถามว่าลำดับสถานที่เที่ยวตามนี้ดีไหมคะโดยใช้ Osaka Amazing Pass
จขกท จะเที่ยวสถานที่ดังต่อไปนี้วันที่ 16 กันยา นี้ค่ะ ไปซื้อ Osaka Amazing Pass แบบ 1 Day ที่งานไทยเที่ยวไทยมา (750 บาท) เลือกสถานที่ที่อยากไปที่สุดออกมา และลำดับได้ตามด้านล่างนี้ค่ะ Remark* - หลัง @
สมาชิกหมายเลข 808666
พาครอบครัวชมใบไม้เปลี่ยนสี ณ Kansai 9 วัน 8 คืน ไม่ยากอย่างที่คิด [Part 3 : OSAKA & WAKAYAKA] (END)
สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกที่เขียนรีวิวนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย PART 1 : Himeji & Kyoto --> https://pantip.com/topic/38819342 PART 2 : NARA & KOBE & UNIVERSAL -
Nikukung
Go Go Osaka @ Japan Part 2
Go Go Osaka Part 2ตลาด Kuromon Ichiba l Osaka Castle l ชิงช้าสวรรค์ Tempozan Wheel l เรือซานต้ามาเรีย (Santa Maria)l Osaka Aquarium Kaiyukan🎌 Go Go Osaka @ Japan 🎌รวมทริปโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น by น า ย
น า ย บ้ า เ ที่ ย ว
Autumn in Japan Day 7 Osaka - ปราสาทโอซาก้า - Bangkok (22 .11.2017) ตอนจบ
สวัสดีครับ ต่อจากตอนที่แล้ว Autumn in Japan Day 6 Osaka - Kyoto - ป่าไผ่อาราชิยามะ – วัดเทนริวจิ – หอคอยยาซากะ - Shijoo Bridge (21.11.2017) วันที่ 7 วันสุดท้ายของทริป 22/11/2560 วันน
AUN_SAP
โอซาก้า! ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิชมสวน "ดอกอุเมะ(ดอกบ๊วย)" พร้อมช้อปของเล่นของสะสมย่านนิปปอนบาชิเด็นเด็นทาวน์
เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ก็จะเข้าสู่ช่วงปลายฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นช่วงของดอก “อุเมะ” หรือ ดอกบ๊วย ถือเป็นดอกไม้แห่งการเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยดอกอุเมะในแถบคันไซ อย
สมาชิกหมายเลข 4114214
พาเที่ยวถ่ายรูป Osaka - โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น 2024 ด้วยกล้องมือถือ Xiaomi 14T Pro
สวัสดีเพื่อนๆ Pantip ทุกคนครับ หลังจากกระทู้ที่แล้วผมพาทุกคนไปเที่ยวที่เมืองเกียวโตกันแล้ว ครั้งนี้ผมจะพาไปเที่ยวกันต่อที่เมืองโอซาก้า
วิชาท่องเที่ยว 101
เที่ยวบนเส้นทางของรถไฟสายน่ารักอย่าง Enoden Train
เป้าหมายหนึ่งของทริปญี่ปุ่นที่ผ่านมา คือ การเที่ยวบนเส้นทางของรถไฟสายน่ารักอย่าง Enoden Train หรือที่ชื่อเต็ม Enoshima Electric Railway เราเริ่มจากสถานี
สมาชิกหมายเลข 8434553
บัตร IC CARD เที่ยวญี่ปุ่น: พกใบเดียวเที่ยวสะดวก ซื้อของ-ขึ้นรถไฟครบ
บัตร IC Card คือ บัตรเติมเงินสมาร์ทการ์ดที่ใช้งานง่ายในญี่ปุ่น เพียงแค่แตะบัตรก็สามารถจ่ายเงินซื้อสินค้า บริการต่าง ๆ และใช้กับระบบขนส่งสาธารณะได้แบบไร้เงินสด สะดวกและประหยัดเวลาสุด ๆ ใช้ได้ทั่วป
ท้องทะเลสีคราม
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
โอซาก้า
ประเทศญี่ปุ่น
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 51
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] Japan Story : เมื่อหลวมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่น Part 2
และขอขอบคุณทุกท่านสำหรับคำติชมและที่ติดตามอ่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ^__^
ตอนที่ 1 ออกเดินทาง https://pantip.com/topic/36220857
ตอนที่ 2 ตะลุย Osaka
หลังจากเช็คอินเก็บของเรียบร้อยก็ถึงเวลาออกเที่ยวหาของกิน......เราตรงดิ่งเข้าสถานีรถไฟเพื่อจะมุ่งหน้าไปย่าน Dotonbori และ Ebisu Bashi-Suji กัน นั่งรถไฟสถานีเดิม สายเดิม (Midosuji Line สีแดง) แต่นั่งย้อนกลับไป 5 สถานี คือ สถานี Namba ทางออก 14 มั้ง คือเดินออกมาจะเจอตึก Namba HIPS พอดี แต่ให้หันหลังเดินวกกลับไปในทางตรงข้าม
และด้วยช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสีพอดี บนถนน Midisuji เส้นนี้จึงเต็มไปด้วยต้นแป๊ะก๊วยที่กำลังผลัดเปลี่ยนใบเป็นสีเหลืองทองอร่ามและร่วงหล่นเต็มพื้นทางเดิน เรียกว่าดีต่อใจกันตั้งแต่จุดแรกๆเลยครับ เราเดินตรงมาอีกอึดใจหนึ่ง แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยไปก็ถึงแล้วครับ สิ่งแรกที่ท่านจะได้พบคือมวลมหาประชาชนจำนวนมากมายที่ยื่นถ่ายภาพกับเจ้าปูยักษ์ที่เกาะเด่นเป็นสง่า จากนั้นเราเดินไปอีกหน่อยก็ถึงไฮไลท์ที่ประชาชนทั่วโลกจะต้องมาถ่ายรูปคู่กับเค้าคนนี้ “มิสเตอร์กูลิโกะ”
เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปสักพักความหิวก็เริ่มมาเยือน เพื่อความสะดวกและด้วยอากาศที่หนาว 6-9 องศา พวกเราจึงเดินหลบเข้าไปในแฟมิลี่มาร์ท แล้วจัดอะไรอุ่นมาสักชาม ซึ่งจัดได้ว่าอร่อยเลยล่ะ ซดดังๆจนหมดชามจร้า ก่อนกลับเลยขอแวะต่อแถวทาโกะยากิเจ้าดังที่คิวย้าวยาวสักหน่อย เพื่อเอากลับไปไว้รองท้องตอนดึก และก็ไม่ผิดหวังแม้จะปล่อยไว้จนหายร้อนแล้วแต่ความอร่อยยังคงอยู่ มันซาบซ่านอบอวลอยู่ลิ้นจนถึงบัดนี้ ^^
วันที่สอง สำหรับ 2 วัน ถัดจากนี้เราจะไปท่องเมืองโอซาก้า เลยเลือกใช้ Osaka Amazing Pass (OAP) 2 Days บัตรนี้ใช้นั่ง Subway+NewTram+CityBus ในโอซาก้าได้ไม่จำกัดเที่ยว โดยไม่สามารถใช้โดยสารรถไฟ JR + Private Railways ได้ พร้อมกันนี้ยังใช้เป็นบัตรเบ่งเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในโอซาก้าได้ฟรีถึง 31 แห่ง และยังใช้เป็นส่วนลดบัตรเข้าชมสถานที่และร้านอาหารอีกมากมาย สนราคาใบละ 3,000 เยน ซึ่งเราก็จัดเตรียมมาจากเมืองไทยเรียบร้อยโดยซื้อผ่านเอเจนท์ในราคา 950 บาท (ราคาขึ้นลงตามอัตราแลกเปลี่ยน) วิธีการใช้ก็เพียงโชว์บัตรให้ จนท. ประจำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้นสแกนบาร์โค๊ตบนบัตร OAP ของเรา
(OAP 1 Days จะใช้โดยสาร Private Railways เช่นสาย Hansin Hungkyu Keihan Kinki Nankai ได้ แต่ไม่สามารถใช้โดยสารรถไฟ JR ได้เช่นกัน)
อัพเดท!! ได้ข่าวว่าตั้งแต่ 1 เมษายน 2560 เป็นต้นไป OAP 2017 Version จะปรับราคาใหม่พร้อมเพิ่มสถานที่อีกอย่างน้อย 5 แห่งที่สามารถเข้าได้ฟรี ราคา 1 Day 2,500 เยน / 2 Days 3,300 เยน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากโซ้ยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่พกมาจากบ้านแล้ว เราพุ่งทะยานออกมาสถานีรถไฟแต่เช้า แต่สายเราเหลือบไปเห็นว่าร้าน SAiNT ETOILE (แซง เอตัวล์) ซึ่งเปิดอยู่ เลยขอแวะไปชิมขนมปังไส้แกงกะหรี่ หรือ “คาเระปัง” กันสักหน่อย คาเระปังนั้นถือเป็นเบเกอรี่ 1 ใน 5 ยอดฮิตที่ต้องมีในร้านเบเกอรี่ญี่ปุ่นเลยนะ ซึ่งแต่ละร้านจะมีสูตรและรสชาติต่างๆกันไป ส่วนร้านแซง เอตัวล์นี้ในไทยเรามีมาเปิดนานแล้ว มีหลายสาขาส่วนมากตามห้างสรรพสินค้านั่นแหละ ไอ้ชิ้นที่เราหยิบมานี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นแกงกะหรี่อะไร รู้แต่ว่ากัดไปคำแรกมันชั่งกลมกล่อมเสียนี่กระไร ชิ้นพออิ่มนี่สนราคารวม vat ที่ 195 เยน
ยิ่งเขียนยิ่งมันส์ยิ่งยาว....อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ...
Shitennoji Koshindo เราไม่แน่ใจว่าเรียกเป็นวัดหรือศาลเจ้าดี ศาสนสถานแห่งนี้อยู่ระหว่างทางที่เราจะไป Shitennoji Temple ซึ่งเราเลือกขึ้นมาทางสถานี Tennoji ทางออก 3 ใกล้โรงแรม Tennoji Miyako จากนั้นก็เดินลอดอุโมงค์ข้ามทางรถไฟไป ซึ่งเราใช้ Google map นำทางไปเรื่อยๆ ครับ เดินไปราวๆ 10 กว่านาทีได้
บรรยากาศช่วงเช้าวันอาทิตย์นั้นถือว่าคนไม่เยอะ ออกแนวเงียบเหงาพอสมควรครับ เดินต่อมาอีกนิดหน่อยก็จะเห็นประตู Shitennoji Temple กันแล้วครับ ตรงทางเข้าให้ยื่นบัตร OAP ซึ่งมี จนท.อาสาสมัคร ที่เป็นคุณป้ารอทักทายอยู่ครับ
ภาพส่วนต่างๆ ภายในวัด Shitennoji ครับ วัดนี้ค่อนข้างคึกคักเลยที่เดียว ทั้งคนญี่ปุ่นเอง นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ
จากนั้นเรานั่งรถไฟสถานี Shitenoji-mae Yuhigaoka สาย Tanimachi Line (สายสีม่วง) ไปอีก 6 สถานี มายังสถานี Higashi-Umeda เพื่อมาขึ้นชิงช้าสวรรค์แดง (HEP FIVE Ferris Wheel)
ระหว่างทางจากวัดไปสถานี ได้เห็นการช่อมแซมถนนของญี่ปุ่นแล้วรู้สึกว่าประทับใจมากครับ มีความ safety first มากๆ การทำงานเรียบร้อย มีคอำนวยความสะดวกในการสัญจรผ่านจุดที่ซ่อมแซม ช่างต่างจากบ้านเราจริงๆ ครับ เห็นแล้วอยากให้หน่วยงานบ้านเราคำนึงถึงเรื่องแบบนี้บ้างจังครับ
จุดแลกบัตร HEP FIVE Ferris Wheel ตั้งอยู่ชั้น 7 เราเพียงยื่น OAP ให้ จนท. สแกนแล้ว จนท. จะพาเรายังจุดถ่ายรูปที่ระลึก (ซึ่งจะให้เราซื้อตอนลงจากชิงช้าสวรรค์ในราคา 1,100 เยน) และพาเราไปต่อแถวเพื่อขึ้นชิงช้าสวรรค์ ณ จุดนี้ จขกท. รั่วกระหน่ำถ่ายรูปกันไม่ยั้ง อย่างกับเด็กน้อยเพิ่งขึ้นชิงช้าสวรรค์ครั้งแรกเลย เสียดายช่วงนี้อากาศดันครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก เมฆบังแสงหมด ภาพเลยไม่ค่อยสดใสเท่าไร ใช้เวลาบนชิงช้าราวๆ 15-20 นาที จากนั้นเรามุ่งหน้ากลับมานั่งรถไฟที่สถานีเดิม Shitenoji-mae Yuhigaoka ไปยังสถานี Tanimachiyonchome
ให้ออกทางออกที่ 9 ครับ จะโผล่มาเจอ OSK Museum of History ด้วยเวลาที่เราแพลนมาคาดเคลื่อนไปพอสมควรเราจึงตัดโปรแกรมการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ออกไป แต่ไม่พลาดเก็บภาพรอบที่มีฉากใบไม้เปลี่ยนสวยงามมาด้วย แล้วก็มุ่งหน้าไปยังปราสาท Osaka Castle กันต่อเลย ระหว่างนี้เราแวะฝากท้องที่ร้านสะดวกซื้ออีกเช่นเคยกับร้าน Lawson ซึ่งอยู่ระหว่างทางที่จะเข้าไปปราสาท
จากทางเข้าด้านหน้าเราต้องเดินมาอีกเล็กน้อยก็จะถึงลานและตัวปราสาท ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกับอย่างคับคั่งและมีร้านของกิน ขนม รออยู่มากมาย สำหรับการเข้าชมปราสาทนั้น เนื่องจากเรามี OAP แล้วก็ไม่ต้องไปต่อคิวตรงจุดจำหน่ายตั๋วอีกนะครับ เดินขึ้นบันไดไปได้เลยแล้วจะมี จนท. สแกนบัตรรออยู่ด้านบนก่อนถึงประตูเข้าตัวปราสาท ใกล้ๆที่มีปืนใหญ่ตั้งอยู่ครับ
การชมปราสาทนั้นจะเริ่มจากชั้นบนสุดที่เป็นจุดชมวิวก่อนแล้วค่อยๆ เดินลงมาที่ละชั้น ซึ่งก็หามุมถ่ายรูปได้ยากมากเพราะคนเยอะจริงๆ รวมถึงชั้นนี้จะมีจุดขายของที่ระลึก เช่น พวกพวงกุญแจ แผ่นแม่เหล็ก ชุดแก้ว ฯลฯ สำหรับชั้นถัดลงมาก็จะมีส่วนจัดแสดงเรื่องราวในอดีตของญี่ปุ่นในแต่ละยุคสมัย โดยชั้น 3-4 จะจัดแสดงในส่วยของชุดเครื่องแต่งกายโบราณ ชุดกษัตริย์ ชุดนักรบ ศาตราอาวุธ เครื่องมือต่างๆ ซึ่งสองชั้นนี้ ห้ามถ่ายรูป นะครับ แต่ยังเห็นมีคนยกมือถือกล้องถ่ายกันอยู่บ้าง ยังระวังและทำตามกฎกันด้วยนะครับ สำหรับใครที่ชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็ต้องอาจจะเผื่อเวลาในการชมไว้ด้วยนะครับ เพราะนอกในตัวปราสาทแล้วยังมีสถานที่รอบปราสาทที่น่าสนใจอีกหลายจุดเลย ซึ่งเราก็ใช้เวลาที่ Osaka Castle ไปกว่า 3 ชั่วโมง
ก่อนกลับก็ขอแวะชิมไอติมชาเขียวสักหน่อยเห็นหลายคนบอกมาว่าร้านนี้อร่อย อิอิ ^^
จากนั่นเราจะนั่งรถไฟไปต่อกันที่หอคอยซูเท็นกากุ (Tsutenkaku Tower) โดยใช้รถไฟสาย Chuo Line ไปลงสถานี Sakaisuji Hommachi และต่อรถไฟสาย Sakaisuji Line ไปลงสถานี Ebisucho ออกทาง Exit 2 แล้วเดินไปทางซ้ายจะเห็น Osaka Shinsekai และเหมือนเคยบัตร OAP ขึ้นหอคอยได้ฟรี
Tsutenkaku Tower เป็นหอคอยที่มีต้นแบบมาจากหอไอเฟลของฝรั่งเศส โดยจะมีโซนหลักๆ 3 ส่วน คือ ส่วนจุดชมวิวมุมสูงของเมืองโอซะกะ ร้านกูลิโกะสโตร์ที่เป็นร้านขายผลิตภัณฑ์กูลิโกะและส่วนจัดแสดงประวัติความเป็นมาของกูลิโกะ และโซนร้านค้าอื่นๆ สำหรับจุดสแกนบัตรขึ้นหอคอยจะอยู่ที่ชั้น 2 จากนั้นมีลิฟต์ที่จะพาเราไปจุดชมวิวที่ชั้น 5 แล้วค่อยเดินย้อนลงมาแต่ละชั้น ซึ่งเรามาถึงเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว วิวที่ได้จะเป็นบรรยากาศเมืองโอซะกะยามเย็นย่ำค่ำคืน ซึ่งสวยงามไปอีกแบบครับ ทริปวันนี้ยังไม่จบ...เพราะเรายังมีนัดอีกหนึ่งแห่งที่ ตลาดอามาซากิ block C3 เกริ่นมาขนาดนี้หลายท่านคงรู้ในจุดประสงค์แล้วแหละนะ